happy on February 22, 2018, 08:42:49 PM
อลิอันซ์ อยุธยา เผยแผนธุรกิจปี 61 เดินหน้าเต็มสูบ 4 กลยุทธ์หลัก ยึดเบอร์ 1 ด้านดิจิทัล       
ความคุ้มครอง และความพึงพอใจของลูกค้า เร่งเครื่องทุกช่องทางขาย ตั้งเป้าเบี้ยรับรวม 3.4 หมื่นล้านบาท




                     กรุงเทพฯ — 19 กุมภาพันธ์ 2561 — บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เผยแผนธุรกิจปี 2561 เดินหน้าเต็มสูบ 4 กลยุทธ์หลักขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตยั่งยืน ได้แก่ 1. เป็นผู้นำดิจิทัล 2 เน้นตลาดความคุ้มครอง 3.ผลักดันยอดขายจากทุกช่องทาง และ 4. รักษาคะแนนความพึงพอใจของลูกค้า (Net Promoter Score) ในฐานะ Loyalty Leader โดยตั้งเป้าพิชิตยอดเบี้ยรับรวมปีนี้แตะ 3.4 หมื่นล้านบาท

                     นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า ปี 2560 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่อลิอันซ์ อยุธยา ได้สร้างนวัตกรรมใหม่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านผลิตภัณฑ์ การบริการลูกค้า การดำเนินงานในช่องทางตัวแทน หรือแม้แต่การสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพในไทย ซึ่งทุกกิจกรรมที่กล่าวมาได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ในด้านผลงานของแต่ละช่องทาง ช่องทางตัวแทน สามารถเพิ่มจำนวนตัวแทนใหม่ได้ถึง 10% ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีกับธนาคารกรุงศรี ช่องทางขายตรง ยังคงครองอันดับ 1 ในส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด และช่องทางประกันกลุ่ม ประสบความสำเร็จในการนำเอาระบบ top-up มาใช้กับลูกค้าองค์กร

                     “ความสำเร็จในด้านธุรกิจเป็นส่วนหนึ่งที่เราพอใจมาก แต่อีกส่วนหนึ่งที่เราภูมิใจมากที่สุด คือ บริษัทฯได้รับคะแนนความพึงพอใจสูงสุดจากลูกค้า ด้วยคะแนน 23.2% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจของตลาดประกันชีวิต อยู่ที่เพียง 2.3% คะแนนสูงสุดที่เราได้รับสอดคล้องกับความสำเร็จด้านงานบริการที่การันตีด้วยรางวัลมากมายที่เราได้รับในปี 2560 อาทิ Prime Minister's Insurance Award for Excellent Development Insurance Company / Best Call Center and Complaint Handling Center และอีกมากมาย ซึ่งรางวัลเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จในกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง” นายไบรอัน กล่าว 

                     สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2561 นายไบรอัน เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก คือ

                     1. ดิจิทัล ซึ่ง อลิอันซ์ อยุธยา เป็นผู้นำในด้านนี้ โดยมีการดำเนินกิจกรรมและธุรกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันสำหรับลูกค้า เพื่อให้สามารถเช็คและบริหารข้อมูลกรมธรรม์ได้แบบออนไลน์ รวมทั้งการส่งเอกสารเคลมผ่าน My Allianz และยังมีแพลทฟอร์ม Healthy Living เพื่อเป็นชุมชนออนไลน์ แบ่งปันความรู้ด้านการกินดี อยู่ดี สุขภาพ และการบริหารการเงิน พร้อมสะสมพ๊อยท์เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษมากมาย สำหรับตัวแทนและพันธมิตรทางธุรกิจ เรามีแอพพลิเคชั่น เพื่ออำนวยความสะดวกการขาย เช่น Allianz Discover และสำหรับพนักงาน เรามีการนำเอาระบบ Robotic เข้ามาใช้เพื่อทำงานเอกสารให้เป็นแบบอัตโนมัติ และมีการเปิดแพลทฟอร์มเพื่อการพัฒนาเพื่อเรียนรู้ผ่าน LinkedIn Learning ให้พนักงานเลือกเข้าคอร์สได้ทุกที่ ทุกเวลา และล่าสุดบริษัทฯ ได้จัดโครงการ อลิอันซ์ อยุธยา

                     แอคทิเวเตอร์ สนับสนุนสตาร์ทอัพในการทำธุรกิจในกลุ่ม HealthTech และ InsureTech  จนทำให้เป็นหนึ่งใน 10 บริษัทที่สตาร์ทอัพต้องการร่วมเป็นพันธมิตรด้วยมากที่สุดในประเทศไทยจากการจัดอันดับโดย Techsauce

                     2.ด้านความคุ้มครอง – บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยปีนี้เน้นไปที่ Holistic Care คือการดูแลสุขภาพรอบด้านให้กับลูกค้า ไม่เป็นเพียงแค่บริษัทประกันที่ช่วยแค่จ่ายค่ารักษาพยาบาล โดยขณะนี้มีบริการที่ลูกค้าสามารถใช้ได้แล้ว ได้แก่ Nursing Care ดูแลยามพักฟื้นที่บ้าน และ Advance Second Medical Opinion เพื่อขอความเห็นที่สองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

                     3.ด้านยอดขาย - บริษัทฯ ยังมุ่งขับเคลื่อนและให้ความสำคัญกับทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นช่องทางตัวแทนที่มุ่งสร้างตัวแทนใหม่ ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ที่ยังคงเน้นหารเป็นพันธิมิตรร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกรุงศรี ช่องทางขายตรงที่ยังคงมุ่งครองความเป็นหนึ่ง และช่องทางดิจิทัลที่ตั้งใจจะเติบโตช่องทางนี้อย่างจริงจังในปีนี้

                     4. ด้านคะแนนความพึงพอใจของลูกค้า หรือ ดัชนีชี้วัดความภักดีของลูกค้า (NPS) – ไม่ว่าธุรกิจจะเติบโตหรือยอดขายในปีนี้จะมากแค่ไหน แต่ตัวเลขเหล่านั้นจะไม่ยั่งยืนเลย หากคะแนน NPS ซึ่งสะท้อนความพึงพอใจของลูกค้าลดลง ดังนั้น บริษัทฯ จะยังเดินหน้าให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกขั้นตอนการทำงาน ซึ่ง จากการดำเนินกลยุทธ์นี้มาอย่างยาวนาน ส่งผลให้กลยุทธ์ดังกล่าวกลายเป็น DNA ของผู้บริหารและพนักงานทุกคนไปแล้ว ซึ่งเป้าที่สำคัญ คือ รักษาการเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าให้ความภักดีและไว้วางใจ (Loyalty Leader) 

                     “ด้วยการมุ่งเน้นขับเคลื่อนการเติบโตผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก เรามั่นใจว่าจะสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ด้านคะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าต่อไปอีก ซึ่งเราให้ความสำคัญกับประเด็นนี้สูงที่สุดพอๆ กับเป้าหมายที่ชัดเจนในการพิชิตยอดเบี้ยรับรวม 34,000 ล้านบาทจากทุกช่องทาง รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นความคุ้มครองไว้ที่ระดับ 45% และก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ และสร้างให้ปี 2561 เป็นปีที่เราประสบความสำเร็จอีกปีหนึ่ง” นายไบรอัน กล่าวทิ้งท้าย