MSN on January 30, 2018, 03:19:27 PM
JMART นำ JVC เดินหน้าระดมทุน ICO ตามแผน ย้ำ Blockchain มาแน่ ขอเป็นเบอร์หนึ่งในการยกระดับเทคโนโลยีการเงินไทย



บมจ.เจมาร์ท (JMART) เปิดตัวแรง หวังสร้างมาตรฐาน และยกระดับเทคโนยีทางการเงินไทยเป็นครั้งแรก ส่งบริษัทย่อย เจ เวนเจอร์ส (JVC) เปิดตัวเสนอขายดิจิทัล โทเคน ต่อประชาชนครั้งแรก (Initial Coin Offering: ICO) "JFin" Coin จำนวน 100 ล้านเหรียญ จากทั้งหมดมี 300 ล้านเหรียญ เสนอขาย ราคาโทเคนละ 6.6 บาท (เทียบได้กับ 0.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ระดมทุนราว 660 ล้านบาท ใช้พัฒนาระบบ Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) โดยนำเทคโนโลยี Blockchain มาปรับใช้ นี่คือจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีทางการเงินรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยี ที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ ขึ้นแท่นผู้นำร่องการระดมทุนด้วยดิจิตัลโทเคนที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ในปัจจุบัน และเตรียมศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมโดยละเอียดผ่าน White Paper ได้ที่เว็บไซต์www.jfincoin.io

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ประกาศความคืบหน้า บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ JMART ถือหุ้นในสัดส่วน 80% เดินหน้าระดมทุนด้วยดิจิทัล โทเคน "JFin Coin" ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (Initial Coin Offering : ICO) และเป็นกลุ่มบริษัทมหาชนรายแรกที่นำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้ในการทำธุรกิจสินเชื่อ ด้วยคอนเซ็ปต์ของเทคโนโลยี Blockchain คือ เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ และไม่ต้องอาศัยคนกลาง นับเป็นการปฎิวัติระบบการเงินสินเชื่อ ส่วนบุคคลในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

โดยจำนวน JFin Coin ทั้งหมด 300 ล้านเหรียญ แต่จะนำมาทำ Initial Coin Offering หรือ ICO ก่อนจำนวน 100 ล้านเหรียญ ที่หน่วยละ 6.6 บาท (เทียบได้กับ 0.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินระดมทุนประมาณ 660 ล้านบาท โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุน นำไปพัฒนาระบบสินเชื่อแบบดิจิทัลที่ไม่มีตัวกลาง หรือ Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) ซึ่งในช่วงเริ่มต้นจะนำเอามาใช้ในการปล่อยสินเชื่อของบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ก่อน และมีแผนจะขยายไปยังบริษัทอื่นๆ ทั้งนอกกลุ่ม และในกลุ่มเจมาร์ท โดย ICO จะเปิดขาย Presale วันแรก 14 ก.พ. – 28 ก.พ. 2561 นี้ และเปิดขายรอบ Initial Coin Offering จริง 1 มี.ค. – 31 มี.ค. 2561

"การระดมทุนด้วยดิจิทัล โทเคน แบบ ICO อาจเป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทย แต่ก็มีหลายบริษัทที่เลือก เข้ามาระดมทุนด้วยวิธีนี้กันในต่างประเทศ เนื่องจาก เป็นวิธีระดมทุนที่ไม่มี Dilution และไม่มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย เราเองอยากเป็นบริษัทจดทะเบียนบริษัทแรกที่นำเอาเรื่องนี้เข้ามาใช้อย่างเป็นรูปธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ในฐานะที่เจมาร์ทเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเราพยายามหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มากที่สุด ในทุกขั้นตอน พร้อมยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อทำให้ Fintech เกิดได้จริงในประเทศไทย โดยทราบดีว่า แม้จะยังไม่มีกฎเกณฑ์ของหน่วยงานผู้กำกับในปัจจุบัน แต่บริษัทยินดีที่จะปฏิบัติตาม หากมีกฎเกณฑ์ ที่เกี่ยวข้องในอนาคต มั่นใจว่า ด้วยทีมบริหารที่มากประสบการณ์ และคร่ำหวอดในวงการ Blockchain ที่เข้ามาร่วมด้วย จะสร้างมาตรฐานการระดมทุนด้วย ICO ที่มีคุณภาพให้กับผู้ลงทุนได้" นายอดิศักดิ์ กล่าว

ด้านนายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) เปิดเผยว่า วันนี้เทคโนโลยีทางด้านการเงินเปลี่ยนไป และไร้ขีดจำกัดมากขึ้น ย้ำ JFin Coin ไม่ใช่ Bitcoin ไม่ใช่เงิน และไม่เป็นหลักทรัพย์ตามนิยามปัจจจุบัน โดย JFin Coin ที่เสนอขายนั้น เป็นโทเคนแบบ Utility Token ซึ่งนำเอามาใช้ในระบบ Blockchain ที่ JVC จะพัฒนาขึ้น เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อ สำหรับนักลงทุนที่สนใจซื้อ JFin Coin จะมีเป้าหมายที่จะนำโทเคนไปใช้ ในระบบ และ JFin Coin เองสามารถนำไปซื้อขายในตลาดรองได้ ซึ่งปัจจุบันได้มีพันธมิตรตลาดรอง คือ TDAX ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายเหรียญ Cryptocurrency ชื่อดังในประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมีการตรวจสอบ ความมีตัวตนของผู้เข้ามาซื้อ JFin Coin ด้วย ผ่านระบบ KYC ของพันธมิตร

"JVC เป็นบริษัทที่จะเข้ามาทำกระบวนการ Digitalization ให้กับกลุ่มบริษัทเจมาร์ท โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และมุ่งหวังที่จะยกระดับเทคโนโลยีทางการเงินของประเทศไทย ทั้งนี้ มองว่าการระดมทุน ด้วยดิจิทัล โทเคน ไม่ใช่ใคร หรือบริษัทใดจะระดมทุน ICO ก็สามารถทำได้ เนื่องจาก ต้องมองว่าพื้นฐานของบริษัทฯ นั้นมีโอกาสที่จะนำเอาระบบ Blockchain เข้ามาใช้ประโยชน์ต่อธุรกิจได้อย่างไร และเจมาร์ทคือกลุ่มบริษัทที่มี Ecosystem" นายธนวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถหา White Paper ได้ที่เว็บไซต์ www.jfincoin.io ซึ่งอธิบายรายละเอียดของโครงการระดมทุนได้ ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2561 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทแนะนำอย่างยิ่งให้นักลงทุนได้ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด การลงทุนมีความเสี่ยง บริษัทจึงอยากให้ผู้ลงทุนอ่านข้อมูลให้ชัดเจน และเข้าใจก่อนลงทุน
« Last Edit: January 30, 2018, 03:48:36 PM by MSN »