MSN on July 05, 2018, 08:38:04 AM
ข่าวประชาสัมพันธ์ บลจ.บัวหลวงลงนามสัญญาบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกว่า 4,500 ล้านบาท ของกลุ่มบริษัทมินีแบมิตซูมิ (ประเทศไทย)

บลจ.บัวหลวงลงนามสัญญาบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ขนาดกว่า 4,500 ล้านบาท ให้กับพนักงาน กลุ่มบริษัทมินีแบมิตซูมิ (ประเทศไทย) เริ่มบริหารตั้งแต่เดือน ก.ค. เป็นต้นไป ตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อการบริหารงานของกองทุน


นายวศิน วัฒนวรกิจกุล Managing Director, Head of Business Distribution บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (บลจ.บัวหลวง)
เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทลงนามในสัญญาร่วมกับ บริษัท เอ็นเอ็มบี-มินีแบ ไทย จำกัด เพื่อเข้าไปบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กลุ่มบริษัท มินีแบ (ประเทศไทย) ขนาดกองทุนกว่า 4,500 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ  ของบลจ.บัวหลวง โดยจะเริ่มต้นบริหารกองทุนดังกล่าวตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

เอ็นเอ็มบี-มินีแบ ไทย บริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทมินีแบมิตซูมิ (ประเทศไทย) เป็นผู้นำด้านการผลิตตลับลูกปืนขนาดเล็ก มอเตอร์ขนาดเล็ก ชิ้นส่วนเชิงกล และอุปกรณ์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความเที่ยงตรงสูง ด้วยเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง นอกจากนี้ ยังเป็นผู้จ้างแรงงานไทยรายใหญ่ ที่มีขนาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากกว่า 9,000 ล้านบาท และมีจำนวนสมาชิกกองทุนกว่า 28,000 คน โดยบลจ.บัวหลวง ได้รับมอบหมายให้บริหารเงินกองทุนครึ่งหนึ่งของมูลค่ากองทุนทั้งหมด ในขณะที่ธนาคารกรุงเทพจะทำหน้าที่บริการด้านนายทะเบียนสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และผู้รับฝากทรัพย์สิน เต็มจำนวนของกองทุน

“เอ็นเอ็มบี-มินีแบ ไทย เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่ดำเนินกิจการในไทยเป็นเวลานานเกือบ 40 ปี ทั้งยังเป็นลูกค้ารายสำคัญของธนาคารกรุงเทพ จากการที่เราได้รับโอกาสให้เข้าไปบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในครั้งนี้ นอกจากจะได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากสายงานธุรกิจลูกค้าญี่ปุ่นของธนาคารกรุงเทพแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ เอ็นเอ็มบี-มินีแบไทย มีต่อทีมบริหารและนโยบายการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบลจ.บัวหลวงอีกด้วย ซึ่งต้องขอขอบคุณมินีแบที่ให้ความไว้วางใจเราในครั้งนี้” นายวศิน กล่าว

กลุ่มบริษัท มินีแบมิตซูมิ (ประเทศไทย) จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาแล้วกว่า 30 ปี เพราะให้ความสำคัญเกี่ยวกับการออมเพื่อให้พนักงานมีเงินเก็บเพียงพอไว้ใช้เมื่อเกษียณอายุ การตัดสินใจเลือก บลจ.บัวหลวงเข้ามาบริหารกองทุนในครั้งนี้ เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน รวมทั้งน่าจะช่วยเพิ่มช่องทางที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับพนักงานอีกด้วย

"กลุ่มบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน โดยเรามีเป้าหมายว่า อยากให้พวกเขามีเงินเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณอายุ เราจึงเลือกนโยบายการลงทุนที่เน้นเรื่องความมั่นคงที่สุดให้กับพนักงาน ดังนั้น การคัดเลือกผู้บริหารกองทุนจึงต้องพิถีพิถัน และมีผลการดำเนินงานที่ดี อีกทั้งต้องมีนโยบายการบริหารกองทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายของเราด้วย" นางสาวสุนี เชิดชูชาติ  ประธานกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กลุ่มบริษัท มินีแบ (ประเทศไทย) กล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในประเทศไทยยังมีแนวโน้มของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ล่าสุดเดือน พ.ค. 2561 พบว่า มีจำนวนนายจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 19,426 ราย เพิ่มขึ้น 3.86% จากสิ้นปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งมีอยู่ 18,704 ราย ในขณะที่จำนวนพนักงานที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีจำนวนกว่า 3.31 ล้านคน คิดเป็น 8.71% ของจำนวนผู้มีงานทำทั้งหมดกว่า 37.96 ล้านคน

นายวศิน กล่าวว่า อัตราการเติบโตของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สะท้อนให้เห็นว่า นายจ้างตระหนักถึงความสำคัญของการมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นเครื่องมือส่งเสริมให้พนักงานมีความมั่นคง และมีเงินเพียงพอไว้ใช้ในวัยเกษียณ ซึ่งนับเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เพราะกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นจัดตั้งด้วยความสมัครใจของแต่ละองค์กร โดยไม่ได้มีกฎหมายบังคับแต่อย่างใด

“การลงทุนยิ่งใช้ระยะเวลาลงทุนยาวเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้นเท่านั้น เพราะเม็ดเงินลงทุนสามารถทำงานได้มากขึ้น ดังนั้น การลงทุนผ่านช่องทางกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้พนักงานมีความมั่นคงทางการเงินได้มากขึ้น” นายวศิน กล่าว

นอกเหนือจากการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพแล้ว บลจ.บัวหลวง พร้อมที่จะส่งเสริมให้สมาชิกตระหนักถึงการออม การลงทุน  รวมทั้งการเตรียมตัวเพื่อการเกษียณ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่สมาชิกกองทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว

นายวศิน กล่าวเพิ่มเติมว่า เราให้ความสำคัญกับการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่นับเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะช่วยให้พนักงานมีความมั่งคงและมีเงินเก็บเพียงพอไว้ใช้ในวัยเกษียณ สอดคล้องกับพันธกิจสำคัญของเรา คือ “ทำให้ครอบครัวไทยมีความมั่นคงทางการเงิน”
« Last Edit: July 05, 2018, 03:18:04 PM by MSN »

MSN on July 05, 2018, 03:19:35 PM
Press Release BBL Asset Management to manage 4.5 billion baht in provident fund for MinebeaMitsumi Group (Thailand)

BBL Asset Management has been awarded a mandate to manage a provident fund totaling 4.5 billion baht for employees of MinebeaMitsumi Group (Thailand). This agreement goes into effect in July 2018.


Wasin Wattanaworakijkul, Managing Director, Head of Business Distribution of BBL Asset Management Co Ltd, said the company has signed an agreement with NMB-Minebea Thai a subsidiary of MinebeaMitsumi Group (Thailand) to manage its provident fund totaling 4.5 billion baht for its employees.

“The agreement reflects NMB-Minebea Thai’s confidence in BBL Asset Management and our overall strategy in managing provident funds. We do appreciate NMB-Minebea Thai’s confidence in BBL Asset Management,” Wasin said.

“NMB-Minebea Thai has built up a strong presence in Thailand for almost 40 years. It is also a major client of Bangkok Bank. Support from the Japanese Corporate of Bangkok Bank has also made it possible for us to receive the mandate to manage the provident fund for NMB-Minebea Thai.”

MinebeaMitsumi Group is a leading global manufacturer of high precision bearings, mechanical and electrical components. At present, Minebea has a sizeable provident fund of more than 9 billion baht, in which some 28,000 employees are members. Of this 9 billion baht provident fund, Bangkok Bank will act as provident fund registrar for its members and custodian, while BBL Asset Management will manage half of the 9 billion baht provident fund.

Sunee Cherdchucharti, who chairs Minebea Group of Companies (Thailand)’s provident fund, said we have set up the provident fund for its employees for more than 30 years because MinebeaMitsumi would like to look after their welfare and recognizes the importance of savings for retirement.

“We have set up the provident fund for the benefits of the employees so that once they have retired from their work’s life they have the retirement fund to live on. We have chosen BBL Asset Management as provident fund manager because we would like to diversify the risks in the provident fund management, as well as seeking a fresh channel to look after the returns for the employees,” she said.

Overall, the prospects of the provident fund industry of Thailand remain bright. According to the data of the Association of Investment Management Companies, as of May 2018, there are 19,426 employers or companies in Thailand, which provide provident fund benefits for their employees. This figure represented an increase of 3.86%, or up from 18,704 companies when compared to the end of 2017.

There are a total of 3.31 million holders of provident funds in Thailand, who account for around 8.71% of all the 37.96 million working Thais.

Wasin said the growth of the provident fund industry reflects the growing awareness of companies in recognizing the importance of strengthening the financial stability of their employees so that they have enough savings to spend after their retirement.

“We should give credit to companies that provide provident funds for their employees because the provident fund program in Thailand is not mandatory, “he added. “Besides, provident funds, by nature, represent a long term investment, which helps boost the opportunities for the employees to increase their returns and to benefit from greater financial stability upon retirement.”

As a subsidiary of Bangkok Bank, BBL Asset Management Co., Ltd. is a leading asset management company in Thailand and is also a key player in provident fund management in Thailand.