เรื่องย่อ : ซีรีส์ My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก เรื่อง “เส้นสนกลรัก”
บทประพันธ์ : หัสบรรณ
โขง หนุ่มหล่อหน้าฝรั่งจอมกวน ทำเรื่องขอย้ายกลับมาทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่บ้านเกิด แม้ว่าถิ่นที่เขาจากไปตั้งแต่เด็กนั้น จะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ยังเป็นฝันร้ายหลอกหลอนเขาอยู่ทุกคืนวันก็ตาม เขาเลือกกลับมาที่นี่ก็เพื่อท้าทายความกลัวในใจ แต่นับตั้งแต่คืนแรกที่เขากลับมาที่นี่ เขาฝันร้ายยิ่งกว่าเดิม เขาเห็นภาพของผู้หญิงที่ทุรนทุรายอยู่ในกองเพลิง พยายามจะหาทางรอดจากความตายที่ห้อมล้อมเธออยู่ เขาจะสู้กับภาพที่หลอนชีวิตของเขาได้หรือไม่..
ฝันร้ายตามหลอกหลอนเขาจนนอนไม่ค่อยหลับ เป็นเหตุให้เขาตื่นสาย เข้างานหลังเส้นแดงเป็นกิจวัตร จน สุรารัตน์ เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่เจ้าระเบียบหมายหัวว่าเขาเป็นคนไม่เอาไหน ยิ่งเขามักจะสวนกระแส ดื้อแพ่งต่อระบบระบบระเบียบที่เยิ่นเย้อยุ่งยากเพื่อช่วยให้คนที่มาขอความช่วยเหลือได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นถึงจะข้ามขั้นตอน ก็ตาม สุรารัตน์ก็ยิ่งหงุดหงิด เพราะต้องมาตามแก้ไขให้ เธอบ่นว่าโขงไม่เต็มปาก เพราะโขงได้รับความเอ็นดูจาก นารี สาวกลางคนหัวหน้าสายงานด้านสังคมสงเคราะห์ที่เล็งเห็นผลของงานสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากมากกว่าระเบียบพิธีการ จนทำให้เพื่อนร่วมงานที่ทำงานเช้ายามเย็นชามอย่าง เจียรนัย และ มิว หมั่นไส้ รวมหัวนินทาเขาบ่อยๆ ในระหว่างที่พวกเธอทำเป็นง่วนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ราวกับงานยุ่ง แต่จริงๆ แล้วกำลังเล่น Chat ใน Line และดู Facebook
แป๊ะ หนุ่มขาพิการทำงานด้านเอกสารสำหรับผู้พิการนั้น แม้จะแอบชอบมิวอยู่ แต่เขาก็ชื่นชอบในน้ำใจของโขง เมื่อเขาคว้าเอกสารประจำตัวผู้พิการไปถ่ายเอกสารให้คนที่มาทำเรื่อง โดยที่โขงไม่สนใจว่า ป้ามล พนักงานวัยใกล้เกษียณที่ดูแลเครื่องถ่ายเอกสารนั้นจะพยายามขวางไม่ให้เขาเอาเอกสารมาทำสำเนาให้ฟรี และเมื่อพยายามจะเรียกเก็บเงินจากเขา ก็โดนโขงตอกหน้าว่าข้าราชการกินเงินภาษีจากประชาชนจะไปเก็บเงินค่าถ่ายเอกสารเพิ่มได้อย่างไร
ถึงสุรารัตน์จะหมั่นไส้ความไร้ระเบียบของโขง แต่บางครั้งเธอก็ยอมหยวน เมื่อการแหกกฎของเขาเป็นไปเพื่อช่วยคนที่มาขอความช่วยเหลือจริงๆ และแก้ต่างให้เมื่อเจียรนัยมาบ่นว่าเขาให้เธอฟัง
โขงมาสายประจำ จนสุรารัตน์ต้องรับหน้าที่เข้าประชุมกับหน่วยราชการต่างๆ แทนเขา เธอจึงโยนกรณีของ มณฑา มาให้เขาตามเรื่องและดูแลต่อ สวัสดิ์ พนักงานขับรถช่างพูดช่างโม้บอกเขาตามที่ได้ยินมาว่ามณฑาถูกสามีดักสาดน้ำกรดหน้าโรงงานของมณฑา จนเธอเสียโฉม สวัสดิ์บอกโขงว่ามณฑาหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวราวกับว่าสวัสดิ์เคยเห็นหน้าตาของเธอจริงๆ เมื่อสวัสดิ์ขับรถมาถึงที่ เขาก็ไม่ยอมลงไปเป็นเพื่อนโขง ยืนยันว่าจะอยู่เฝ้ารถเพราะหน้าที่เขามีแค่นั้น แม้โขงจะรู้ว่าเจ้าหน้าที่แก่วัดรู้มากอย่างสวัสดิ์จะหาเรื่องนอน เขาก็ตัดสินใจไม่ดึงดันจะลากสวัสดิ์ไปด้วยเพราะรู้ว่าสวัสดิ์ไม่ไปด้วยแน่ๆ
การพบกันครั้งแรกระหว่างโขง นักสังคมสงเคราะห์หนุ่มกับ มณฑา เหยื่อความรุนแรงในครอบครัวเป็นไปอย่างไม่น่าประทับใจ มณฑาไม่ยินดีต้อนรับเขา เธอหลบสายตาพยายามหลบหน้าด้วยการใช้เส้นผมยาวของเธอบังใบหน้าครึ่งซีกของเธอไว้ เธอเบื่อที่จะต้องเล่าเรื่องซ้ำๆ ซาก ยิ่งเธอเห็นว่าโขงไม่อ่านรายละเอียดเรื่องของเธอมาก่อนเลย ก็ยิ่งทำให้เธอพยายามไล่ให้เขาออกไปจากบ้านที่เธอปิดม่านมิดชิด ราวกับต้องการจะตัดขาดจากโลกภายนอก
โขงเองก็รู้สึกผิดที่ประมาทกับเรื่องของมณฑา จนไม่ศึกษาเรื่องราวของเธอมาก่อน เขาบอกเธอด้วยท่าทีกวนๆ ของเขาว่า เขาจะมาพบเธออีก โดยไม่สนใจว่ามณฑาจะเอ่ยปากปฏิเสธ และก่อนจะก้าวออกไปพ้นประตู เขาหันกลับมาหาเธออย่างเร็ว จนเขาและเธอเผชิญหน้ากันตรงๆ ในระยะประชิด เป็นโอกาสเดียวที่เขาได้เห็นใบหน้าของมณฑาจังๆ ก่อนที่เธอจะปิดกระแทกประตูใส่หน้าเขาด้วยความโกรธ
ระหว่างทางที่นั่งรถสองแถวกลับบ้าน โขงมัวแต่คิดถึงเรื่องของมณฑาจนนั่งเลยป้าย เขาจึงต้องเดินย้อนกลับมาไกล ระหว่างทางที่เขาเดินผ่านซอยวัดเปลี่ยว เขาได้ยินเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือ แม้จะปอดๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาเมียงมองเดินเข้าไปในวัด และได้เห็น ทิชา สาวสวยเจ้าของรถมินิราคาแพง กำลังถูกมารสังคม 2 คนฉุดกระชากให้ลงมาจากรถ เขาถอยหน้าตั้งจนคนร้ายนึกว่าเขากลัว แต่เขากลับย้อนไปฟาดด้วยไม้หน้าสาม จนคนร้ายม่อยกระรอกสลบคาไม้ท่อนใหญ่
ทิชาซาบซึ้งในน้ำใจของโขงที่เสี่ยงอันตรายช่วยเธอ แถมยังอาสานั่งรถมาเป็นเพื่อน มาส่งเธอจนถึงหน้าบ้าน โขงเก็บความประหลาดใจเอาไว้ในใจ เมื่อพบว่าสาวสวยที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตเธอนั้นอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่รั้วมหึมา อยู่ข้างๆ อพาร์ตเม้นท์ที่เขาเช่านั่นเอง เขาปฏิเสธเมื่อเธออาสาจะไปส่งเขายังที่พัก เขายังปฏิเสธที่จะบอกเธอด้วยว่าเขาชื่ออะไร ทำงานที่ไหน
สุรารัตน์ยั๊วะเมื่อเห็นว่าโขงไม่เขียนความคืบหน้าอะไรบันทึกลงไปในแฟ้มกรณีของมณฑา เธอบอกเขาว่าจะดึงเรื่องกลับมาทำเอง และให้เขาประสานงานเรื่องการประชุมกับหน่วยงานราชการแทน โขงก็รีบปฏิเสธ ยื้อเอาแฟ้มมาถือไว้แน่น และยืนยันว่าเขาจะทำกรณีนี้เอง แลกกับการประสานงานน่าเบื่อแบบนั้น
โขงตกเป็นขี้ปากอีกครั้ง เมื่อทิชาตรงเข้ามาทักทายโขงด้วยความดีใจถึงโต๊ะอาหารในงานออกร้านของศาลากลางจังหวัดท่ามกลางสายตาของทุกคน เจียรนัยมองด้วยความหมั่นไส้โขง เมื่อเห็นสายตาของทิชาที่เลือกนั่งลงข้างโขง ส่วนสวัสดิ์มองด้วยความอิจฉา
วันรุ่งขึ้น โขงรู้จากปากจิกกัดของคนรอบข้างว่าเขาเหมือนหมามองเครื่องบิน เพราะทิชาคือลูกสาวคนสวยของ คุณหญิงระวี นายกมูลนิธิช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ซึ่งสนิทสนมกับคุณนายผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นอย่างดี และเป็นหน่วยงานที่ประสานงานกับหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ของเขาอยู่เป็นประจำ แต่โขงไม่ได้ใส่ใจนึกถึงสาวสวยที่ทำให้เขากลายเป็นข่าว เขากลับนึกถึงมณฑา
โขงกลับไปบ้านของมณฑาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาพบกับ ทับทิม แม่ปากร้ายอารมณ์บูดของมณฑา ทับทิมไม่ยอมพูดคุยกับเขาแถมยังปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างแรงด้วยความหวาดระแวง ประสบการณ์เกือบ 20 ปีบอกให้เขารู้ว่าท่าทีหวาดกลัวนี้หมายถึงการปิดบังอำพรางอะไรบางอย่าง แต่ทับทิมพยายามปิดบังอะไรเขากันแน่
โขงไม่รู้ว่าเขาทำให้เย็นวันนั้น มณฑาถูกทับทิมด่าว่าด้วยความโกรธเกลียดจากคนที่เธอเรียกว่าแม่ แม่ที่กล่าวหาว่าเป็นเพราะเธอที่ทำให้ชีวิตของทับทิมพินาศย่อยยับ ต้องเลิกกับพ่อของมณฑา ถูกทิ้งจนอายแทบจะเอาปี๊ปคลุมหัวเวลาเดินออกไปข้างนอก แม่ที่บอกว่าที่บ้านแตกสาแหรกขาดแบบนี้ก็เป็นเพราะมณฑา เธอจึงต้องไประบายอารมณ์ที่บ่อนไพ่ทุกคืนทุกคืน มณฑาได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจ เก็บน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไปในอกของตัวเอง
ในวงเหล้ายามเย็นของเพื่อนซี้ต่างวัย สวัสดิ์เพิ่มเติมเสริมเรื่องเล่าให้โขงฟังว่า มณฑาคงถูก ชัย สามีทำร้ายเอาจนทนไม่ไหว เมื่อเธอขอเลิก ก็เลยโดนดักราดน้ำกรดที่โรงงานจนเสียโฉม สวัสดิ์ส่ายหัวด้วยความระอาตอนที่เล่าให้เขาฟังว่า มณฑาคงรักผัวมากเลยไม่เอาเรื่อง แต่ตำรวจก็ให้แจ้งความไว้ก่อน ยิ่งป้าคนข้างบ้านช่างสอดรู้สอดเห็นของมณฑามากระซิบกระซาบเล่าให้โขงฟังเป็นคุ้งเป็นแควว่ารู้จักเรื่องราวของบ้านมณฑาดี บอกว่าชัยรักมณฑามาก ซักเสื้อซักชุดชั้นในให้ไม่ถือสา ทับทิมก็เอ็นดูลูกเขย แต่ตอนหลังทะเลาะกันบ่อย พอเกิดเรื่องที่ชัยไปดักสาดน้ำกรดจนมณฑาเสียโฉม ชัยก็รีบกลับมาเก็บของ พอชัยไปแล้วทับทิมก็ร้องไห้โวยวายด่ามณฑาที่ก่อเรื่อง จนลูกเขยคนโปรดอย่างชัยต้องหนีไป แถมยังฉกสร้อยกับแหวนของทับทิมไปด้วย โขงเห็นใจมณฑา ที่ชีวิตของเธอตกเป็นขี้ปากของคนรอบข้างไม่ผิดอะไรกับเขา
โขงไปดักรอมณฑาอยู่หน้าโรงงาน โดยไม่สนใจเลยว่าสาวโรงงานคนอื่นมองเขาจนเหลียวหลังด้วยความสนใจ แต่มณฑาแสดงความไม่พอใจที่เห็นเขาไม่ลดละที่จะมายุ่มย่ามในชีวิตของเธอ โขงบอกเธอว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องตามช่วยเหลือตามดูพัฒนาการในชีวิตของเหยื่อถูกทำร้าย มณฑาจึงบอกเขาด้วยความโกรธว่ายังมีคนอีกมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่าเธอ เธอพร่างพรูบอกเล่าเรื่องราวของคนในครอบครัวที่ถูกทำร้ายในแฟลตเก่าที่เธอเคยเช่าอยู่
โขงรับปากเธอทันทีว่าจะช่วยเหลือคนเหล่านั้น แต่มณฑาต้องช่วยพาเขาไป มณฑาไม่มีทางเลือก ดูเหมือนว่าทางเดียวที่จะไม่ให้เขามายุ่มย่ามถึงบ้านเธอกับแม่คือพาเขาไปที่อื่น
โขงแวะกินข้าวมื้อเย็นที่ร้านของ น้อยหน่า แม่ค้าสาวขายส้มตำใจแตกซึ่งมีลูกตั้งแต่ยังเด็ก หลาน สาวของ ยายแจ๊ว แม่ค้าปากกรรไกรประจำซอย คู่หู ยายดา แม่ค้าขายขนม แต่เป็นคู่อริของ ยายไร แม่ค้าขายข้าวแกงประจำซอย แม่ค้ารุ่นยายทุกคนล้วนจดจำโศกนาฏกรรมในครอบครัวของโขงได้ ทุกคนรู้จัก สันต์ พ่อผู้พิการขาขาดเพราะโรคเบาหวาน ที่ก่อเหตุยิง ปราณี แม่ของโขงตายคาบ้านเช่าด้วยความหึงหวง ก่อนยิงตัวเองตายคารถเข็น ภาพที่เด็กชายโขงไม่มีวันลืม
ยายแจ๊วบอกว่าโขงหล่อเหมือนพ่อ แต่ยายไรเกทับด้วยการบอกว่าโขงหล่อยิ่งกว่าพ่อ ส่วนน้อยหน่าก็ส่งสายตาหวานให้โขงด้วยความพิศวาส โขงรีบกินรีบเผ่นหนีจากสาวน้อยสาวใหญ่ แต่เขาก็ไปปะทิชาสาวสวยด้วยความบังเอิญหน้าบ้านของเธอเอง ทิชาเข้าใจว่าเขาตั้งใจมาหาเธอ จึงไม่ลังเลที่เอ่ยปากชวนให้เขาเข้ามานั่งกินอาหารว่างเป็นเพื่อนในบ้านหลังใหญ่
วาจาทะเล้นขี้เล่นชวนหัวหยิกแหมหยอกทำให้ทิชาเข้าใจว่าชายหนุ่มผู้มีพระคุณของเธอกำลังจีบเธอ โขมเองก็เริ่มรู้ตัว จึงพยายามจะสงบปากสงบคำมากขึ้น แต่เขาก็ทำให้ทิชาคิดไปไกลกว่าที่เขาคิดซะแล้ว เขาได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรดี เพราะคนทั้งสำนักงานเอ่ยปากห้ามแกมดูถูกว่าอย่าคิดแหยมไปจีบสาวสวยรวยมหาศาลคนนี้ เพราะอาจจะซวยทั้งสำนักงานถ้าคุณหญิงและคุณนายผู้ว่ารู้เรื่องเข้า
ทิชาสบายใจเมื่อพูดคุยกับโขง สบายใจและผ่อนคลายมากกว่าตอนที่เธออยู่กับ พีระ หนุ่มธุรกิจเลือดร้อน เจ้าของสถานบันเทิงขนาดใหญ่ที่เธอช่วยดูแลงานด้านบัญชีให้ ทิชารู้ว่าคุณหญิงระวี แม่ของเธอปลื้มพีระที่มักจะบริจาคเงินก้อนใหญ่ช่วยมูลนิธิของคุณหญิงอยู่เป็นประจำ และตั้งใจจะให้เธอกับเขาลงเอยกัน แต่เธอก็ยืนกรานบอกว่าเธอไม่ชอบพีระ เธอมักจะเถียงทะเลาะกับพีระที่มาหาเธอในยามค่ำคืนเสมอๆ โดยไม่รู้ว่าโขงที่อาศัยอยู่บนชั้น 3 ของตึกข้างบ้านของเธอนั้นเห็นเหตุการณ์ด้วย
มณฑาพยายามอดทนกับอารมณ์โกรธของแม่ทับทิม แต่เมื่อทับทิมทำร้ายจิตใจและร่างกายของเธอจนเธอทนไม่ไหว มณฑาก็ตัดใจหอบเสื้อผ้าแอบกลับไปอยู่แฟลตเก่าที่เธอเคยอยู่ ดังนั้นเมื่อโขงมาหาเธอที่บ้าน จึงไม่พบใคร เพราะทับทิมก็ออกไปเล่นไพ่อย่างที่ทำเป็นประจำ ทางเดียวที่เขาจะพบเธอคือไปดักรอที่โรงงาน แต่เมื่อเขาไปถึง เขากลับพบว่าเธอลาออกจากงานไปแล้ว
ทิชาตั้งใจมาดักพบโขง และตั้งใจชวนเขาไปทานอาหารเย็นกับเธอ แม้ว่าเขาจะบอกเธอว่าเขามีนัดกับสวัสดิ์แล้ว แต่สายตาอ้อนวอนของสาวสวยที่สัญญาว่าใช้เวลาไม่นาน ทำให้โขงใจอ่อนยอมนั่งรถเธอไปนั่งทานอาหารในสวนอาหารบรรยากาศดี แต่ระหว่างที่นั่งรออาหาร สายตาของโขงเห็นมณฑาเดินผ่านหน้าร้านไป ด้วยความดีใจเขาจึงรีบออกมาจากร้าน โดยบอกทิชาว่าเขาไปไม่นาน
มณฑาแปลกใจและเบื่อหน่ายที่เห็นหน้าโขงอีก เธอตัดสินใจจะทำตามที่เธอเคยสัญญากับเขา คือพาเขาไปที่แฟลตของเธอเพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการการสงเคราะห์ เมื่อมณฑารับปาก โขงจึงยอมปล่อยให้เธอกลับไป ส่วนเขาก็รีบกลับไปหาทิชา เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเขาปล่อยให้เธอนั่งคนเดียวนานเกินไปแล้ว
ทิชาเห็นตั้งแต่ที่โขงหันไปเห็นมณฑา เธอเห็นว่าเขาวิ่งตามสาวคนนั้น แล้วปล่อยให้เธอรอเขาอยู่คนเดียวที่โต๊ะท่ามกลางอาหารมากมายที่เธอตั้งใจสั่งมาให้เขา ทิชากำลังเรียกเก็บเงินด้วยความน้อยใจตอนที่โขงวิ่งหน้าตั้งกลับมา เขาพยายามทำให้เธอสบายใจด้วยการสวาปามอาหารมากมายนั้น และใช้เวลาอยู่กับเธอให้มากขึ้นจนเบี้ยวนัดกับสวัสดิ์ที่ตั้งหน้าตั้งตารอก๊งเหล้าแกล้มหอยดองที่เขาสัญญาว่าจะซื้อไปฝาก
สวัสดิ์ไม่รู้ว่าทำไมโขงถึงมักจะหายตัวไปจากสำนักงานทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน สุรารักษ์คาดโทษโขงให้สวัสดิ์ฟัง แถมยังขู่คู่หูของโขงอย่างสวัสดิ์ให้ระวังตัวว่าจะไม่ได้ขั้น สวัสดิ์จึงพยายามสอดส่องตามประกบดูแลไม่ให้โขงหายไปจากสายตาก่อนเวลา แต่โขงพริ้วกว่าสวัสดิ์ เขาจึงเร้นกายหายตัวไปได้ทุกที
โขงไม่ได้บอกใครว่าเขาออกจากสำนักงานก่อนเวลา เพื่อไปตามกรณีของมณฑาอย่างไม่ลดละ และตั้งใจจะช่วยเหลืออีกหลายกรณีตามที่มณฑาเล่าให้เขาฟัง หลังเลิกงานที่โรงงาน มณฑาจำใจต้องพาโขงที่มาดักรอเธอ พาเขาไปแฟลตเก่าที่เธอหนีแม่มาอาศัยอยู่ ที่นี่เขาได้ช่วยผัวเมียที่ทะเลาะกัน ช่วยเด็กที่ถูกทิ้งไว้ที่ระเบียง พาตำรวจจับผัวที่พาเมียเด็กไปขายตัวเอาเงินมาใช้ สะสางเรื่องป้าตีหลาน ทุกเรื่องที่เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยว เขาทำตามนโยบายหยุดความรุนแรงในครอบครัว และตามพรบ.คุ้มครองเด็ก
สุรารักษ์หัวหมุนไปงานกับที่โขงทำและนำเข้าสู่สำนักงาน เพราะมีมาอย่างต่อเนื่องและมากมาย เธอได้แต่สงสัยว่าอยู่ๆ พ่อจอมขี้เกียจไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างโขง ทำไมถึงได้ขยันเอาจริงเอาจัง เธอคิดว่าเขาต้องการทำงานเอาหน้าหวังเงินเดือนขึ้น อยากเลื่อนขั้น อยากได้ความดีความชอบ ต้องการแข่งขันกับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับรางวัลดีเด่นทุกปีอย่างเธอ สุรารักษ์บ่นให้ รตท.กำชัย แฟนหนุ่มที่ทำงานประสานกันอยู่เป็นประจำว่าเธอไม่ไว้ใจโขง แต่นายตำรวจหนุ่มกลับเริ่มเห็นตัวตนที่แท้จริงของโขงและรู้สึกชื่นชมวีรบุรุษที่ไม่ได้ทำงานเอาหน้าคนนี้
ทิชานัดโขงมาที่ร้านอาหารที่เดิม เพื่อแจ้งกับเขาว่าทางมูลนิธิมีทุนจะมอบให้กับเด็กที่ยากไร้ เธอขอให้โขงหาเด็กที่ต้องการทุนนี้ โขงนึกถึงมณฑา และเด็กๆ ที่แฟลต เขาคิดจะให้มณฑาประกาศข่าวเรื่องทุนนี้ให้คนที่แฟลตได้รู้ แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นพนักงานเสริฟคนใหม่คือมณฑา ทิชาเองก็แปลกใจที่เห็นมณฑาที่นี่ เธอจำได้แม่นว่ามณฑาคือคนที่โขงวิ่งตามไปวันก่อน แล้วปล่อยให้เธอคอยเขาอยู่ตามลำพัง แต่เมื่อทิชารู้เรื่องของมณฑาตามที่โขงกระซิบบอก เธอก็รู้สึกสงสารในชะตากรรมของมณฑา ส่วนมณฑาเองรู้สึกว่าหนุ่มหล่ออย่างโขงดูเหมาะสมที่จะเดินเคียงคู่กับสาวสวยอย่างทิชา เธอแปลกใจที่พบว่าเธอรู้สึกอิจฉาทิชาที่สมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ และคนที่รู้ใจ มณฑาพยายามหักห้ามใจที่เริ่มหงุดหงิดเพราะคิดว่าทั้งคู่คงชอบกัน
แต่ทิชาเองก็มีปัญหาของเธอ ทิชาต้องเข้าไปที่ผับเพื่อดูแลตรวจสอบการทำบัญชีให้พีระ และต้องคอยระวังตัวไม่ให้เขาหาเศษหาเลยกับเธอ เธอรู้ว่าพีระหมายปองต้องการครอบครองตัวเธออย่างที่คุณหญิงระวีเปิดทางให้ แต่เธอไม่ต้องการเช่นนั้น เธอจำเป็นต้องทำงานให้พีระ แต่คนที่เธออยากทำงานด้วยคือโขงต่างหาก ทิชารู้สึกยินดีกับการทำงานมอบทุนให้เด็ก เพราะเธอได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานของโขงนั่นเอง
เมื่อสุรารักษ์รู้เรื่องโครงการให้ทุนของมูลนิธิ เธอก็รู้สึกหมั่นไส้โขงมากยิ่งขึ้น เธอบอกเขาว่ามูลนิธิชอบทำงานเอาหน้า โขงคงชอบทำงานเอาหน้า ส่วนเจียรนัยก็ค่อนแคะว่าเขาต้องการจีบทิชา แต่โขงได้รับไฟเขียวเต็มที่ในโครงการนี้จากหัวหน้านารี จนได้รับอนุญาตให้ใช้รถเมื่อไหร่ก็ได้ แม้สวัสดิ์จะแปลกใจแต่ก็รู้สึกยินดี เพราะขับรถให้โขงนั่งนั้น สบายหูกว่าพาสุรารักษ์ไปไหนต่อไหนตั้งเยอะ