Movie Guide: ตากล้องไทย อาจไปไกลถึงออสการ์ สอง-สยมภู มุกดีพร้อม ผู้บันทึกภาพความรัก…ในหนังรักที่งดงามที่สุดของปีนี้ Call Me by Your Name
"ความมีชีวิตชีวาที่ดูรางเลือนในหนังนั้นให้ความรู้สึกเหมือนดูโปสการ์ดใบเก่า และชวนให้คิดถึงความทรงจำอันล้ำค่า" นักวิจารณ์จากนิตยสาร วานิตี้แฟร์ กล่าวถึงงานถ่ายภาพในหนังเรื่อง Call Me by Your Name ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังกล้อง หามุม วัดค่าแสง คือ ผู้กำกับภาพชาวไทย "คุณสอง-สยมภู มุกดีพร้อม"
ก่อนจะได้มาเป็น ผู้กำกับภาพ (หรือตำแหน่ง Director of Photography) ให้กับหนังรักที่ดังที่สุดในรอบปี 2017 สยมภู เคยผ่านการร่วมงานกับผู้กำกับหนังชื่อดังชาวไทยมาแล้วมากมาย อาทิ คงเดช จาตุรันต์รัศมี (สยิว, เฉิ่ม) ก้องเกียรติ โขมศิริ (ไชยา) และคนที่ทำให้เขาได้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ คือ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล (สุดเสน่หา, แสงศตวรรษ, ลุงบุญมีระลึกชาติ)
ลูกา กัวดาญิโน ผู้กำกับชาวอิตาเลียน เล่าว่า "สยมภูมาถ่ายหนังอิตาเลียนเรื่องหนึ่งที่ผมเป็นโปรดิวเซอร์ ผมชอบงานของเขา จึงชวนมาทำ Call Me by Your Name ด้วยกัน" กัวดาญิโนเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับฉากหลังและภูมิทัศน์ของหนังมากๆ "มนุษย์เราเป็นอย่างที่เราเป็นได้ ก็เพราะสถานที่ที่เราอาศัยอยู่" ดังนั้นก่อนจะร่วมงานกันอย่างเป็นทางการ กัวดาญิโนจึงชวนสยมภูมาทางตอนเหนือของอิตาลี เพื่อมาดูโลเกชั่นหลักที่เขาตั้งใจจะใช้เป็นฉากหลังของหนัง Call Me by Your Name "เราคุยกันถูกคอมาก เพราะเรามีวิธีการทำงานที่คล้ายๆกัน" ผู้กำกับเล่า "ผมชอบที่เขาเป็นผู้กำกับภาพที่มีความรู้สึกอ่อนไหว ผมสังเกตเห็นว่าเขาแอบร้องไห้ในบางฉากที่เราถ่ายทำ อารมณ์ของเขาจึงอยู่ในสิ่งที่เขาถ่ายด้วย"
สยมภูเล่าว่า "ผมมาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตรงแถบเส้นศูนย์สูตรเลย เพราะฉะนั้นอากาศโดยเฉลี่ยจะเท่าๆ กันเกือบทั้งปี มันเป็นภูมิภาคที่ยากต่อการถ่ายแสงกลางคืนและแสงแดดเช้าให้ออกมาสวยงาม แต่ในอิตาลีคุณภาพแสงดีกว่าจนน่าตกใจ อากาศที่นั่นแห้งกว่า สีและความคอนทราสต์จึงทำงานได้ดีกว่า และการเปลี่ยนแปลงของอากาศและอุณหภูมินั้นก็สวยงามเหมือนบทกวี ผมตกหลุมรักเลย"
ข้อจำกัดหนึ่งที่ลูกา กัวดาญิโน บอกกับสยมภูก็คือ เขาอยากถ่ายหนังเรื่องนี้โดยใช้เลนส์แค่ตัวเดียว (คือ 35มม.) และถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม (ในยุคที่ทุกคนถ่ายด้วยกล้องดิจิตัล ซึ่งง่ายกว่าและประหยัดกว่า) "ผมต้องการสัมผัสแบบสายตามนุษย์จริงๆ ต้องการให้ภาพมันดูง่าย และตรงไปตรงมาที่สุด"
แต่ความยากลำบากในการถ่ายทำ ไม่ได้มีอยู่เพียงเท่านั้น เพราะสภาพอากาศก็แปรปรวน จนทำให้มีฝนตกอยู่เกือบตลอดเวลา "เราต้องรอว่าเมื่อไหร่ฝนจะหยุด หรือแสงจะมา สยมภูจะได้ถ่ายได้ทันที" กัวดาญิโนเล่า
ทั้งนี้ การถ่ายทำพร้อมกับสายฝนไม่ได้เป็นอุปสรรคกับสยมภูมากนัก "ผมมาจากเมืองไทย ผมต้องเจอฝนระหว่างถ่ายทำบ่อยมาก ผมค่อนข้างชินว่า ถ้าเราจะจัดไฟเพื่อหลอกว่าเป็นแสงอาทิตย์ เราควรจะใช้ไฟแบบไหน แต่ถึงอย่างนั้น เวลาฝนตกลงมา ผมก็อดบ่นไม่ได้ว่า โธ่ อุตส่าห์มาไกลถึงอิตาลี ยังจะต้องเจอฝนอีกเหรอนี่"
สยมภูยังเล่าอีกว่า "ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมถ่ายมานั้น สีไหนปรับได้ในขั้นตอนโพสต์โปรดักชั่น แต่ส่วนตัวผมเองไม่ชอบความคิดแบบ 'ค่อยไปแก้ตอนโพสต์ก็ได้'ผมอยากให้มันเสร็จเรียบร้อยจากการถ่ายทำมากกว่า"
งานภาพของ สยมภู มุกดีพร้อม ใน Call Me by Your Name ออกมาสวยอย่างเป็นธรรมชาติ และกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่นักวิจารณ์จะยกขึ้นมาชื่นชม (ไม่มีใครมองออกเลยว่า หนังถ่ายทำในช่วงที่ฝนตกหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ในอิตาลี) และได้รับการคาดหมายว่างานกำกับภาพในหนังเรื่องนี้ จะต้องได้เข้าชิงรางวัลใหญ่ๆ ในทุกเวทีรางวัลที่กำลังจะมาถึง
Call Me by Your Name เล่าเรื่องความรักครั้งแรกของ เอลิโอ เด็กหนุ่มวัย 17 ที่มีต่อ โอลิเวอร์ นักศึกษาหนุ่มชาวอเมริกัน ท่ามกลางฉากหลังคือเมืองเครมา ชนบทเล็กๆทางตอนเหนือของอิตาลี หนังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา
ล่าสุด สยมภู มุกดีพร้อม ได้เข้าชิงรางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยม เวทีอินดิเพนเดนท์ สปิริต อวอร์ดส์ จาก Call Me by Your Name อันถือเป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดสำหรับหนังอิสระ หวังว่าคนไทยช่วยกันร่วมเชียร์และเป็นกำลังใจให้สยมภูได้เข้าชิงในทุกเวทีต่อจากนี้
แต่ก่อนอื่น ถ้าอยากมาสัมผัสภาพที่งดงามเหมือนบทกวีที่เคลื่อนไหวได้ มาชม Call Me by Your Name ด้วยสายตาคุณเองบนจอภาพยนตร์ ตั้งแต่ 14 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป เฉพาะที่โรงภาพยนตร์เฮ้าส์ อาร์ซีเอแห่งเดียวเท่านั้น