ธนาคารกรุงศรีอยุธยา รายงานผลการดำเนินงานปี 2552 กำไรสุทธิ 6,657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับปี 2551
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2552 ปรับปรุงดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยธนาคารและบริษัทในเครือมีกำไรก่อนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและภาษี จำนวน 18,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปี 2551 และหลังตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 10,216 ล้านบาท และหลังหักภาษี จำนวน 1,504 ล้านบาท ธนาคารมีกำไรสุทธิ 6,657 ล้านบาท เติบโต 55% เมื่อเทียบกับปี 2551
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของธนาคารในปี 2552 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ได้แก่ รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 7% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 73% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพียง 12% ด้านสินเชื่อ ธนาคารมีสินเชื่อเติบโตสุทธิจำนวน 46,431 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 8% ซึ่งมาจากการเติบโตจากธุรกิจปกติและการเข้าซื้อกิจการในสัดส่วนใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการต่างๆ ที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ในระหว่างปี 2552 ยังช่วยให้โครงสร้างสินเชื่อของธนาคารปรับปรุงดีขึ้น โดยมีสินเชื่อเพื่อลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นจาก 32% เมื่อต้นปี เป็น 42% ณ สิ้นปี 2552
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 ตามงบการเงินรวม ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 1,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักที่ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารปรับปรุงดีขึ้นมาจากการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งช่วยให้รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 22% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 133% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 26%
ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ ธนาคารและบริษัทในเครือสามารถปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net NPL) ลดลงจาก 5.5% ณ สิ้นปี 2551 มาอยู่ที่ 4.8% ในขณะที่ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มจาก 59% เป็น 74%
นายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงสร้างพื้นฐานอันแข็งแกร่งของธนาคารซึ่งทีมผู้บริหารธนาคารได้วางไว้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ธนาคารสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ตามแผนงานที่วางไว้แม้ปีที่ผ่านมาจะเป็นปีแห่งความท้าทาย และในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ธุรกิจที่ธนาคารได้เข้าซื้อมาช่วยให้ธนาคารมีสินเชื่อเติบโตสุทธิอย่างน่าพอใจถึง 46,431 ล้านบาท ทั้งนี้ ในขณะที่สินเชื่อของธนาคารเติบโตอย่างแข็งแกร่งดังกล่าว คุณภาพสินทรัพย์และอัตราส่วนสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารก็ปรับปรุงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการมีนโยบายการให้สินเชื่อที่เข้มแข็งและการมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพของธนาคาร”
“ในระยะต่อไป เราเห็นโอกาสที่จะต่อยอดธุรกิจจากโครงสร้างพื้นฐานและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธนาคารได้อย่างมาก โดยในปีนี้เราจะให้ความสำคัญกับการผนวกธุรกิจที่ธนาคารได้เข้าซื้อในปีที่แล้วเข้าสู่กลุ่มธนาคารให้เสร็จสมบูรณ์ สร้างประโยชน์สูงสุดจากจุดแข็งที่มี และเร่งการเติบโตให้เกิดขึ้นโดยเร็ว” นายมาร์คกล่าวเพิ่มเติม
สำหรับปี 2553 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อตามงบการเงินรวมเพิ่มขึ้นสุทธิประมาณ 48,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเติบโต 8%
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ตามงบการเงินรวม ธนาคารมีสินทรัพย์รวม 782,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34,155 ล้านบาท หรือ 5% เมื่อเทียบกับเมื่อสิ้นปี 2551 เงินให้สินเชื่อ 603,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46,431 ล้านบาท หรือ 8%และเงินฝาก 520,515 ล้านบาท ลดลง 16,839 ล้านบาท หรือ 3% ธนาคารยังคงรักษาความแข็งแกร่งของเงินทุนโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ 14.1% โดยเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier 1) 11.5%