ผลิตภัณฑ์สารสกัดขมิ้นชันแคปซูล “แอนติออกซ์” ยาพัฒนาจากสมุนไพรแผนปัจจุบันรายการแรกของไทย
รับรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ (Prime Minister Herbal Awards PMHA) ประจำปี ๒๕๖๑
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า องค์การเภสัชกรรมได้ส่งผลิตภัณฑ์สารสกัดขมิ้นชันแคปซูล “แอนติออกซ์” ซึ่งเป็นยาพัฒนาจากสมุนไพรแผนปัจจุบันรายการแรกของประเทศไทย โดยใช้บรรเทาอาการปวดในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมและช่วยให้การใช้งานของข้อเข่าดี ไม่แตกต่างจากยาแผนปัจจุบันยาต้านการอักเสบไอบูโปรเฟนและไม่มีผลข้างเคียงกับระบบทางเดินอาหารเข้าร่วมการประกวดรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ (Prime Minister Herbal Awards PMHA) ประจำปี ๒๕๖๑ ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจัดขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระแสความตื่นตัวด้านสมุนไพรและเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตยาชีววัตถุ และสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน รวมถึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์ในเชิงธุรกิจ ทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งด้านสมุนไพร เพื่อเตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวเข้าสู่การแข่งขันในตลาดเสรีของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างยั่งยืน ปรากฏว่าผลิตภัณฑ์ขององค์การเภสัชกรรมได้รับการคัดเลือกให้เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติด้านยา ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวต่อว่า ผลิตภัณฑ์แอนติออกซ์ (Antiox) สารสกัดขมิ้นชันในรูปแบบแคปซูลของ อภ.ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นยาจากสมุนไพรที่มีการวิจัยและพัฒนา ซึ่งการขึ้นทะเบียนต้องอาศัยข้อมูลการศึกษาวิจัยทางคลินิก ข้อมูลทางวิชาการหรือการศึกษาพรีคลินิกภายใต้หลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตยาแผนปัจจุบันขององค์การเภสัชกรรม โดยข้อมูลการศึกษาวิจัยทางคลินิกพบว่าสารสกัดขมิ้นชันแคปซูล สามารถใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบันที่มีสรรพคุณเช่นเดียวกันได้ คือ บรรเทาอาการปวดในโรคข้อเข่าเสื่อม จากการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยของสารสกัดขมิ้นชันแคปซูล กับยาต้านอักเสบไอบูโบรเฟน ในการรักษาผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม โดย รศ.พญ.วิไล คุปต์นิรัติศัยกุล จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า สารสกัดขมิ้นชันแคปซูลขนาดรับประทานครั้งละ ๒ แคปซูล ๓ ครั้งต่อวัน(วันละ ๒,๐๐๐ มิลลิกรัม) นาน ๖ สัปดาห์ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดข้อ ความฝืดข้อ และ เพิ่มความสามารถในการใช้งานข้อได้ไม่ต่างจากการใช้ยาต้านการอักเสบไอบูโปรเฟนในขนาดรับประทานครั้งละ ๔๐๐ มิลลิกรัม ๒ ครั้งต่อวัน(วันละ ๘๐๐ มิลลิกรัม) ดังนั้น รศ.พญ.วิไล ได้ร่วมกับคณะผู้วิจัยจาก ๘ โรงพยาบาล ดำเนินการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลและความปลอดภัยในการรักษาผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมดังกล่าวใน ๘ โรงพยาบาล โดยลดปริมาณสารสกัดขมิ้นชันต่อวันและเพิ่มขนาดยาไอบูโปรเฟนต่อวัน พบว่าสารสกัดขมิ้นชันแคปซูลขนาดรับประทานครั้งละ ๒ แคปซูล ๓ ครั้งต่อวัน (วันละ ๑,๕๐๐ มิลลิกรัม) นาน ๔ สัปดาห์ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดข้อ ความฝืดข้อ และเพิ่มความสามารถในการใช้งานข้อได้ไม่ต่างจากการใช้ยาต้านการอักเสบไอบูโปรเฟนในขนาดรับประทานครั้งละ ๔๐๐ มิลลิกรัม ๓ ครั้งต่อวัน (วันละ ๑,๒๐๐ มิลลิกรัม) อีกทั้งมีความปลอดภัยดี โดยเฉพาะผลข้างเคียงระบบทางเดินอาหาร (อาการปวดท้อง/ท้องอืด) ที่มีน้อยกว่าการใช้ยาต้านอักเสบไอบูโปรเฟน นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ผลิตภัณฑ์สารสกัดจากขมิ้นชันองค์การฯ ได้มีการศึกษาทดลองทางคลินิกในผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย โรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคหัวใจที่ได้รับการผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ(Bypass) องค์การเภสัช-กรรมมีความมุ่งมั่นในการเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศรวมทั้งส่งเสริมให้มีงานนวัตกรรมด้านสมุนไพร อันจะนำพาประเทศไทยสู่ ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน