MSN on August 10, 2018, 02:32:02 PM

World Elephant Day


แหม่ม คัทลียา ทูตไวล์ดเอดชวนคนไทย ‘ไม่เอางาไม่ฆ่าช้าง’ ในวันช้างโลก


ทูตไวลด์เอด_คุณแหม่ม คัทลียา แมคอินทอช

ช้างไม่ลืม - คุณแหม่ม คัทลียา แมคอินทอช - Elephants Never Forget
https://www.youtube.com/watch?v=0QemB4YqvPk&feature=youtu.be


กรุงเทพมหานคร (10 สิงหาคม 2561) – องค์กรไวล์ดเอด เปิดตัววิดีโอรณรงค์ชิ้นล่าสุด ที่มีคุณแหม่ม คัทลียา แมคอินทอช นักแสดงและพิธีกรชื่อดังและทูตองค์กร เป็นตัวแทนบอกเล่าถึงสายสัมพันธ์ อันใกล้ชิดระหว่างแม่กับลูกช้าง และผลกระทบที่น่าเศร้าจากความต้องการซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์งาช้าง เนื่องในวันช้างโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติของไทยอีกด้วย

ช้าง เป็นสัตว์ที่มีสัญชาติญาณความเป็นแม่ที่แรงกล้า สายสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกช้าง ถือว่ามีความผูกพันใกล้ชิดมากกว่าสัตว์ทั่วไป แม่ช้างใช้เวลาอุ้มท้องนานถึง 22 เดือน หรือเกือบ 2 ปี
และยังต้องใช้เวลานานกว่า 2 ถึง 4 ปีในการเตรียมความพร้อมร่างกายเพื่อที่จะมีลูกสักหนึ่งตัว แต่ทุกปีมีช้างมากถึง 33,000ตัว ถูกฆ่าเพื่อเอางาในทวีปแอฟริกา ทำให้ในหลายๆ ประเทศ อัตราการตายของช้างจึงสูงกว่าจำนวนช้างแรกเกิด

“ความต้องการงาช้างในเอเชียกำลังเพิ่มอัตราการสูญเสียของช้างแอฟริกา ในฐานะแม่ แหม่มขอพูดถึงบทบาทของแม่ช้างที่มีความสำคัญมากต่อการอยู่รอดของลูกช้าง อย่างที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้เช่นเดียวกับมนุษย์  ลูกช้างเพศเมียจะอยู่ใกล้ชิดกับแม่ของมัน จนลมหายใจสุดท้าย แต่มนุษย์กลับใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีคร่าชีวิตช้างเพียงเพื่องา แหม่มขอชวนทุกคนช่วยกันแชร์คลิปวิดีโอนี้ เพื่อแสดงพลังที่มีต่อช้างไม่ว่าที่ไหนในโลก เผยแพร่ให้เยาวชนได้เห็นสายใยทีี่ใกล้ชิดระหว่างครอบครัวช้าง เนื่องในวันช้างโลก และวันแม่ และร่วมกันยุติการฆ่าช้างเอางาด้วยการเลิกซื้อ เลิกใช้ และเลิกรับผลิตภัณฑ์งาช้าง” คุณคัทลียา กล่าว

ในขณะที่ช้างเอเชียเพศผู้เท่านั้นที่จะมีงา ช้างแอฟริกาจะพบงาได้ทั้งในเพศผู้และเพศเมีย ทำให้ ทำให้ทั้งโขลง/ครอบครัวช้าง ตกเป็นเป้าหมายของการถูกล่า และลูกช้างซึ่งยังไม่มีงาจะตกอยู่ในอันตรายจนกว่าจะได้รับความช่วยเหลือ จากหน่วยงานที่รับดูแลลูกช้างกำพร้า วิดีโอรณรงค์ ‘ช้างไม่ลืม’ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคำบอกเล่าและการศึกษาวิจัยที่พบว่า ช้างเป็นสัตว์ที่มีความจำเป็นเลิศ โดยคุณแหม่ม คัทลียา พูดถึงลูกช้างในแอฟริกาต้องกำพร้า เพราะพ่อ และแม่ของมันถูกฆ่าเอางา เพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่จำเป็นของมนุษย์ และชวนให้ทุกคน #ไม่เอางาไม่ฆ่าช้าง ด้วยการหยุดซื้อ หยุดใช้ และหยุดรับผลิตภัณฑ์งาช้าง

ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติของไทย การอนุรักษ์และปกป้องช้าง จึงถือเป็นความภาคภูมิใจ และเป็นสิ่งที่ ปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน รัฐบาลไทยดำเนินมาตรการหลายอย่าง เพื่อคุ้มครองช้างและแก้ปัญหา การค้างาช้างผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง เมื่อปี 2558 ไทยออกพระราชบัญญัติงาช้าง เพื่อควบคุมตลาดค้างาช้างถูกกฎหมายที่มาจากช้างบ้านของไทยที่เป็นช้างเอเชียเท่านั้น และรัฐบาลยังได้แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 กำหนดให้ช้างแอฟริากันเป็น 1 ในสัตว์คุ้มครองของไทย มีผลห้ามการซื้อขายหรือครอบครองงาช้างแอฟริกัน

องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือไอยูซีเอ็น (IUCN) ประเมินว่า ประชากรช้างแอฟริกันลดลงราว 110,000 ตัวในช่วง 10ปีที่ผ่านมา แม้แนวโน้มการฆ่าช้างแอฟริกันจะลดลงจากจุดสูงสุดเมื่อปี พ.ศ.2554  แต่จำนวนช้างที่ถูกฆ่ายังอยู่ในระดับสูงเมื่อดูภาพรวมทั้งทวีป และประชากรช้างแอฟริกันยังคงมีแนวโน้มลดลงเมื่อดูจากจำนวนในปี พ.ศ.2559

ตราบใดที่ยังมีความต้องการและการยอมรับการใช้ผลิตภัณฑ์งาช้างอยู่ในสังคม ประชากรช้างท่ัวโลก ก็จะยังตกอยู่ในความเสี่ยงท่ีจะสูญพันธุ์ “การลดความต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์งาช้าง ถือเป็นหัวใจสําคัญขององค์กรไวล์ดเอดในการยุติการฆ่าช้างเอางา เราหวังว่าการสร้างความตระหนักให้คนรับรู้ถึงความโหดร้ายที่อยู่เบื้องหลังผลิตภัณฑ์งาช้าง จะทําให้สังคมหันหลังให้กับ การซื้อ การใช้ผลิตภัณฑงาช้างมากยิ่งขึ้น เพราะหยุดซื้อ คือ หยุดฆ่า” มร.จอห์น เบเกอร์ ผู้อำนวยการโครงการรณรงค์องค์กรไวล์ดเอด กล่าว


เกี่ยวกับ  WildAid
WildAid (www.wildaid.org) คือ องค์กรไม่แสวงผลกำไร  มีเป้าหมายหลักเพื่อยุติการค้าสัตว์ป่า  และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่า ผิดกฎหมาย WildAid เน้นรณรงค์เพื่อลดความต้องการบริโภค และความต้องการ ซื้อผลิตภัณฑ์สัตว์ป่า โดยเราหวังว่า ผู้บริโภคจะไม่กินหูฉลาม ไม่ซื้องาช้าง นอแรด และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าอื่นๆ อีกต่อไป

WildAidได้รับการสนับสนุนจากบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกกว่า 100 คน ร่วมเผยแพร่ข้อความรณรงค์ ให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหา การฆ่าและค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ผ่านสโลแกนหลักขององค์กร “When the Buying Stops, the Killing Can Too หยุดซื้อ คือ หยุดฆ่า

เราทำงานรณรงค์ที่เอเชียเป็นหลัก ในประเทศที่ยังมีความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์สัตว์ป่าสูง และได้ทำโครงการรณรงค์ Ivory Free หยุดซื้องาช้างในประเทศจีน ฮ่องกง และล่าสุดในไทย
www.wildaidthai.org www.facebook.com/wildaidthailand IG: @wildaidthailand
« Last Edit: August 10, 2018, 02:35:20 PM by MSN »