MSN on November 22, 2017, 02:33:51 PM
ข่าวประชาสัมพันธ์ บอร์ด FC ไฟเขียวจัดตั้งบริษัทใหม่ ลุยธุรกิจโรงไฟฟ้า สร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้ เสริมเขี้ยวเล็บให้องค์กร เพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนให้กับผู้ถือหุ้น

บอร์ด FC ไฟเขียวจัดตั้งบริษัทใหม่ เปลี่ยนโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ ซื้อโรงไฟฟ้าที่รับโอนมาจากบริษัท PRG และ PRT หวังหนุนผลประกอบการในอนาคตให้ดีขึ้น สร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้และอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมต่อเนื่องในระยะยาวและเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนให้กับผู้ถือหุ้น พร้อมออกหุ้นเพิ่มทุน 2.07 หมื่นล้านหุ้น จัดสรรให้ PP ราคา 0.27 บ./หุ้น-รองรับการวอร์แรนต์ และโอนส่วนล้ำมูลค่าหุ้น เพื่อล้างขาดทุนสะสม 853.08 ล้านบาท



นางสาวนราวดี วรวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (FC) ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านอาหารไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทใหม่และได้เข้าไปซื้อโรงไฟฟ้าที่รับโอนมาจาก บริษัท ไพร์ม โรด แคปปิ ตอล จำกัด ("PRC") นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ("นายสมประสงค์") และนายสุรเชษฐ์ ชัยปัทมานนท์ ("นายสุรเชษฐ์") (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRC นายสมประสงค์ และ นายสุรเชษฐ์ (Designated Person) และ 2) บริษัทจำกัดที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ที่ถือหุ้นโดยบริษัท ไพร์ม โรด เทค จำกัด ("PRT") (และ/หรือบุคคลที่ได้รับ มอบหมายของ PRT (Designated Person)) ตามแผนการรวมธุรกิจของบริษัทฯ โดยการรับโอนกิจการทั้งหมด (EBT)  เพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกใหม่ต่อผู้ถือหุ้นเดิม โดยผู้ที่ใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัทอาจไม่ใช่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Warrant RO)

เพื่อช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น โดยไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนในบริษัทต่างๆ เหล่านั้นอีกต่อไป รวมทั้งสามารถนำทรัพยากรของบริษัทฯ ที่ปัจจุบันถูกนำไปใช้ในธุรกิจที่ประสบปัญหาดังกล่าวไปใช้ในการดำเนินโครงการหรือธุรกิจใหม่ที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทฯ ได้มากกว่าธุรกิจเดิม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ต่อไป ตลอดจนสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้และอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมต่อเนื่องในระยะยาวอีกด้วย

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาให้ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนของ  บริษัทฯ จากทุนจดทะเบียนเดิม 3,178,403,680 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 2,767,765,276 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้นำออกจำหน่ายจำนวน 410,638,404 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งเป็นหุ้นสามัญจดทะเบียนที่คงเหลือจากการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) และโอนทุนสำรองตามกฎหมาย จำนวน 2,661,312 บาท และจำนวนสุทธิของส่วนเกินมูลค่าหุ้นและส่วนต่ำกว่ามูลค่าหุ้น จำนวน 322,889,525 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมของบริษัทฯ ซึ่งจะยังเหลือผลขาดทุนสะสมจำนวน 853,084,965 บาท

รวมทั้งเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากทุนจดทะเบียนเดิม 2,767,765,276 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 23,506,255,046 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 20,738,489,770 หุ้น มูลค่าหุ้น ที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อจัดสรรและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ไม่เป็นการเสนอขายในราคาต่ำ โดยจัดสรรเพื่อใช้ชำระเป็นค่าตอบแทนให้แก่ 1. บริษัท จำกัด ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ที่ถือหุ้นโ “คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้บริษัทจำกัดที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ที่ถือหุ้นโดย PRC นายสมประสงค์ และนายสุรเชษฐ์

อย่างไรก็ตาม หากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯและการจัดสรรหุ้นดังกล่าวข้างต้นและ PRC นายสมประสงค์ นายสุรเชษฐ์ (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของPRC นายสมประสงค์ และนายสุรเชษฐ์ (Designated Person)) และ PRT (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRT (Designated Person)) จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ตามที่ระบุแล้วเสร็จและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในการซื้อหุ้นและการทำคำเสนอซื้อหุ้นเสร็จสิ้นลงแล้วจะส่งผลให้ PRC นายสมประสงค์ นายสุรเชษฐ์(และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของPRC นายสมประสงค์ และ นายสุรเชษฐ์ (Designated Person)) และ PRT (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRT (Designated Person)) ถือหุ้นของบริษัทฯ รวมทั้งสิ้น 14,881,481,481 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 87.45 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ หลังการจัดสรรหุ้น ซึ่งมากกว่าร้อยละ 75 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ ทำให้ PRC นายสมประสงค์ นายสุรเชษฐ์ (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRC นายสมประสงค์ และนายสุรเชษฐ์ (Designated Person)) และ PRT (และ/หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายของ PRT (Designated Person)) มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ (Mandatory Tender Offer) ซึ่งราคาเสนอซื้อเท่ากับ 0.27 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ในเบื้องต้นบริษัทฯ  คาดว่ากระบวนการรับโอนกิจการจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2561 ส่วนการดำเนินธุรกรรมการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปกันสำรองไว้เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่จะครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม ปี 2561 ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนและสัญญาระหว่างกัน รวมทั้งสามารถนำไปใช้เป็นนเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ