MSN on August 09, 2018, 02:54:56 PM
ละมุน เบบี้ รักษาตำแหน่งผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับแม่และเด็ก
วางแผนเจาะตลาดต่างประเทศ ฮ่องกง สิงค์โปร มาเลเซีย ตอบรับดี เดินหน้าเจรจาจีน อินโด เวียดนาม

ละมุน เบบี้ ก้าวสู่ปีที่ 8 อย่างมั่นคง ทุบเป้ามูลค่าการตลาด 130 ล้านบาทในปีนี้ เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ต และเน้นตลาดต่างประเทศ หลังปักธงสินค้าออร์แกนิคแม่และเด็กแบรนด์ไทย “ละมุนเบบี้” แล้วในฮ่องกง สิงค์โปร มาเลเซีย กัมพูชาและลาว มั่นใจผลตอบรับจากลูกค้าเอเชีย พร้อมเดินหน้าเจรจาธุรกิจกับประเทศยักษ์ใหญ่จีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม ลุยแผนการตลาดหวังโกยรายได้ 200 ล้านบาท ภายสัดส่วนต่างประเทศ 50ล้าน ไทย 20ล้าน หวังโกย70ล้านบาท ภายใน 3 ปี หลังครองแชมป์สัดส่วนทางการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับแม่และเด็กเป็นอันดับ 1 ในแผนกเด็ก ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งเครือเซ็นทรัล โรบินสัน และเดอะมอลล์ กรุ๊ป


คุณเนตรนพิศ รุ่งธนเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ละมุนเบบี้ จำกัด[/b]กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ “ละมุน เบบี้” ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคส่วนผสมจากสารสกัดจากธรรมชาติ 100% ว่า “จุดเริ่มต้นของแบรนด์มีแรงบันดาลใจเริ่มต้นจากการที่ลูกชายเกิดอาการแพ้และระคายเคืองจากการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กทั่วไปในท้องตลาด ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสารที่ไม่ควรมีในผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก จึงพาลูกชายไปปรึกษาแพทย์ โดยเบื้องต้นแพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะที่มีส่วนผสมเสตียรอยด์ ทำให้อาการแพ้ดีขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหายขาดได้ จึงเริ่มศึกษาและหาทางแก้ไขอย่างจริงจังจนพบว่ามีสารเคมีและวัตถุกันเสียที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์เป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดการแพ้ จึงพยายามมองหาผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมีดังกล่าว แต่ก็ไม่พบ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการทำผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับเด็ก ภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า “ละมุนเบบี้” เพื่อแสดงถึงความอ่อนโยนที่เหมาะสมกับเด็กจริงๆ โดยได้วางมาตรฐานความเป็นออร์แกนิคของละมุน ไว้ว่าผลิตภัณฑ์ต้องมีแหล่งต้นกำเนิดจากธรรมชาติในทุกส่วนผสม รวมถึงวัตถุดิบที่ใช้ต้องมีใบรับรองและผ่านการทดสอบคุณภาพว่าไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ละมุนเบบี้ ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ครองใจคุณแม่ยุคใหม่ ด้วยการ เติบโต 30% ในทุกปีตั้งแต่ปีแรกจน ณ วันนี้เข้าสู่ปีที่ 8 เติบโตสวนทางกับภาพรวมที่มูลค่าตลาดโตขึ้นเพียง 3-5 % เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการใหญ่ๆไม่มีการออกสินค้าใหม่ ประกอบกับอัตราการเกิดใหม่ของเด็กก็ลดน้อยลงมาตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ รวมทั้งจากการที่ปัจจุบันแม่ที่มีบุตรคนแรกจะอยู่ในช่วงอายุ 30-40 ปี และมีรายได้สูง ส่งผลให้สินค้าและบริการสำหรับแม่และเด็กกลุ่มพรีเมี่ยมเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากได้ทำการวิจัยมาแล้วว่า เฉลี่ยคุณแม่ ณ ยุคนี้ มีค่าใช้จ่ายต่อเดือน ประมาณ 15,000บาท ในการเลือกซื้อสินค้าสำหรับลูกของตัวเอง พร้อมกับเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงในหมู่คุณแม่ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเรามีความพึงพอใจ กับประสบการ์ณจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา จึงทำให้เรามีการเปิดตัวและขยายสินค้าภายใต้แบรนด์ ละมุนเบบี้ จนได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก”

ช่องทางจำหน่ายสินค้าออนไลน์ เป็นช่องทางที่ตอบรับดีที่สุดสำหรับกลุ่มแม่และเด็ก เนื่องจากการไม่จำกัดระยะเวลา และ การเดินทางของกลุ่มลูกค้านี้ ง่ายแก่การสั่งซื้อ สะดวกสบายให้แก่คุณแม่ที่ต้องดูแลบุตร สามารถช้อปออนไลน์ ช่องทางการสั่งซื้อสินค้า Online โดยหลักเปิดขายใน เพจหลัก เฟสบุค instagram ทางการของเรา และเราเข้า Lazada , Shopee อีกทั้งปีนี้เราส่งสินค้าเราเข้า 24 shopping รวมถึง Drug store กลุ่มร้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ร้านจำหน่ายสินค้าประเภทแม่และเด็ก รวมถึง   Modern Trade โดยสินค้าเราขยายช่องทางการกระจายไปที่ Tops , Lotus ปีนี้มีการเพิ่มสาขาเพื่อจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นใน ห้างโรบินสัน และ ท้อปส์ เพื่อง่ายแก่การเข้าถึงผลิตภัณฑ์




คุณเนตรนพิศ กล่าวต่ออีกว่า “ปัจจุบันสินค้าของละมุน เบบี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก อาทิ โฟมอาบน้ำสระผม มอยซเจอไรซิ่งเจล วอช เบบี้มิลค์กี้โลชั่น ยาสีฟัน แผ่นแปะกันยุง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด อาทิ น้ำยาซักผ้าเด็ก  น้ำยาล้างขวดนม สเปรย์ทำความสะอาดของใช้เด็ก ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแผ่นรองคลาน และผลิตภัณฑ์สำหรับคุณแม่ ได้แก่ ครีมทาหน้าท้องป้องกันการแตกลาย ที่ประคบหน้าอก บาล์มทาหัวนมและริมฝีปาก ผ้าคลุมให้นมลูก และกระเป๋าเก็บอุณหภูมิ อีกด้วย”

ละมุนเบบี้ เริ่มต้นจากการทำธุรกิจบนพื้นฐานของความจริงใจ ชัดเจน และเอาใจใส่ในการคัดเลือกวัตถุดิบในทุกผลิตภัณฑ์ จึงได้รับความไว้วางใจและความเชื่อถือจากกลุ่มลูกค้า โดยแผนการตลาดในปีนี้ ละมุนเบบี้ จะเน้นไปที่การส่งออกผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับเด็กไปยังตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง สิงค์โปร์มาเลเซีย ลาวและกัมพูชา เนื่องจากผลวิจัยระบุว่าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคสำหรับเด็กกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในประเทศดังกล่าว ส่วนประเทศจีนที่เป็นตลาดยักษ์ใหญ่ยังคงอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาทางธุรกิจ คาดว่าจะสำเร็จและเริ่มดำเนินแผนการตลาดได้ภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงเวียดนาม และอินโดนีเซียประเทศที่มีการเติบโตทางเศรฐกิจ กำลังการซื้อสูงและจำนวนประชากรมากอีกด้วย  สำหรับกลุ่มลูกค้าในประเทศจะเน้นการสื่อสารและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างครอบคลุม ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ โดยจับมือกับแบรนด์แฟชั่นระดับแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง Kloset นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้ความรักและความสดใสตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คุณแม่ยุคใหม่ที่ประกอบด้วย ผ้าคลุมสำหรับให้นมบุตร และ กระเป๋าเก็บอุณหภูมิ ที่ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย โดยมีลวดลายให้เลือก 2 แบบ 2 สไตล์ ได้แก่ ลายเฟิ่ง หวง (Feng Haung) และ ลายฟีลีน  (Feline) ทั้งหมดนี้ออกแบบอย่างพิถีพิถัน ผลิตอย่างปราณีต และนำเสนอออกมาภายใต้ Mom Amour Collection สุดพิเศษจำนวนจำกัด เริ่มจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมนี้เป็นต้นไปที่ห้างสรรสินค้าเซ็นทรัลเป็นที่แรก งานช็อปเพื่อลูก2018 วันที่ 23-26 สิงหาคมที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  รวมถึงผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่www.lamoonbaby.com Line@ Lamoonbaby, Facebook, Lazada, Shopee ส่วนช่องทางอื่นๆ อาทิ โรบินสันและเดอะมอลล์ เริ่มวางจำหน่ายเป็นทางการตั้งแต่ เดือนกันยายน ปีนี้เป็นต้นไป[/size]
« Last Edit: August 10, 2018, 06:27:55 PM by happy »