MSN on September 22, 2017, 07:44:06 AM
PwC ชี้ตลาด ‘อาเซียน’ มีโอกาสทางธุรกิจสูง แนะแนวทางปฏิรูปองค์กรสู่ดิจิทัล รูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ผสมผสานระหว่างมุมมองทางธุรกิจ ประสบการณ์ผู้ใช้ และเทคโนโลยี จะช่วยในการปฏิรูปองค์กรไปสู่ความสำเร็จ

สิงคโปร์/กรุงเทพฯ, 22 กันยายน 2560 – PwC มองธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนต้องการปฏิรูปการทำธุรกิจ (Business transformation) เพิ่มขึ้น โดยเร่งหาแนวทางในการขับเคลื่อนการเติบโตและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต เพื่อรับมือกับความท้าทายและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี


นาย ซันดารา ราจ รามาเมอตีย์ ประธานกรรมการบริหาร และหัวหน้าสายงานธุรกิจที่ปรึกษาคนใหม่ของ บริษัท PwC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจในอาเซียนยังมีแนวโน้มสดใส แม้ว่าในแต่ละประเทศสมาชิกจะมีความผันผวนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ เพราะธุรกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่มีจุดแข็งและความได้เปรียบในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในยุคโลกาภิวัฒน์

ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อาเซียนได้ฉลองโอกาสครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน โดยถือเป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของโลกด้วยมูลค่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีประชากรรวมกันถึง 620 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อ และมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ราว 4.8% ในปีที่ผ่านมา

อนึ่ง นาย ราจ มีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษากับลูกค้าชั้นนำมายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการวางกลยุทธ์ การเปลี่ยนถ่ายธุรกิจ การจัดการความเสี่ยง และ การบริหารบุคลากรกับการเปลี่ยนแปลง เป็นต้น โดยปัจจุบัน นาย ราจ ประจำการอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย

นาย ราจ กล่าวต่อว่า กระแสการเกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่เว้นแต่ละวัน กำลังส่งผลกระทบในวงกว้างต่ออาเซียน ไม่แพ้ภูมิภาคอื่นๆ ในโลก

“นอกเหนือจากการเข้ามาของดิจิทัลที่กระทบการดำเนินธุรกิจแล้ว การเข้ามาของปัจจัยอื่นๆ เช่น การกลายเป็นเมืองที่เพิ่มขึ้น และการก้าวไปสู่การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ สมาร์ต ซิตี้ (Smart City) ในภูมิภาค ยังส่งผลให้ความคาดหวังด้านบริการของผู้บริโภคต่อหลายๆ อุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็น บริการด้านสุขภาพและสาธารณสุข การศึกษา การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

“ถึงแม้ปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นจะมีความท้าทายอยู่มาก แต่ก็แฝงไปด้วยโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทในภูมิภาคนี้ เราพบว่า แม้ว่าลูกค้าในอาเซียนจะมีความแตกต่างหลากหลายกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ พวกเขามองหาวิธีการในการขับเคลื่อนการเติบโตให้เร็วขึ้น และเพิ่มความสามารถในการผลิตให้มากขึ้น”

ด้วยเหตุนี้ PwC จึงได้ให้บริการธุรกิจที่ปรึกษาตั้งแต่กลยุทธ์สู่การปฏิบัติให้แก่ลูกค้า โดยประยุกต์ 3 มุมมองสำคัญที่เป็นความท้าทายอย่างยิ่งของธุรกิจในปัจจุบัน คือ รูปแบบการดำเนินธุรกิจ ประสบการณ์ และเทคโนโลยี (Business, Experience and Technology methodology: BXT) เพราะการเปลี่ยนโฉมการทำธุรกิจนั้นต้องอาศัยความเฉียบแหลมของกลยุทธ์ ประกอบกับ ความเชี่ยวชาญในการสร้างประสบการณ์การใช้งานเฉพาะด้าน และข้อมูลเชิงลึกในการผสมผสานเทคโนโลยีเกิดใหม่เข้ากับกิจการ ซึ่งเราเรียกสั้นๆ ว่า กระบวนการ บีเอ็กซ์ที (BXT method)

“การนำความรู้ความสามารถของ PwC ทั้งด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจและบริการที่ปรึกษาเชิงปฏิบัติการมาผสมผสานเข้ากับการออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้ ประกอบกับความชำนาญในเทคโนโลยีปัจจุบันและเกิดใหม่จะทำให้เราสามารถกำจัดอุปสรรคภายในองค์กรและสร้างสรรค์แนวคิดในการออกแบบ ซึ่งนั่นจะนำไปสู่ทางออกของการแก้ปัญหาท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ให้แก่ลูกค้าในอาเซียนของเราได้” นาย ราจ กล่าว


นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า

“ปัจจุบันลูกค้าของเราส่วนใหญ่ทั้งในภูมิภาคอาเซียนและไทยต่างพยายามปฏิรูปธุรกิจของตนผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ การลงทุนในนวัตกรรม และ การเป็นพันธมิตรกับสตาร์ทอัพ เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้ต่างไปจากเดิม แต่ปัญหาที่สำคัญคือ บริษัทเหล่านี้ยังคงล้มเหลวในการปฏิรูปธุรกิจ เพราะยังคงใช้วิธีการเดิมๆ ที่มองแค่มิติเดียว ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ตรงตามความต้องการ

“ด้วยเหตุนี้ การนำวิธีการในการเชื่อมโยงรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ประสบการณ์ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันมาประยุกต์ใช้กับองค์กร ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการเปลี่ยนถ่ายธุรกิจสู่ดิจิทัล จะทำให้ผู้บริหารสามารถได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น”
นอกจากนี้ วิธีการดังกล่าว ยังช่วยให้ PwC สามารถนำบุคลากรมากความสามารถที่มีอยู่ทั่วทั้งเครือข่ายมาให้บริการลูกค้าได้อีกด้วย นางสาว วิไลพร กล่าว

“โครงสร้างทางธุรกิจของงานด้านที่ปรึกษาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะช่วยให้เราสามารถนำทาเลนต์ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาคมาให้บริการลูกค้าที่มีกิจการในประเทศไทยได้ เพราะเรามีความได้เปรียบทั้งในเรื่องของความรู้และความชำนาญในตลาดท้องถิ่นที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ในขณะเดียวกันที่ก็มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกที่พร้อมจะให้คำปรึกษาและบริการระดับคุณภาพร่วมไปกับเรา”

นางสาว วิไลพร กล่าวสรุปว่า การที่รัฐบาลผลักดันนโยบาย ‘ไทยแลนด์ 4.0’ จะยิ่งทำให้ความต้องการที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านปัญญาประดิษฐ์ และ ระบบจัดการกระบวนการแบบอัตโนมัติ หรือ Robotic Process

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ นาย ซันดารา ราจ รามาเมอตีย์:

LinkedIn

ประวัติส่วนตัว: https://www.pwc.com/my/en/contacts/s/sundara-raj.html

เกี่ยวกับ PwC


ที่ PwC เป้าประสงค์ของเรา คือ การสร้างความไว้วางใจในสังคมและช่วยแก้ปัญหาสำคัญให้กับลูกค้า  เราเป็นหนึ่งในบริษัทเครือข่าย 157 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า 223,000 คนที่ยึดมั่นในการส่งมอบบริการคุณภาพด้านการตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษาทางธุรกิจ กฎหมายและภาษี  สำหรับประเทศไทย บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2502 โดยมีบทบาทในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจไทยมานานกว่า 58 ปี PwC ผสมผสานประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในการทำงานกับลูกค้าข้ามชาติ ผนวกกับความเข้าใจตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ชื่อเสียงของ PwC เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจต่างๆ โดยปัจจุบัน มีบุคลากรกว่า 1,900 คนในประเทศไทย

PwC refers to the PwC network and/or one or more of its member firms, each of which is a separate legal entity. Please see www.pwc.com/structure for further details.

© 2017 PwC. All rights reserved
« Last Edit: September 22, 2017, 11:47:33 AM by MSN »