BGRIM โชว์ฟอร์ม คว้ากำไรQ2/61 ที่ 688 ลบ. แจกปันผล งวด 6 เดือน ที่ 0.15 บาท
พร้อมตอกย้ำขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นเป็นตัวเลขทางบัญชี ไม่ส่งผลกระทบถึงการดำเนินงาน
BGRIM ไตรมาส 2/2561 รายได้แตะ 8,805 ล้านบาท กำไรสุทธิจากผลการดำเนินงาน เพิ่มขึ้นกว่า 34% แตะ 688 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน หลังจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบต่อเนื่องทั้งโรงไฟฟ้า ABPR3-ABPR4 ผู้บริหาร “ปรียนาถ สุนทรวาทะ” ย้ำพร้อมเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าตามแผน รุกหนักเจรจาลงทุนใน-นอก แจกปันผลงวด 6 เดือนแรก วันที่ 7 ก.ย. 2561 ที่ 15 สตางค์ นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 8,805 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้า ABPR3 ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ทำให้ในช่วงไตรมาสที่ 2 เปิดดำเนินการเต็มจำนวน 3 เดือน อีกทั้งมีการจ่ายไฟฟ้าในโรงไฟฟ้า ABPR4 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ในวันที่ 1 มิถุนายน 2561 และจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าเดิม ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 1,912 เมกะวัตต์ ขณะที่กำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 688 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 34% จากไตรมาสก่อน แม้ว่ากำไรสุทธิตามงบการเงินไตรมาส 2/2561 จะอยู่ที่ 215 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขตามมาตรฐานทางบัญชี จากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นของเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและกระแสเงินสด ส่งผลให้ 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานอยู่ที่1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 37.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทพิจารณาผลประกอบการและการจ่ายปันผลจากกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานที่ 1,200 ล้านบาท เป็นสำคัญ โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 ในอัตราหุ้นละ 15 สตางค์ โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามที่ปรากฎรายชื่อ ณ วันกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 24 สิงหาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 7 กันยายน 2561 นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญร้อยละ 80 ในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตติดตั้ง 257 เมกะวัตต์ (กำลังการผลิตตามสัญญา 214 เมกะวัตต์) กับกลุ่มบริษัท Truong ThanhViet Nam Group Joint Stock Company (TTVN) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงในประเทศเวียดนาม โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างกระบวนการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 20 ปี กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) โดยมีอัตราขายไฟฟ้า 9.35 ดอลลาร์เซนต์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง โดยจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนมิถุนายน 2562 อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ยังเดินหน้าธุรกิจตามแผนในปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตไม่น้อยกว่า 25% จากปีก่อนที่ 1,646 เมกะวัตต์ มาที่ 2,091 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นไปตามการเปิดดำเนินการของโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 445 เมกะวัตต์ โดยในช่วงครึ่งปีแรกเปิดดำเนินการไปแล้ว 2 แห่ง ส่วนช่วงที่เหลือของปีจะเปิดดำเนินการ โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 5 กำลังการผลิต 133 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 7 โครงการ กำลังการผลิตรวม 31 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 1 โครงการในสปป. ลาว กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ สำหรับโครงการลงทุนอื่นๆ นอกจากการซื้อหุ้นเพิ่มจาก 49% เป็น 100% ของโครงการ BGYSP ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ ในไตรมาสที่ 3/2561 และการซื้อหุ้น 55% ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 420 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในกลางปี 2562 แล้ว บริษัทยังเตรียมประกาศข่าวดี ในการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศอี 2-3 โครงการเร็วๆ นี้