นานมีบุ๊คส์ส่ง “ลำนำกระเทียม” นวนิยายทรงคุณค่าลำดับที่ 3 คว้ารางวัลชนะเลิศ หนังสือแปลดีเด่น พระยาอนุมานราช ประจำปี 2560
รางวัลแห่งความภาคภูมิใจของสำนักพิมพ์ที่ได้จัดพิมพ์หนังสือ จนได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากเวทีการประกวดต่างๆ ถือเป็นการการันตีถึงคุณภาพที่ควรค่าแก่การได้รับการยอมรับ ในปีนี้ก็เช่นกันที่ สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ได้ส่งนวนิยายทรงคุณค่า "ลำนำกระเทียม" คว้ารางวัลชนะเลิศประเภทหนังสือแปลดีเด่น จากการประกวดรางวัลพระยาอนุมานราช ถือเป็นผลงานนวนิยายลำดับที่ 3 ที่สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ส่งผลงานเข้าประกวดและได้รับรางวัลดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ นวนิยายเรื่อง "ไร้เกียรติยศ" ได้รับรางวัลชนะเลิศประจำปี 2556 และ "ลมหายใจที่ขาดห้วง" ได้รับรางวัลในปี 2558 ซึ่งทั้งสามเล่มเป็นผลงานที่ประพันธ์โดยนักเขียนรางวัลโนเบลด้วยกันทั้งสิ้น
"ลำนำกระเทียม" แปลจากต้นฉบับเรื่อง " The Garlic Ballads" ผลงานนวนิยายที่มีชื่อเสียงที่สุดเรื่องหนึ่งของ "มั่วเหยียน" (Mo Yan) นักเขียนรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ประจำปี 2012 นำเสนอเรื่องราวน่าจำจดอันเกี่ยวพันกับการเมือง ความรัก ความภักดี และการแก้แค้นระหว่างชายหญิง พ่อลูก และมิตรสหาย ณ อำเภอเทียนถัง ประเทศจีน ตีแผ่ความไม่เป็นธรรมของ "รัฐบาลจีน" อย่างถึงแก่น จนถูกห้ามตีพิมพ์ในจีนแผ่นดินใหญ่หลังเหตุการณ์ประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989 ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย ทั้งในฝั่งตะวันตกและตะวันออก
สำหรับประเทศไทยจัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์เอโนเวล (ในเครือนานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์) แปลโดย มนตรี เจียมจรุงยงศ์ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ดร.ภูวกร ฉัตรบำรุงสุข) หัวหน้าสาขาวิชาภาษาจีนและเลขานุการหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
มนตรี เจียมจรุงยงศ์ เผยความรู้สึกแรกหลังได้รับข่าวดีนี้ว่า "รู้สึกประหลาดใจไม่คิดว่าจะได้ ก่อนหน้านี้เคยผ่านการแปลหนังสือมาพอสมควร แต่ครั้งนี้เป็นการแปลนวนิยายเล่มแรกในชีวิต รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้แปล เพราะเป็นผลงานนักเขียนที่รู้จักและ ชื่นชม"
"พอได้แปลก็ยอมรับว่ายากมาก เพราะเรื่องราวในหนังสือเกิดขึ้นในช่วงยุค 80 ในมณฑลเทียนถัง จึงมีภาษาถิ่นค่อนข้างเยอะ อีกทั้งข้อมูลที่เกิดขึ้นในยุคนั้นมีค่อนข้างน้อย ตอนเริ่มต้นแปลก็จะรู้สึกงงว่าผู้เขียนต้องการสื่ออะไรกันแน่ แต่พอเริ่มจับทางได้ก็ทำให้แปลได้ง่ายขึ้น คือจำได้ว่าเริ่มแปลจากบทโหมโรง ซึ่งเป็นเหมือนสรุปเนื้อเรื่อง จึงทำให้จับทางในการแปลได้ถูก เพราะเขาเขียนไว้ว่า นวนิยายที่ยิ่งใหญ่ควรตีความได้หลากหลาย อย่างบางจุด ถามคนจีนเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องแปลว่าอะไรก็มี หรือบางทีถามสองคนยังได้คำตอบคนละแบบ หรือแม้แต่ถามคนท้องถิ่นในมณฑลนั้นก็ยังไม่รู้ ฉะนั้นเราจึงเข้าใจความต้องการของมั่วเหยียนว่าเขาต้องการให้สามารถตีความได้หลากหลาย เราก็จะแปลให้ตรงกับต้นฉบับมากที่สุด ไม่เอาความรู้สึกหรือความคิดเห็นส่วนตัวลงไป เพื่อให้ผู้อ่านจริงเมื่ออ่านแล้วสามารถตีความได้หลากหลาย ตามจุดประสงค์ของนักเขียน"
"จุดที่น่าสนใจของเล่มนี้คือ การเล่าเรื่องสองประเด็นควบคู่กันไป แต่จุดจบไปจบที่เดียวกัน เช่น บทเลขคี่จะเป็นเรื่องความรัก ในขณะที่บทเลขคู่จะเป็นเรื่องทางสังคม แต่ความรู้สึกที่อ่าน ไม่ได้รู้สึกว่ามันขัดกันเลย สุดท้ายแล้วเรื่องราวมันผูกกันมาและมาจบที่จุดเดียวกัน เป็นชั้นเชิงการดำเนินเรื่องที่แยบยลอย่างมาก"
ผู้แปลกล่าวทิ้งท้ายว่า "การอ่านนวนิยายนนอกจากจะได้ความบันเทิงแล้ว ทำให้เราได้รับรู้เหตุการณ์สำคัญๆทางประวัติศาสตร์ ที่บางครั้งเราก็ไม่สามารถหาอ่านได้จากตำราเรียน อย่างนวนิยายเล่มนี้แต่งขึ้นจากความจริงด้วยแล้ว ยิ่งมีประโยชน์มากในแง่ของการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ยุคหลังการปฏิวัติวัฒนธรรม อีกทั้งการถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกผ่านตัวอักษรที่ทำให้ผู้อ่านเข้าถึงเรื่องราวนั้นได้อย่างถึงอารมณ์ สมกับที่ รองศาสตราจารย์ ดร.ตรีศิลป์ บุญขจร ได้เขียนไว้ในคำนิยมว่า
"ลำนำกระเทียม" เป็นนวนิยายแนวประวัติศาสตร์แบบมหากาพย์ (Epic Historical Novel) โดยทั่วไปคำว่ามหากาพย์ หรือ Epic จะหมายถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นการต่อสู้ของวีรบุรุษคนสำคัญในสังคมนั้นๆ แต่ในลำนำกระเทียม เป็นมหากาพย์ของคนตัวเล็กที่ต่อสู้กับอำนาจรัฐและประเพณีอันล้าหลังที่ยังฝังรากลึกในสังคม แม้ว่ารัฐบาลสังคมนิยมจะประกาศยกเลิกประเพณีเหล่านี้แล้ว แต่ชาวไร่กระเทียมผู้ยากไร้ยังคมต่อสู้กับการกดขี่"
ลำนำกระเทียม เรื่องราวอันน่าจำจดอันเกี่ยวพันกับ "การเมือง ความรัก ความภักดี และการแก้แค้นระหว่างชายหญิง พ่อลูก และมิตรสหาย" ณ อำเภอเทียนถึงของจีน ชาวไร่ปลูกกระเทียมอันเป็นผลผลิตมีชื่อของพวกเขามากว่าร้อยปี พวกเขาอยู่กับกระเทียมมาทั้งชิวิต "กระเทียม" เป็นทั้งความฝัน ความหวัง และกลายเป็นภาระมหาศาลที่ไม่อาจปลดเปลื้องได้ ทว่า...เมื่อรัฐบาลคอมมิวนิสต์คดโกงทอดทิ้งพวกเขา นำไปสู่สภาวะกระเทียมล้นตลาดจนเน่าเสีย ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ชาวบ้านจึงต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ปกป้องสิทธิ์ของตน โดยแต่ละคนมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจต่างกันไป ทั้งความรัก ครอบครัว และอุดมการณ์
จัดพิมพ์และจำหน่ายโดย บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด ในราคา 295 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือแว่นแก้ว และ ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อผ่านทางwww.nanmeebooks.com และ
www.facebook.com/nanmeebooksfan โทร. 02-662-3000 กด 0