13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 08:44 น.
กล้วยปิ้งป้าจันทร์ อนุสาวรีย์ชัยฯ"กล้วยปิ้ง"ที่อร่อยครบครันจริงๆ
โจ-ลิฟวิ่ง
"กล้วยปิ้ง" อีกหนึ่งของกินตระกูลกล้วยที่มีอยู่ทั่วทุกหนแห่งในเมืองไทย สะดวกที่จะซื้อหา แถมยังไม่ต้องเสียเวลารอนานอีกด้วย เพราะบรรดาพ่อค้าแม่ค้ากล้วยปิ้งจะเปิดขายกันริมตามทางเท้า ตั้งเตาใส่รถเข็น หรืออาจเป็นร้านที่ดูดีหน่อย เท่านี้ก็พร้อมจะเสิร์ฟความอร่อยให้แก่คนที่ชอบผลไม้ชนิดนี้แล้ว
ฟังดูเหมือนว่าการทำ กล้วยปิ้ง นั้นง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก ทว่าความจริงไม่เป็นเช่นนั้นหรอก เพราะกว่ากล้วยสุกหรือพอห่าม...ก็ว่า กันไปตามแต่คนทำจะสรรหาเลือกใช้ จะกลายเป็นกล้วยปิ้งที่ให้ความหวานและหอมในตัว เรียกว่ายากพอสมควร ไม่ใช่ใครก็สามารถทำกันได้ หากไม่เข้าใจกล้วยด้วยหัวใจ ก็เป็นเรื่องลำบากไม่น้อยที่จะได้กล้วยปิ้งแสนอร่อยอย่างใจหวัง
จันทร์แรม วาธีภักดี หรือป้าจันทร์ของคน ย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ ที่เรียกขานกันจนติดปากคุ้นหู คือผู้ที่สามารถก้าวข้ามสิ่งที่กล่าวามาข้างต้นได้สำเร็จ ด้วยว่าป้าจันทร์นั้นมีฝีมือทำกล้วยปิ้งได้อร่อยเด็ดอย่างแท้จริงนั่นเอง
ฝีมือการทำกล้วยปิ้งของป้าจันทร์ มีมานานกว่า 10 ปี และเธอก็ขายอยู่ย่านนี้มาตลอด เพียงแต่หมุนเปลี่ยนไปตามทำเล ที่ไหนว่างก็จะตั้งเตาปิ้งขายตรงนั้น ซึ่งปัจจุบันเธอได้ลงหลักปักฐานที่เชิงสะพานลอยฝั่งถนนพหลโยธินที่มุ่งหน้าสู่วงเวียนอนุสาวรีย์ชัยฯ มาถึง 4 ปีเต็ม
กล้วยปิ้งสูตรนี้ ที่มีน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบสำคัญ ป้าจันทร์ บอกว่า คิดขึ้นเองโดยอาศัยหลักครูพักลักจำมาจากเจ้าอื่นๆ จากนั้นก็นำมาปรับ ใส่นี่ เพิ่มนั่น ให้เป็นสูตรตามที่ตัวเองชอบ และได้กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวป้าจันทร์ที่ใครก็รู้จักในนามกล้วยปิ้งสูตรป้าจันทร์คนเมืองอุบลราชธานีจนถึงทุกวันนี้
ความอร่อยของกล้วยปิ้งพะยี่ห้อว่าป้าจันทร์ขึ้นชื่อขนาดไหนนั้น พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าโอ้อวดสรรพคุณเกินเหตุ แต่ถ้าใครเคยลองลิ้มแล้ว ก็คงมีคำตอบในใจแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่เคย เชื่อเถอะว่าจะต้องติดใจกับคำแรกแน่นอน เพราะนี่คือกล้วยปิ้งที่มีความอร่อยอย่างมาก!
โดยทีเด็ดของป้าจันทร์จะอยู่ตรงที่น้ำเชื่อมที่ใช้สำหรับชุบกล้วย สีจะออกน้ำตาลไหม้ และให้ความหวาน มัน หอม กลมกลึงกันเป็นอย่างดี ละมุนละไมยังไงไม่รู้ (อันนี้รู้สึกเองนะครับ)
ไม่เพียงแต่น้ำเชื่อมเท่านั้นที่เป็นทีเด็ดของกล้วยปิ้งเจ้านี้ กล้วยที่นำมาปิ้งก็ถือว่ามีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน กล้วยปิ้งจะอร่อยต้องไม่สุกจนเละ หรือไม่ก็ดิบไปเลย ทุกอย่างต้องพอดีเช่นกล้วยที่ ป้าจันทร์เลือกใช้ ก็จะมี 2 แบบ
แบบแรกคือกล้วยสุกพอห่าม เปลือกเป็น สีเหลืองระเรื่อ มีสีเขียวปนอยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งพอนำมาปิ้งแล้วก็จะได้กล้วยปิ้งที่ไม่แข็งกระด้างเคี้ยวจนเมื่อยกราม พอนำมาทับแล้วชุบด้วยน้ำเชื่อมสัก 2-3 รอบ พลิกไปพลิกมาเพื่อให้น้ำเชื่อมเข้าเนื้อกล้วย เท่านี้ก็จะได้ความอร่อยแบบฉบับกล้วยปิ้งป้าจันทร์แล้วล่ะ
ส่วนกล้วยอีกแบบที่ป้าเลือกใช้นั้นจะค่อนข้างสุก แต่ไม่ถึงขั้นงอมมากนัก กล้วยแบบนี้จะมีความหวานในตัวอยู่แล้ว พอปิ้งให้สุก นำมาทับแล้วชุบด้วยน้ำเชื่อม เพียงเดี๋ยวเดียวก็ยกขึ้นเสิร์ฟได้เลย หรืออาจจะรับประทานแบบกล้วยปิ้งเปล่าๆ โดยไม่ต้องชุบน้ำเชื่อม ทับเสร็จสรรพรับประทานร้อนๆ หรือมีข้าวเหนียวนึ่งร่วมแจมด้วย ก็ได้ความอร่อยไปอีกแบบ
อ้อ! ลืมบอกไปว่า ป้าจันทร์ปิ้งกล้วยด้วยเตาถ่าน นั่นจึงทำให้กล้วยมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่เหม็นแก๊สเหมือนหลายร้านที่ขายกันอยู่ตอนนี้ ส่วนราคากล้วยปิ้งนั้น ป้าจันทร์จะขายที่อยู่ไม้ละ 20 บาท โดยไม้หนึ่งก็จะได้กล้วยประมาณ 6-7 ลูก ซึ่งขึ้นกับขนาดของกล้วยด้วยว่าใหญ่หรือเล็ก
กล้วยปิ้งป้าจันทร์ เปิดขายตั้งแต่เช้าตรู่ ราว 7 โมง จนถึง 6 โมงเย็น หรือบางที ถ้าวันไหนขายดี จนกล้วยหมดเข่ง ป้าจันทร์ก็จะเก็บรถเข็นไวขึ้น ทางที่ดีใครอยากจะมาชิมกล้วยปิ้งป้าจันทร์ ควรเผื่อเวลาก่อนร้านปิดปกติสักชั่วโมง หรืออาจลองกดโทรศัพท์ 2 เบอร์นี้ 06-627-1557, 09-786-1865 มาถามจะน่าจะดีกว่า ซึ่งการเดินทางมาที่ร้านนั้น สะดวกสุด แนะนำว่าให้ใช้รถไฟฟ้าบีทีเอส ลงที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยฯ จากนั้นให้เดินย้อนมาทางถนนพหลโยธิน ผ่านแฟชั่นมอลล์ (โรบินสันเก่า) และคลอง (ที่มีก๋วยเตี๋ยวเรือขายกันเยอะๆ นั่นละ) เดินต่ออีกจนถึงสะพานลอย ร้านกล้วยปิ้งป้าจันทร์จะอยู่ตรงเชิงสะพานพอดี แต่ถ้ามาจากรถไฟฟ้า บีทีเอส สถานีสนามเป้า เดินประมาณ 200 เมตร ก็จะเจอร้านกล้วยปิ้งป้าจันทร์ ซึ่งอยู่ก่อนถึงวงเวียนอนุสาวรีย์ชัยฯ หรือใช้บริการรถเมล์ที่มีทั้งธรรมดาและปรับอากาศก็ได้ โดยมีหลายสายทีเดียวที่ผ่านร้านป้าจันทร์เลย เช่นว่า สาย 3, 8, 26, 28, 29, 39, 54, 59, 63, 74, 97, 108, 510 ฯลฯ
ความอร่อย 5 นิ้วโป้ง
ความสะอาด 4 นิ้วโป้ง
