happy on July 30, 2018, 08:40:37 PM
กทปส. ชูต้นแบบพัฒนาดาวเทียมสัญชาติไทย
มจพ. เดินเครื่องต่อยอดงานวิจัยจากหิ้งสู่ห้าง


                      กทปส.  เดินหน้าสนับสนุนและให้ทุนวิจัยทางด้านการพัฒนาดาวเทียมแก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) วงเงินสนับสนุน 9,602,190 บาท เพื่อสร้างองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านอวกาศ  และนำความรู้ไปพัฒนาดาวเทียมสู่การพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของประเทศและการเข้าถึงเทคโนโลยีอวกาศ  นับเป็นองค์กรต้นแบบที่ได้ต่อยอดงานวิจัยสู่การสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย  โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาและวิจัยด้วยฝีมือคนไทย  พร้อมกันนี้  “ศาตราจารย์ ดร.สุวัฒน์ กุลธนปรีดา”  หัวหน้าโครงการออกแบบและจัดส่งดาวเทียมขนาดเล็กเพื่อการศึกษา (KNACKSAT) ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลและการบิน-อวกาศ  คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)  มาเปิดเผยถึงการดำเนินโครงการสู่ความพร้อมในการส่งดาวเทียมแนคแซท (KNACKSAT)

มจพ. ต่อยอดงานวิจัยสู่การใช้งานจริง พร้อมส่งขึ้นโคจรในอวกาศปลาย ก.ย. 61

                      จุดเริ่มต้นโครงการออกแบบและสร้างดาวเทียมต้นแบบวิศวกรรมรูปแบบคิวแซท (CubeSat)  มจพ.ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2555  ต่อมาเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2558 ได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. เพื่อพัฒนาโครงการดาวเทียมแนคแซท  (KNACKSAT)  เพื่อออกแบบและสร้างดาวเทียมจริงรูปแบบคิวแซท (CubeSat) น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม โดยจะจัดส่งดาวเทียมแนคแซท (KNACKSAT)  เข้าสู่วงโคจรในปีนี้  ข้อมูลล่าสุดจากทางบริษัทส่งดาวเทียมคือระหว่างวันที่ 30 กันยายน ถึง 6 ตุลาคม ปีนี้  ขณะนี้โครงการได้ดำเนินการจัดสร้างดาวเทียมที่จะส่งขึ้นวงโคจรเสร็จเรียบร้อยแล้วมีความสมบูรณ์ 100%  โดยในเดือนสิงหาคมทางโครงการฯ จะนำดาวเทียมไปประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อประกอบเข้ากับชุดอุปกรณ์ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรเพื่อรอการส่งขึ้นสู่วงโคจรต่อไป

                      “เนื่องจากเราเป็นสถาบันการศึกษา ผมถือว่าวัตถุประสงค์หลักของโครงการนี้คือ  เพื่อการศึกษาและ เป็นการสร้างหรือพัฒนาอาจารย์กับนักศึกษาให้มีความสามารถในการออกแบบและสร้างดาวเทียมจริงได้ ในด้านการพัฒนาผมในฐานะหัวหน้าโครงการฯ ขอยกเครดิตทั้งหมดให้กับนักศึกษาของเรา เพราะพวกเขาคือคนทำงานหลัก  โดยมีอาจารย์ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำ  ในการพัฒนาโครงการดาวเทียมมีกลุ่มนักศึกษาทุกระดับที่ร่วมอยู่ในโครงการตั้งแต่ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก และมีนักศึกษาจากหลายคณะและภาควิชามาร่วมมือช่วยในการพัฒนา เพราะการสร้างดาวเทียมหนึ่งดวงนั้นต้องใช้ความรู้ในหลายๆ ด้าน  ดังนั้นโครงการนี้จึงถือว่าเป็นโครงการวิจัยกึ่งสร้างนวัตกรรมที่มีการบูรณาการความรู้หลายๆ ด้านเข้าด้วยกัน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือที่เน้นการบูรณาการองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อใช้สร้างนวัตกรรม” ศ.สุวัฒน์  กุลธนปรีดา เปิดเผย                                                                     

อุปสรรค ความท้าทาย เพื่อความสำเร็จ

                      การพัฒนาโครงการอุปสรรคปัญหามีมากมาย  เนื่องจากงานวิจัยนี้มีความท้าทายที่สูงมาก ทำให้ปัญหาด้านเทคนิคก็เยอะมากตามมา ซึ่งทั้งอาจารย์และนักศึกษาส่วนใหญ่ในโครงการไม่มีประสบการณ์การสร้างดาวเทียมจริงมาก่อน  นักศึกษาบางส่วนมีความรู้ที่ได้เรียนมาจากตำราซึ่งก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่การอ่านตำราอย่างเดียวไม่สามารถสร้างดาวเทียมจริงได้แต่ต้องได้ลองลงมือปฏิบัติจริง ๆ ในระหว่างการดำเนินโครงการ เมื่อเกิดปัญหาได้ดำเนินแก้ปัญหาทุกวิถีทางเท่าที่จะสามารถคิดได้ ตั้งแต่อ่านตำราทุกหน้าเพื่อหาข้อมูลบางอย่าง อ่านบทความวิจัยของคนอื่น ๆ ทดลองสร้างเพื่อหาคำตอบ รวมทั้งการสอบถามคนอื่นที่เคยออกแบบและสร้างดาวเทียมมาแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ นับว่าในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารระยะไกลทำให้ติดต่อกันได้ง่าย ในส่วนของนักศึกษาก็มีการพูดคุย สอบถามกับนักศึกษามหาวิทยาลัยอื่น ๆ จากทั่วโลกผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งหลายๆ ครั้งทำให้ได้คำตอบที่น่าสนใจมาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้

                      นอกจากปัญหาและอุปสรรคทางด้านเทคนิคแล้ว อีกหนึ่งที่อุปสรรคปัญหาที่สร้างความหนักใจในการพัฒนาดาวเทียม ด้วยเหตุที่ทีมเป็นนักวิชาการด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี จึงไม่ค่อยมีประสบการณ์ในเรื่องที่ไม่ใช่ด้านเทคนิค โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการขอจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุสำหรับใช้กับดาวเทียม รวมถึงการขออนุญาตต่าง ๆ ซึ่งเราก็ได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากสมาคมวิทยุสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และจากการที่โครงการฯ ได้รับทุนสนับสนุนจาก กทปส.  ทำให้มีอีกหนึ่งช่องทางในการสอบถามและขอคำแนะนำโดยตรงจาก กสทช ได้ง่ายขึ้น




ความสำเร็จไม่ใช่สร้างดาวเทียมให้เล็กหรือใหญ่
แต่สร้างแล้วเกิดองค์ความรู้มาต่อยอดอย่างไรเรียกว่า “ความสำเร็จ”


                      ที่ผ่านมาประเทศไทยมีดาวเทียมมาทั้งหมดน่าจะ 10 ดวง ดวงแรกคือ ไทยคม 1 ซึ่งถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรในปี พ.ศ. 2538 แต่ก็ยังไม่มีดวงไหนที่สร้างในประเทศไทย ดาวเทียมแนคแซท (KNACKSAT)  ถือว่าเป็นดาวเทียมสัญชาติไทยดวงแรกที่สร้างและออกแบบโดยคนไทยและสร้างในประเทศไทย  สำหรับระยะเวลาการใช้งานดาวเทียมจากผลการคำนวณเบื้องต้น พบว่าดาวเทียมแนคแซท (KNACKSAT)  จะโคจรรอบโลกเป็นเวลาประมาณ 7 ปีก่อนที่ระดับความสูงของดาวเทียมจะลดลงโดยธรรมชาติและถูกเผาไหม้ไปในชั้นบรรยากาศในที่สุด  และวัสดุอุปกรณ์ภายในดาวเทียมบางชิ้นอาจจะมีอายุการใช้งานไม่ถึง 7  ปี  เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบจึงไม่สามารถใช้อุปกรณ์ที่เป็นเกรดใช้เฉพาะในอวกาศซึ่งมีราคาที่สูงได้   

                      “ความสำเร็จของโครงการไม่ใช่การสร้างดาวเทียมที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่  ไม่ใช่ว่าใช้งานได้นานแค่ไหนหรือถ่ายภาพได้ดีแค่ไหน  แต่อยู่ที่ว่าเราสามารถสร้างดาวเทียมให้ไปทำงานในอวกาศได้หรือไม่ ผมมั่นใจว่า ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการพัฒนาและสร้างดาวเทียมแนคแซท  (KNACKSAT)  นี้สามารถนำไปต่อยอดสำหรับการสร้างดาวเทียมขนาดที่ใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ แต่แน่นอนที่สุดคือต้องใช้งบประมาณมากขึ้นตามมา” ศ.สุวัฒน์  กุลธนปรีดา กล่าว

จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ  สู่การพัฒนาประเทศ-ลดการซื้อมาสู่การผลิตและใช้เอง

                      สำหรับประโยชน์และผลลัพธ์จากโครงการฯ  เรื่องแรก คือ  การพัฒนาบุคคลากรของประเทศให้มีความรู้ในการออกแบบและสร้างดาวเทียมที่ใช้งานได้จริง  เพื่อให้ในอนาคตเราจะสามารถสร้างดาวเทียมขึ้นใช้งานได้เอง แทนการซื้อดาวเทียมมาใช้งาน ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณอาจจะมากกว่า 50% หรือถ้าจำเป็นจะต้องซื้อก็จะเป็นผู้ซื้อที่มีความรู้เพียงพอที่สามารถเลือกซื้อหรือต่อรองได้อย่างชาญฉลาด นอกจากนี้โครงการฯ ยังได้กระตุ้นประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนให้มีความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น

                      “ประโยชน์ที่จะได้รับในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมฯ และภาคการศึกษา ผมมองว่าอันดับแรกน่าจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในการสร้างอุปกรณ์โทรคมนาคมได้เอง โดยเฉพาะสามารถนำไปใช้งานอวกาศได้   ดาวเทียมแนคแซทใช้คลื่นวิทยุสมัครเล่นในการส่งสัญญาณ ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไปหรือบุคลากรจากภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมสามารถเข้ามาเรียนรู้และทดลองใช้งานและรับสัญญาณดาวเทียมแนคแซทได้เช่นกัน ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้สามารถได้เข้าถึงเทคโนโลยีอวกาศได้” ศ.สุวัฒน์  กุลธนปรีดา กล่าว

เดินหน้าสู่การพัฒนาคนและขับเคลื่อนสู่ภาคอุตสหากรรม

                      ในฐานะผู้วิจัยและพัฒนามีแผนในการถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ และภาคอุตสาหกรรม ในส่วนของนักเรียนนักศึกษานั้น เราจะเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อให้พวกเขานำไปสร้างดาวเทียมดวงต่อ ๆ ไปได้  ทางด้านภาคอุตสาหกรรมจะต้องมีคุยกันว่าจะนำต่อยอดไปสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างไรบ้าง  ซึ่งที่เห็นชัดๆ เช่น การวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนต่าง ๆ ในเชิงพาณิชย์ที่สำหรับใช้งานบนดาวเทียมหรือในอวกาศได้ อาจจะเป็นเรื่องของวัสดุ อุปกรณ์โทรคมนาคม หรือแม้แต่สายไฟก็เป็นไปได้เช่นกัน

                      “ขอฝากให้องค์กร  หน่วยงาน ภาคการศึกษาที่มีโครงการและต้องการทุนสามารถนำเสนอโครงการเข้าไปที่ กทปส. ได้  และก็ขอให้ กทปส. สนับสนุนโครงการลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่ผลลัพธ์หลักคือ การพัฒนาขีดความสามารถในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของนักเรียนนักศึกษาไทย และผมอยากเห็นการสร้างดาวเทียมในประเทศไทยเกิดขึ้นอีกหลายๆ ดวง” ศ.สุวัฒน์  กุลธนปรีดา กล่าวทิ้งท้าย