ซัมซุงขึ้นบัลลังก์แชมป์เบอร์หนึ่งตลาดมือถือไทยคว้าชัยส่วนแบ่งตลาด 33%
ซัมซุงขึ้นบัลลังก์แชมป์เบอร์หนึ่งตลาดมือถือไทยคว้าชัยส่วนแบ่งตลาด 33% เดินหน้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดครองตำแหน่งแชมป์ต่อเนื่องตลอดปี ส่ง “ซัมซุง วัน (Samsung One)” Touchphone for Everyone ฉลองตำแหน่งนัมเบอร์วัน ขยายประสบการณ์ทัชโฟนสำหรับทุกคน
ซัมซุงประกาศความสำเร็จต้อนรับปีเสือขึ้นแท่น คว้าแชมป์เบอร์หนึ่งตลาดโทรศัพท์มือถือประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดล่าสุดกว่า 33% นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การทำตลาดโทรศัพท์มือถือประเทศไทย สร้างความสำเร็จได้ภายในระยะเวลาเพียงสองปีภายหลังจากการปรับโครงสร้างการจัดจำหน่าย พร้อมสานต่อกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ด้วยผลิตภัณฑ์หลากหลายทุกระดับ สร้างเทรนด์โทรศัพท์มือถือปีนี้ด้วยสมาร์ทโฟนจากหลากหลายแพลตฟอร์มเพิ่มอิสระอีกขั้นสำหรับ คอแอพพลิเคชันพร้อมเน้นการขยายประสบการณ์ Social Networking สู่กลุ่มผู้ใช้ที่กว้างขึ้น มั่นใจรักษาตำแหน่งแชมป์ตัวจริงต่อเนื่องตลอดปี
นายมนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า “หลังจากที่ซัมซุงได้มีการปรับโครงสร้างการจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือมาเป็นระยะเวลากว่าสองปี วันนี้ซัมซุงได้บรรลุเป้าหมายอันสำคัญในการเป็นผู้นำอันดับหนี่งตลาดโทรศัพท์มือถือด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 33% จากผลสำรวจล่าสุดโดยสถาบันวิจัยการตลาดจีเอฟเคในเดือนพฤศจิกายน นับเป็นครั้งแรกในการทำตลาดในประเทศไทยที่ซัมซุงสามารถขึ้นครองตำแหน่งผู้นำตลาดได้สำเร็จเป็นไปตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ ต้นปีผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของซัมซุงในการนำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยี การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าถึงประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภคได้ในทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์”
ซัมซุงเริ่มทำการตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 ด้วยจุดเด่น ของผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์สวยและฟังก์ชันการทำงานที่เป็นเลิศ ทั้งยังเป็นผู้สร้างและผู้นำเทรนด์โทรศัพท์มือถือให้เกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลาการทำตลาด อาทิ โทรศัพท์มือถือหน้าจอสี โทรศัพท์มือถือแบบฝาพับ โทรศัพท์มือถือแบบสไลด์ คาเมร่าโฟน หรือแม้กระทั่งทัชโฟนที่นิยมกันอยู่ในปัจจุบันซึ่งได้กลายเป็นเทรนด์การใช้โทรศัพท์มือถือที่ได้รับการตอบรับในหมู่ผู้บริโภควงกว้างและสามารถเข้าถึงผู้บริโภคในทุก ไลฟ์สไตล์ได้อย่างดีที่สุด
“ในก้าวต่อไปของการทำตลาดโทรศัพท์มือถือ ซัมซุงยังคงเจตนารมย์ในการมอบประสบการณ์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภคด้วยโทรศัพท์มือถือดีไซน์สวยผสานเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมเพื่อ ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตในปัจจุบันและอนาคตตามแนวคิด Turn on Tomorrow พร้อมกลยุทธ์การตลาดหลักสี่ประการได้แก่ 1) การมอบนวัตกรรมโทรศัพท์มือถือที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์แบบ 2) เติมเต็มประสบการณ์ใช้งานตามไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ด้วยคอนเทนต์และแอพพลิเคชันที่หลากหลาย 3) การมุ่งเน้นความเป็นเลิศทางด้านการตลาดที่ครบวงจรด้วยการเพิ่มสัดส่วนการสื่อสารทางด้าน Above-the-Line ให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง และ 4) การพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพด้วยการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยวางแผนการเดินตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งและสร้างการเติบโตในธุรกิจมือถือต่อไป”
สำหรับในปี พ.ศ. 2553 นี้ ซัมซุงวางแผนรักษาความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดโทรศัพท์มือถือโดยเน้นการนำเสนอนวัตกรรมโทรศัพท์มือถือที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ อย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายเทรนด์การใช้งานให้เกิดขึ้นกับผู้บริโภคในวงกว้างด้วยตัวเลือกที่แตกต่างเหมาะสมกับการใช้งานหลากหลายประเภท ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีจุดเด่นทางด้านเทคโนโลยีทันสมัย แห่งอนาคตที่พร้อมจะสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนที่จะมาพร้อมกับแพลตฟอร์มการใช้งานอันหลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งวินโดวส์ โมบายล์ ลิโม แอนดรอยด์ และบาดา ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือใหม่ล่าสุดที่ซัมซุงพัฒนาขึ้นเองเพื่อรองรับการใช้งานแอพพลิเคชันอิสระให้มีความสะดวกสบายและหลากหลายมากยิ่งขึ้นที่จะเป็นเทรนด์ล่าสุดสำหรับวงการมือถือทั่วโลกในปีนี้ ทั้งยังคงให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่รองรับการใช้งาน Social Networking เพื่อการติดต่ออัพเดท ไลฟ์สไตล์ของสังคมออนไลน์ซึ่งจะมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น
“นอกจากนี้การทำตลาดในปีนี้ซัมซุงยังเน้นการขยายกลุ่มลูกค้าไปยังระดับที่กว้างขึ้นโดยได้แนะนำทัชโฟนสไตล์เท่รุ่นไฮไลต์ประจำปีนี้ ได้แก่ ซัมซุง วัน (Samsung One) ทัชโฟนสมบูรณ์แบบใหม่ล่าสุด เพื่อขยายประสบการณ์ทัชโฟนและ Social Networking ให้เป็นไปได้สำหรับทุกคนในราคา เพียง 4,290 บาท ซัมซุงวางเป้าหมายให้ ซัมซุง วัน เป็นทัชโฟนเครื่องแรกของที่จะดึงดูดให้ผู้ใช้เปลี่ยน มาใช้ทัชโฟนกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ทัชโฟนเป็นครั้งแรก” นายมนาเทศกล่าวสรุป