happy on November 19, 2017, 07:04:23 PM
งานสร้างบรรยากาศคริสต์มาส นอกไปจากทีมนักแสดงแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง DADDY’S HOME 2 คือการกลับมาร่วมงานกันของทีมงานหลังกล้องจากภาพยนตร์ภาคแรกอีกครั้ง
“ตลอดหลายปีมานี้ ฌอนกับจอห์นได้พบกับกลุ่มคนที่พวกเขาอยากจะร่วมงานด้วย และได้พัฒนาความรู้สึกของความเป็นครอบครัวในกองถ่ายขึ้นมา” เฮนชี่บอก “บางครั้งมันอาจเป็นงานที่ทั้งยากทั้งเครียด แต่ก็มีความสนุกมากมายเมื่อคุณชอบคนที่คุณได้ทำงานด้วย”
ความรู้สึกของความเป็นครอบครัวทำให้ผู้กำกับภาพ ฮูลิโอ มาแค็ท กลับมาร่วมงานด้วยกันอีก โดย แอนเดรียส และแม็กซ์ ลูกชายของเขาก็ทำงานอยู่ในแผนกกำกับภาพด้วย
DADDY’S HOME 2 คือครั้งที่ 3 แล้วที่มาแค็ทได้ร่วมงานกับแอนเดอร์สและมอร์ริส หลังจากเคยร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง HORRIBLE BOSSES 2 และ DADDY’S HOME ภาคแรก “ในภาพยนตร์ทั้งสามเรื่อง ผมรู้สึกเหมือนผมได้พัฒนาทางลัดในการทำงานกับเซ็ธและจอห์น” มาแค็ทบอก “และผมก็รู้จักทีมของผมมาทั้งชีวิตของพวกเขาเลยครับ”
“ฮูลิโอคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาดูดีมากอย่างที่เห็นครับ” มอร์ริสเอ่ยชม “ไม่มีใครเก่งไปกว่าเขาอีกแล้วในการทำความเข้าใจกับสิ่งที่เรานึกภาพเอาไว้ในหัว และนำเสนอมันขึ้นจอได้แบบนี้”
“แม้ในวันที่เครียดที่สุด ฮูลิโอก็ยังสนุกอยู่ได้” เฮนชี่บอก “คุณจะพบเขาอยู่แผนกกล้อง และทำให้เต้นท์ทีมงานสั่นสะเทือนไปด้วยเสียงหัวเราะของเขา”
ที่กลับมาร่วมงานด้วยกันอีกครั้งก็คือ เคลย์ตัน ฮาร์ทลี่ย์ โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ผู้เคยร่วมงานกับ แกรี่ ซานเชซ อยู่บ่อยๆ เขาเป็นคนดูแลการเปลี่ยนแปลงฉากของภาพยนตร์ภาคต่อ จากโลเกชั่นย่านชานเมืองของภาพยนตร์ภาคแรก “ซึ่งอาจเป็นที่ไหนก็ได้ในอเมริกา” ในหลุยเซียน่า มาเป็นบรรยากาศแบบ “ดินแดนมหัศจรรย์แห่งคริสต์มาส” ของนิวอิงแลนด์
“DADDY’S HOME ภาคแรก วางเหตุการณ์เอาไว้รอบๆ บ้านหลังนี้ และในละแวกบ้าน ดังนั้น ครั้งนี้จึงเป็นเรื่องของการได้พักผ่อนในช่วงคริสต์มาส” ฮาร์ทลี่ย์อธิบาย
ด้วยความพยายามที่จะสร้างความประทับใจให้กับครอบครัวใหญ่ที่ห่างเหินของเขา เคิร์ต ตัวละครของ เมล กิ๊บสัน จึงพาทุกคนไปพักผ่อนที่กระท่อมแสนหรูหราที่เขาจองผ่าน Airbnb คัทเลอร์กล่าวต่อไปว่า “มีส่วนหนึ่งของบทภาพยนตร์ที่ทุกคนพูดว่า ‘ดูนี่ซิ มันน่าทึ่งว่าไหม’ ดังนั้น เราอยากสร้างพื้นที่ที่สะท้อนความรู้สึกนั้น”
ฮาร์ทลี่ย์และทีมของเขาได้สร้างด้านในบ้านพักผ่อนขนาดใหญ่ขึ้นที่โรงถ่ายแห่งหนึ่งในนิวอิงแลนด์ สตูดิโอส์ ในเดวิน, แมสซาชูเซ็ตส์
เด็บ คัทเลอร์ ผู้ทำหน้าที่ตกแต่งฉาก ซึ่งเป็นลูกหม้อเก่าของ DADDY’S HOME พูดถึงบ้านที่พวกเขาเช่าไว้พักผ่อนว่าเป็น “ลูกผสมระหว่างอัลไพน์สปากับราล์ฟ ลอเรน”
เมื่อให้อธิบายถึงกระบวนงานออกแบบ ฮาร์ทลี่ย์เล่าว่า “มันอิงอยู่กับความเป็นจริง ซึ่งอยู่ในบทภาพยนตร์ สิ่งที่อยู่ในหัวฌอน และสิ่งที่อยู่ในหัวของผม มันคือโอกาสที่จะได้ออกแบบบ้านในฝันของผมเลยครับ”
“มันเป็นภาระหน้าที่ครับ” เฮนชี่เล่า “พวกเขาสร้างแมนชั่นแบบกระท่อมพื้นที่ขนาด 2 หมื่นตารางฟุตขึ้นมาที่โรงถ่าย แล้วพวกเขาก็สร้างรหัสที่ใช้ช่วยเหลือทั้งทีมนักแสดงและทีมงานกว่า 180 ชีวิต รวมถึงอุปกรณ์ด้วย”
เมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทีมของคัทเลอร์ต้องสร้างชิ้นส่วนฉากภายในบ้านแต่ละส่วนที่ดูเรียบง่ายแต่หรูหรา “เราใช้อิทธิพลแบบเทือกเขาสูง อย่างเช่นรองเท้าใส่ลุยหิมะ มูส กวาง และเอลก์ รวมถึงของโบราณต่างๆ เพื่อทำให้ทุกอย่างดูมีความหลากหลาย” คัทเลอร์อธิบาย “เราอยากให้คุณรู้สึกราวกับว่าคุณไปอยู่บนเขานั้นจริงๆ”
โครงสร้างที่เปิดโล่งของกระท่อมหลังนี้ ถือเป็นงานท้าทายสำหรับคัทเลอร์ “กล้องมองเห็นทุกอย่างหมดเลย ดังนั้น ถึงแม้ว่าเราจะไม่เคยกินอาหารกันในห้องอาหาร แต่มันเป็นพื้นที่ใหญ่ กว้างจนมองเห็นทุกอย่าง เราต้องทำโต๊ะอาหารจากต้นโอ๊กเวอร์มอนต์ และทำให้มันมีร่องรอย เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ทั้งเก้าอี้และลังเก็บของล้วนแต่ทำจากไม้ซุง ในห้องเล่นเกม จะมีตู้เพลง มีโต๊ะพูลที่ทำจากไม้ซุง มีโต๊ะฮ็อคกี้ที่ถูกสร้างให้เหมือนตอไม้ และมีการแข่งขันสกีอัลไพน์เรซเซอร์ที่เราเพิ่มเข้าไปตามคำขอของฌอน เราไม่อยากให้คนดูเห็นมุมใดของฉาก และพูดว่า ‘อ๋อ พวกเขาไม่ได้สร้างส่วนนั้นขึ้นมา’ ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ต้องมีความละเอียดและยิ่งใหญ่ในระดับเดียวกัน”
สำหรับฉากภายนอกกระท่อม ทีมงานย้ายไปถ่ายทำกันในพื้นที่สูงขึ้น ทางทีมผู้สร้างเลือกบ้านหลังหนึ่งในเบิร์กไชร์ส เพราะชอบสถาปัตยกรรมของมัน พอๆ กับความรู้สึกที่ตั้งบนยอดเขาที่บ้านหลังนี้มีให้
“เราต้องการหิมะ” มอร์ริสเล่า “ซึ่งถือว่าหาได้ยากมาก เมื่อคุณถ่ายทำหนังกันในบอสตันเดือนมีนาคม ดังนั้นเราจึงไปที่เบิร์กไชร์ส เราทุกคนอยู่ในแมนชั่นบนเขานานเป็นอาทิตย์ และได้ท่องเที่ยวประสาครอบครัวในฉากของเราเอง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่สนุกมากครับ”
“เราพบบ้านที่สมบูรณ์แบบ ตั้งอยู่ในโลเกชั่นที่ดีในเบิร์กไชร์” ฮาร์ทลี่ย์อธิบาย “ปัญหาอย่างเดียวก็คือ มันไม่ใช่บ้านที่สร้างจากไม้ซุง ดังนั้น ทีมก่อสร้างที่น่าสงสารของเรา จึงต้องสร้างภาพไม้ซุง ท่ามกลางอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศา ด้วยการเพิ่มโฟมและไม้จริงเข้าไปในโลเกชั่นที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้ได้ภาพลักษณ์อย่างที่เราต้องการครับ”
เฮนชี่รู้สึกประทับใจในการเปลี่ยนแปลงของบ้านหลังนี้มาก “เคลย์ตันออกแบบงานที่น่าทึ่งได้เสมอครับ เวลาที่ผมมองดูบ้านหลังนั้น ผมนึกไม่ออกเลยว่าเขาจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นกระท่อมไม้ซุงได้ยังไง แต่เมื่อผมกลับไปในอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา มันดูไม่เหมือนเป็นบ้านหลังเดิมอีกแล้ว เขาเป็นปรมาจารย์จริงๆ มันมหัศจรรย์มากเลยครับ”
สภาพอากาศก็เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้ภาพของกระท่อมหลังนี้ดูพร้อม “การถ่ายทำอาจจะหนาวเย็นมาก แต่ก็สนุกมาก” คัทเลอร์เล่า “เราสร้างหิมะของเราขึ้นมาเอง จากนั้นก็มีหิมะจริงตกลงมา จากนั้นหิมะจริงก็เริ่มละลาย เราก็เลยต้องสร้างหิมะเพิ่มขึ้นเพื่อให้เข้ากับหิมะจริง โชคดีที่เรามีทีมเอฟเฟ็กต์ที่เก่งมากค่ะ”
หลังจากเข้าไปอยู่ในกระท่อมแล้ว แบร็ด ตัวละครของวิลล์ เฟอร์เรลล์พยายามโชว์ความแมนด้วยการออกไปตัดต้นคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาหาได้ แต่เขากลับไปโค่นเอาเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่ถูกต้นไม้ปิดบังเอาไว้หมด นี่เป็นหนึ่งในฉากโปรดที่ฮาร์ทลี่ย์และคัทเลอร์ชอบที่สุดตอนออกแบบ
“ต้นคริสต์มาสเสาสัญญาณ คือหนึ่งในงานตกแต่งที่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คาดไว้ครับ แต่ก็สนุกมากเลย” ฮาร์ทลี่ย์บอก
“ต้นคริสต์มาสกลายเป็นภารกิจใหญ่ทีเดียว” คัทเลอร์เล่า “มันสูงถึง 25 ฟุต และกิ่งก้านสาขาของมันก็ทำจากโลหะที่ถูกเอามาเชื่อมติดกัน เราต้องติดเปลือกไม้ไว้ด้านนอก และใช้ใบไม้มาตกแต่ง ต้องใช้ช่างตกแต่งฉากถึงสองคน ใช้เวลานานสามอาทิตย์เพื่อทำงานนี้ให้เสร็จ ตอนที่เรายกมันขึ้นไปเพื่อใช้เป็นต้นคริสต์มาส ต้องใช้คนเยอะมากเพื่อยกมัน เพราะมันแทบจะทำจากเหล็กทั้งหมด และมันก็หนักมากค่ะ”
ฉากใหญ่อีกฉากหนึ่งต้องใช้โรงภาพยนตร์ที่มีพายุหิมะถล่มใส่ฉากด้านนอก ทางทีมผู้สร้างพบโรงหนังท้องถิ่นที่ปิดไปแล้ว และยินยอมให้พวกเขาทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เหมาะกับฉากในบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ด้านนอก ทีมงานได้ก่อสร้างฉากพายุหิมะขึ้นมา
ฮาร์ทลี่ย์เล่าว่า “นี่เป็นการทำงานนานหนึ่งเดือน เราต้องสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่จากตู้คอนเทนเนอร์ และติดผ้าสีเทาเอาไว้ด้านหน้า เพื่อสร้างฉากหลังที่เป็นพายุ เราเพิ่มภาพรถเข้าไป และแสงไฟลานจอดรถเพื่อเพิ่มความสมจริงเข้าไปอีกระดับหนึ่ง จากนั้นเราก็เพิ่มหิมะเข้าไป เจเรมี่ เฮย์ส ผู้ประสานงานด้านสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ของเรา ทำทุกอย่างออกมาลงตัวมาก การจัดแสงก็เหมาะ เอฟเฟ็กต์ลมก็เยี่ยม พายุหิมะของเขาดูน่าทึ่งมาก ผมยังรู้สึกหนาวเลยตอนเห็นมัน”
ฮาร์ทลี่ย์และคัทเลอร์ยังรับผิดชอบการเข้ายึดคอนคอร์ด ถนนสายหลักของแมสซาชูเซ็ตส์ และเตรียมมันให้พร้อมสำหรับเทศกาลคริสต์มาส...ในเดือนมีนาคม
“มันสนุกมาก เพราะคนที่คอนคอร์ดดีกับพวกเรามากเลยครับ” ฮาร์ทลี่ย์บอก “การตกแต่งถนนสายหลักของเมืองเล็กๆ ต้องใช้เวลานานมาก ต้องใช้ทั้งความอดทน และของประดับเทศกาลคริสต์มาสเยอะมากครับ”
จังหวะเวลาในการถ่ายทำเป็นประโยชน์ต่อการค้นหาของคัทเลอร์อย่างมาก “เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิทั้งเรื่อง ฉันต้องไปซื้อของอาทิตย์หลังจากปีใหม่ และได้ลดราคาสินค้าที่ใช้ตกแต่งช่วงคริสต์มาสทั้งหมด มีแค่ฉัน กับรถคันหนึ่ง และคนตกแต่งฉากก็ตามฉันไปทั่ว เพื่อซื้อต้นไม้ปลอมและของตกแต่งคริสต์มาส ฉันมีรถที่เต็มไปด้วยของในเทศกาลคริสต์มาสตามไปทั่วอยู่ตลอดเวลา”
ฉากแสดงวันประสูติของพระเยซูเป็นหนึ่งในฉากที่ต้องใช้ลูกเล่นเยอะมากในการถ่ายทำ ฮาร์ทลี่ย์อธิบายว่า “มันเป็นฉากใหญ่ที่นักแสดงทั้งหมดต้องเข้าฉากด้วย ผมจึงอยากแน่ใจว่าฌอนมีพื้นที่อย่างที่เขาต้องการ ในการเตรียมงาน เราดึงคนจากสำนักงานให้มายืนเป็นตัวสแตนด์อินให้กับนักแสดง และให้ฌอนมาวางงานของเขาและช่วยกำหนดขนาดของงานครับ”
คัทเลอร์เล่าเสริมว่า “เราสร้างสองฉากสำหรับฉากวันประสูติ หนึ่งฉากอยู่ด้านใน อีกหนึ่งฉากอยู่บนถนนในคอนคอร์ด เราทำแบบนี้เพื่อจะจัดแสงในตอนกลางคืน และไม่ทำให้เด็กๆ ต้องอยู่ทำงานจนดึกเกินไปครับ ฉากด้านนอกจะมีไว้สำหรับผู้ใหญ่ ถ่ายภาพโคลสอัพ และฉากต่อสู้กันด้วยหิมะ”
แอนเดอร์สยกความดีความชอบในการสร้างฉากวันประสูติให้กับ แครอล แรมซี่ย์ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย รวมไปถึงฉากขว้างปาหิมะใส่กันด้วย “แครอลสร้างงานได้สุดยอดมากกับเสื้อผ้าพวกนั้นครับ ก่อนหน้าที่เราจะเริ่มต้นถ่ายทำฉากนั้นกัน ผมยังหัวเราะที่เห็นภาพพวกนักแสดงแต่งตัวเหมือนแมรี่, โจเซฟ และพวกนักปราชญ์ มันมีบางอย่างที่ชวนขำเกี่ยวกับการโต้เถียงกันท่ามกลางฉากการแสดงวันประสูติของพระเยซูที่มีชีวิตชีวาแบบนี้ครับ”
« Last Edit: November 19, 2017, 07:08:53 PM by happy »
Logged