สิงคโปร์พร้อมจัดงาน เอเชีย แปซิฟิก มาริไทม์ 2018
กระตุ้นอุตสาหกรรมเดินเรือทะเลในอาเซียน 14-16 มี.ค.นี้
ไทยสุดฮอต ยกเป็นเมืองยุทธ์ศาสตร์การเติบโตของอุตสาหกรรมฯ
(กรุงเทพฯ) รีด เอ็กซิบิชั่นส์ ผู้จัดงานชั้นนำของโลก เตรียมจัดงานประชุม “เอเชียแปซิฟิก มาริไทม์ ครั้งที่ 15” (Asia Pacific Maritime หรือ APM) ระหว่างวันที่ 14-16 มีนาคม 2561 นี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมสิงคโปร์ มารีน่าเบย์แซนด์ ซึ่งเป็นงานนิทรรศการและการประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติด้านการเดินเรือ สำหรับธุรกิจและงานนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดให้ผู้ที่อยู่ในวงการธุรกิจในไทยและเอเชียลงทะเบียนแล้ววันนี้ที่ https://www.apmaritime.com โดยในปีนี้ได้รับเกียรติจากผู้นำและผู้เชี่ยวชาญทางอุตสาหกรรมการเดินเรือทางทะเลกว่า 40 ท่านทั่วโลกมาให้ความรู้ในการประชุมสัมมนาต่างๆอย่างคับคั่ง พร้อมนำเสนอการอภิปรายเกี่ยวกับแนวโน้มและประเด็นสำคัญในการกำหนดเส้นทางอุตสาหกรรมการเดินเรือ การล่องเรือทางธุรกิจ และอุตสาหกรรมนอกชายฝั่งของทวีปเอเชียแปซิฟิก ร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึก และการคาดการณ์ในอนาคตเพื่อส่งเสริมทุกฝ่ายในการดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยงานประชุมสัมมนาแบ่งเป็น 3 วันดังนี้- 14 มีนาคม ด้วยการอภิปรายในหัวข้อสำคัญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรอบปีนี้ โดยเน้นตลาดธุรกิจการเดินเรือ
- 15 มีนาคม เน้นแนวโน้มทางการตลาดของเรือบรรทุกน้ำมัน แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงทางการเงินของธุรกิจภาคพื้นทะเล และการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมทางทะเลที่กำลังเติบโตในประเทศอาเซียน
- 16 มีนาคม ผู้ร่วมงานจะได้รับฟังผู้นำต่างๆในอุตสาหกรรมร่วมกันเปิดอภิปรายตรวจสอบลำดับความสำคัญของน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับอุตสาหกรรมการเดินเรือ เทคโนโลยีไฮบริดล่าสุด และโอกาสการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมนอกชายฝั่ง มร. เยียว ฮุย เล้ง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายโครงการ ของเอเชีย แปซิฟิก มาริไทม์ กล่าวว่า “เอเชียแปซิฟิก มาริไทม์ ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นเวทีสำคัญในการเชื่อมต่อธุรกิจการเดินเรือของโลกสู่ภูมิภาคเอเชีย โดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อการประกอบธุรกิจเท่านั้น แต่ยังต้องการช่วยส่งเสริมการเจรจาเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจในระดับภูมิภาคและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางอุตสาหกรรมด้วย โดยการรวมตัวของผู้นำทางธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ทั้งนี้ การพัฒนาในปัจจุบันของประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทย ทำให้เราเห็นถึงศักยภาพธุรกิจในอุตสาหกรรมที่จะสามารถใช้ประโยชน์ได้ โดยการพัฒนาต่างๆ จะนำมาซึ่งความรู้ความเข้าใจในการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ การสำรวจแนวพรมแดนใหม่ และการค้นพบโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ" 
