BGRIM แกร่งทริสฯ ให้เรทติ้งองค์กรที่ “A” แนวโน้ม “Stable”
สะท้อนผู้นำด้านพลังงานของไทยกุมกำลังการผลิต 1,779 เมกะวัตต์ คาดภายในปี 63 พุ่งแตะ 2,163 เมกะวัตต์
BGRIM แกร่ง ทริสฯ ให้เรทติ้งองค์กรที่ “A” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความเป็นผู้นำด้านพลังงานของเมืองไทย ที่พร้อมประกาศศักดาในต่างแดน ณ เดือน ก.พ.ปีนี้มีกำลังการผลิตกว่า 1,779 เมกะวัตต์ คาดภายในปี 63 พุ่งแตะ 2,163 เมกะวัตต์ ด้านผู้บริหาร “ปรียนาถ สุนทรวาทะ” เผยเตรียมทุ่มงบลงทุนในปีนี้กว่า 1 หมื่นล้านบาท ขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าตามแผน
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ[/b] ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ให้อันดับเครดิตขององค์กรของบริษัทฯ ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะในการเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ที่มีการกระจายตัวของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power:SPP) รวมถึงความแน่นอนของกระแสเงินสดที่ได้รับจากการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และลูกค้าอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงผลการดำเนินการบริหารโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined-Ceycle Cogeneration) และ โอกาสในการเติบโตในอนาคต
ปัจจุบัน BGRIM มีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ จำนวน 31 แห่ง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,779 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนที่บริษัทถือหุ้นรวมเท่ากับ 1,008 เมกะวัตต์ โดยสัดส่วนโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานฟอสซิลคิดเป็นสัดส่วน 92% ของกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น แบ่งเป็นโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซพลังงานความร้อนร่วม จำนวน 13 โครงการ ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมและสวนอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ชลบุรี) นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ระยอง) นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบับ และ นิคมอุตสาหกรรมเหมราช- และโรงไฟฟ้าพลังดีเซลอีก 1 โครงการ ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (เบียนหัว) ประเทศเวียตนาม ในขณะที่กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นอีก 8% เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 15 โครงการ ในประเทศไทย และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำจำนวน 2 โครงการ ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 ต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ลดลงมาที่ระดับ 4.7% จาก 4.9% ในปีก่อนจากการบริหารจัดการโครงสร้างการเงินของบริษัทฯ โดยมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของเจ้าของที่ 1.4 เท่า ตามงบการเงินรวมของบริษัทฯ อย่างไรก็ดีหนี้สินสุทธิส่วนมากของบริษัทฯ กว่าร้อยละ 80 เป็นหนี้สินสุทธิระดับโครงการหรือบริษัทย่อยของบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และมีอำนาจควบคุม จึงมีการรวมทรัพย์สินและหนี้สินของบริษัทย่อยในงบการเงินรวมของบริษัทฯ ซึ่งหนี้สินระดับโครงการเป็นการกู้เงินในรูปแบบของเงินกู้โครงการ (Project Finance) ที่ภาระผูกพันของผู้ถือหุ้นมีจำกัด (Limited Recourse) และหากพิจารณาในระดับของงบการเงินเฉพาะกิจการ บริษัทฯ มีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 เพียง 0-1 เท่า คือมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดมากกว่าหนี้สินของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทมีกระแสเงินสดที่ค่อนข้างแน่นอนและสม่ำเสมอ เนื่องจากโรงไฟฟ้าของบริษัทฯมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. ซึ่งมีอายุสัญญา 21-25 ปี และยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมเป็นระยะเวลา 5-15 ปี
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า บริษัทฯ วางงบลงทุนปีนี้ไว้ราว 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและจะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2565 ทั้งสิ้น 52 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 2,518 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ แล้วรวมทั้งสิ้น 31 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,779 เมกะวัตต์ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา กำลังการผลิตฟ้าติดตั้งรวม 739 เมกะวัตต์ ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต[/size]