MSN on September 15, 2017, 08:00:04 AM


กลุ่มเซ็นทรัลประกาศร่วมทุนกับ บ.ยักษ์ใหญ่ JD.com และ JD Finance มุ่งสู่ความเป็นผู้นำตลาดออนไลน์ของประเทศไทย ความร่วมมือระหว่างยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกไทย กับผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซ และฟินเทคจากจีน สู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในวงการค้าปลีก และไฟแนนซ์ประเทศไทย



กรุงเทพฯ และปักกิ่ง 15 ก.ย. 60  ; กลุ่มเซ็นทรัล ผู้นำธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทย ร่วมกับ JD.com (NASDAQ:JD) บริษัทอีคอมเมิร์ซสัญชาติจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และ JD Finance ผู้นำด้านฟินเทคของประเทศจีน  ได้ประกาศความร่วมมือด้านการลงทุนมูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเปิดตัว 2 ธุรกิจร่วมในประเทศไทยในด้านอีคอมเมิร์ซ และฟินเทค

ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ เงินทุนครึ่งหนึ่งจะมาจากกลุ่มเซ็นทรัล และส่วนที่เหลือจะมาจาก JD.com และ JD Finance รวมถึง Provident Capital (โพรวิเดนท์ แคปปิตอล) ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านกลยุทธ์ของ JD.com ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินโดนีเซีย
ในการเปิดตัวธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซ และฟินเทคในครั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัลจะนำความแข็งแกร่งในด้านธุรกิจค้าปลีก ที่มีเครือข่ายร้านค้า (physical stores network) ที่สมบูรณ์ที่สุด พร้อมรองรับการให้บริการแบบออมนิแชแนล (Omnichannel) และการชำระเงินที่สะดวกขึ้นด้วยทางเลือกที่หลากหลาย รวมถึงใช้แบรนด์และความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า และความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับวงการค้าปลีกจากฐานลูกค้า The 1 card มาพลิกโฉมธุรกิจอีคอมเมิร์ซของไทย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า รวมไปถึงพัฒนาการเติบโตของกลุ่มเซ็นทรัลในด้านออมนิแชแนลผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหม่นี้

ด้าน JD.com จะนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ และด้านโลจิสติกส์ มาเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในครั้งนี้ ส่วนความร่วมมือด้านบริการฟินเทคนั้นจะต่อยอดจากความรู้เชิงลึกด้านเทคโนโลยีทางการเงินของ JD Finance รวมไปถึงประสบการณ์การพัฒนาบริการฟินเทคที่ง่ายต่อการใช้งานในตลาดใหม่ (Developing Markets), การใช้ AI (Artificial Intelligence), เทคโนโลยีคลาวด์ และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ทันสมัย


ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เผยว่า “JD ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และศักยภาพของบริษัทในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในประเทศจีน จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะเลือก JD มาเป็นพันธมิตรด้านอีคอมเมิร์ซกับกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อต่อยอดให้ตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเติบโตยิ่งๆขึ้นไป เนื่องจากปัจจุบันจำนวนคนไทยที่ใช้สมาร์ทโฟนมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้การใช้จ่ายสูงขึ้น และตลาดอีคอมเมิร์ซก็มีโอกาสในการเติบโตอย่างรวดเร็วมากขึ้นด้วย ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และอำนวยความสะดวกในการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้คนไทยหันมาช้อปออนไลน์กันมากขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของกลุ่มเซ็นทรัลในการขึ้นมาเป็นผู้นำด้านการค้าปลีกออนไลน์ของประเทศไทยอย่างแท้จริง”


ด้าน ริชาร์ด หลิว ประธานและซีอีโอของ JD.com กล่าวว่า “ประเทศไทยมีประชากรจำนวนมาก ประกอบกับมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย และเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาบริการด้านอีคอมเมิร์ซ และฟินเทคเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้การได้ร่วมงานกับกลุ่มเซ็นทรัล ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทยที่มีห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าทั่วประเทศ ก็ช่วยเสริมศักยภาพและเป็นประโยชน์ต่อการขยายธุรกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย”

เกี่ยวกับ JD.com, Inc.
JD.com เป็นบริษัทด้านอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนและเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในเชิงของรายได้อีกด้วย บริษัทต้องการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค มีการออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย และมีแอพพลิเคชั่นสำหรับตลาดประเทศจีนโดยเฉพาะ รวมทั้งยังรองรับการซื้อผ่าน WeChat และ Mobile QQ อีกด้วย JD มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่แตกต่าง และทำให้บริษัทมีโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดในแวดวงอีคอมเมิร์ซประเทศจีน ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 JD.com มีสำนักงาน 7 แห่ง และโกดังสินค้า 335 แห่งใน 2,691 เขตและเมืองทั่วประเทศจีน ดูแลโดยพนักงานของบริษัทเองทั้งหมด   JD.com เป็นสมาชิก NASDAQ100 และเป็นบริษัทที่มีชื่ออยู่ใน Fortune Global 500 

เกี่ยวกับ JD Finance
JD Finance ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2013 และเป็นบริษัทฟินเทคชั้นนำของประเทศจีน ในปัจจุบัน JD Finance มีธุรกิจหลัก 10 ประเภท ได้แก่ ไฟแนนซ์เพื่อซัพพลายเชน, ไฟแนนซ์เพื่อผู้บริโภค, คราวด์ฟันดิ้ง, การบริหารความมั่งคั่ง, การจ่ายเงิน, ประกันภัย, ไฟแนนซ์เพื่อชนบท, เทคโนโลยีด้านไฟแนนซ์ และธุรกิจนานาชาติ ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 JD Finance มีลูกค้าองค์กรมากกว่า 5 แสนราย และลูกค้าบุคคลกว่า 150 ล้านราย JD Finance ใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อให้บริการที่ครบครัน และตอบโจทย์ความต้องการของสถาบันการเงินหลากหลายแห่ง พร้อมช่วยเพิ่มรายได้ให้กับอุตสาหกรรม ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ในเดือนมิถุนายน 2017 JD Finance แยกตัวจาก  JD.com และดำเนินธุรกิจอย่างอิสระตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เกี่ยวกับบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด
บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด (เซ็นทรัล กรุ๊ป) ผู้นำธุรกิจชั้นนำของเมืองไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความชำนาญในกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย  แบ่งเป็น 9 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค, กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง สินค้าตกแต่งบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้า, กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มธุรกิจอุปกรณ์เครื่องเขียน หนังสือ และออนไลน์, กลุ่มธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต, กลุ่มธุรกิจบริหารและการตลาดสินค้าแฟชั่น, กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร และกลุ่มธุรกิจในประเทศเวียดนาม   นอกจากนี้กลุ่มเซ็นทรัลยังมีห้างสรรพสินค้าหรูในกลุ่ม “ลักชัวรี คอลเลคชั่น (Luxury Collection)” อีกหลายหลายแห่งทั้งในประเทศไทย และทวีปยุโรป อันเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของกลุ่มเซ็นทรัล และของคนไทยทุกคน

กลุ่มเซ็นทรัล มุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ด้วยการขยายธุรกิจทั้งในระดับภูมิภาคและต่างประเทศ จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้วยมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับผู้บริโภคชาวไทยและนักท่องเที่ยว รวมไปถึงนักธุรกิจแวดวงค้าปลีกในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 70 ปี ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลขยายธุรกิจไปทั่วโลกมากกว่า 3,075 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยบุคลากรกว่า 80,000 คน ที่มีหัวใจแห่งการบริการอย่างแท้จริง
« Last Edit: September 15, 2017, 09:12:40 AM by MSN »

MSN on September 15, 2017, 09:09:41 AM


Central Group teams up with JD.com and JD Finance to accelerate Thailand online market leadership

Partnership between Thai retail giant and leading Chinese e-commerce and fintech companies to reshape Thailand online retailing and finance landscapes






Bangkok and Beijing, September 15, 2017 – Central Group, Thailand leading retail group, JD.com, (NASDAQ:JD), China's largest retailer and leading Chinese fintech company JD Finance, today announced an aggregate investment of up to $500 million to establish two joint ventures in Thailand covering e-commerce and fintech services, respectively.

Under the terms of the agreement, half of the investment will come from Central Group, with the remainder coming from JD.com, JD Finance and Provident Capital, which is also JD.com’s strategic partner for its Indonesian e-commerce business.

Across both the ecommerce and the fintech business, Central Group will leverage its extensive retail resources, including its physical store network, which will serve as key omni-channel and payment locations, its brand and merchant relationships, as well as its retail behavior insights from its popular customer loyalty program, “The 1 Card” . To strengthen the product offering, and to accelerate its own omni-channel business growth, Central Group will open multiple flagships stores of its omnichannel businesses on the new joint e-commerce platform.
On the other side, JD.com will provide its extensive expertise in technology, e-commerce and logistics to the e-commerce joint venture. Meanwhile, the fintech services joint venture will benefit from JD Finance’s deep knowledge in the financial technology sector, including its experience building out easy-to-use fintech services in developing markets using its artificial intelligence, cloud computing and other industry-leading technology capabilities.

“JD’s proven track record of successfully building out national online retail businesses made it the obvious choice for our e-commerce partner,” said Tos Chirathivat, Chief Executive Officer of Central Group. “Thailand’s mobile-driven population, with its increasing consumer spending power, makes e-commerce is ready to explode, and this partnership is poised to better serve the country’s consumers as they migrate online. This move marks a key step in Central Group’s journey to become Thailand’s online retail leader.”

“Thailand’s large population and developed infrastructure, including strong national logistics networks, give it tremendous potential for both e-commerce and fintech services,” said Richard Liu, JD.com’s Chairman and CEO. “Working with Central Group, Thailand’s strongest retail group, with a massive shopping mall and department store network, gives us a huge competitive advantage as we expand further into Southeast Asia.”

About JD.com, Inc.
JD.com is both the largest e-commerce company in China, and the largest Chinese retailer, by revenue. The company strives to offer consumers the best online shopping experience. Through its user-friendly website, native mobile apps, and WeChat and Mobile QQ entry points, JD offers consumers a superior shopping experience. The company has the largest fulfillment infrastructure of any e-commerce company in China. As of June 30, 2017, JD.com operated 7 fulfillment centers and 335 warehouses covering 2,691 counties and districts across China, staffed by its own employees. JD.com is a member of the NASDAQ100 and a Fortune Global 500 company.

About JD Finance
Established in late 2013, JD Finance is one of China’s leading fintech companies. The company has 10 major business lines: supply chain finance, consumer finance, crowdfunding, wealth management, payments, insurance, securities, rural finance, financial technology and an international business line. As of June 30, 2017, JD Finance has served more than 500,000 corporate [clients] and 150 million individual consumers. JD Finance leverages its big data and industry-leading technology to provide comprehensive and modularized services to various financial institutions and help the industry to increase revenues, improve efficiency, and reduce costs. In June 2017, JD Finance spun off from JD.com to become an independent entity.

About Central Group
Central Group Co., Ltd., a leading business in Thailand and Southeast Asia with expertise in many sectors, is divided into 9 business groups: department stores, consumer goods, construction materials, home decoration, electrical appliances, shopping malls and real estate, stationery, books, online, hotels and resorts, management and marketing of fashion products, restaurants, and businesses in Vietnam. The company also proudly owns “Luxury Collection”, a group of prestigious department stores in Thailand and Europe.

Central Group is in a state of constant development, expanding its businesses in both the region and overseas, where it is recognized at an international level with high trustworthiness and brand credibility. It has become renowned among both Thais and foreign tourists, as well as business people in the retail sector in many regions around the world for more than 70 years. Central Group has now expanded its business worldwide to more than 3,075 locations both in Thailand and abroad with over 80,000 staff who have a true service mind.
« Last Edit: September 15, 2017, 09:13:30 AM by MSN »