pooklook on December 30, 2009, 04:34:05 PM
เป็นอีกหนึ่งปี ที่ถือว่ามีสีสันไม่น้อยสำหรับ "หนังไทย" ที่เข้าฉายให้ต้องเสียเงินตีตั๋วเข้าชมตามโรงตลอดปี พ.ศ.2552 ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนกว่า 50 เรื่องปะปนคละเคล้ากันไป ทั้งแนวผี ตลก ชีวิต โรแมนติก แอ็คชั่น และได้รับเสียงตอบรับที่แตกต่างกันออกไป
     
      *ทั้งนี้ค่ายหนังที่มีปริมาณหนังไทยมากที่สุดก็คือค่ายสหมงคลฟิล์ม จำนวนทั้งสิ้น 16 เรื่อง ประกอบไปด้วย ความสุขของกะทิ, A Moment in June: ณ ขณะรัก, หลวงพี่กับผีขนุน, 5 หัวใจฮีโร่ (Power Kids), บุปผาราตรี 3.1, สาระแนห้าวเป้ง!!, อนุบาลเด็กโข่ง, ผีตุ๋มติ๋ม, วงษ์คำเหลา, 6:66 ตายไม่ได้ตาย, จีจ้า ดื้อ สวย ดุ, บุปผาราตรี 3.2, ฝันโคตรโคตร, มหา'ลัยสยองขวัญ, สวย...ซามูไร และ แหยม ยโสธร 2


      *อันดับ 2 เป็นค่าย พระนครฟิล์ม มีจำนวนทั้งสิ้น 5 เรื่อง คือ ท้า/ชน, เชือดก่อนชิม (Meat Grinder), แต๋วเตะตีนระเบิด (Sassy Players), อีส้มสมหวัง ชะชะช่า (Love Melody), หอแต๋วแตก แหกกระเจิง (Oh My Ghost!)
     
      *ค่าย Five Star และ GTH มี 4 เรื่องเท่ากัน ของ Five Star ประกอบไปด้วย ก่อนรัก...หมุนรอบตัวเรา (Before Valentine) อนึ่ง คิดถึงเป็นอย่างยิ่ง, นางไม้ (Nymph), เฉือน (Slice) ส่วนของ GTH มี ความจำสั้น แต่รักฉันยาว (Best in Time), หนีตามกาลิเลโอ (Dear Galileo) ห้าแพร่ง และ รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ (Bangkok Traffic Love Story)
     
      *RS Film มี 3 เรื่อง โหดหน้าเหี่ยว 966 ม. 3 ปี 4 เรารักนาย และ แฟนเก่า ค่าย Pacific Island Film มี 2 เรื่อง สามชุก: ขอเพียงโอกาส อีกสักครั้ง (Once in a Chance) และ โยมผีพ่อ Pacific Island Film เช่นเดียวกับ กลองชัยภาพยนตร์ ที่มีหนังออกมา 2 เรื่อง คือ เดอะ สเก๊าท์:บิดพิภพทะลุโลก (The Scout) และ บังเอิญ...รักไม่สิ้นสุด
     
      *ส่วนค่ายหนังที่มีภาพยนตร์ไทยออกมาเพียงเรื่องเดียวประกอบไปด้วย ค่ายกันตนา (ก้านกล้วย 2) ค่าย Right Beyond Films (The Fatality ตอกตราผี) ค่าย RMD (ฟ้าใส ใจชื่นบาน) ค่าย Mono Film (เดอะกิ๊ก 3) ค่าย Box Office (อะดรีนาลีน คนเดือดสาด) ค่าย แอ็คชั่น ฟิล์ม (กระสือฟัดปอบ)
     
      *ค่าย 20th June Entertainment (2022 สึนามิ วันโลกสังหาร) ค่าย Motif Plus (Roommate เพื่อนร่วมห้อง...ต้องแอบรัก?) ค่าย Film Frame Productions (สามพันโบก) ค่าย Shine Entertainment (เซ็งเป็ด) ค่าย The Action (จ๊ะเอ๋..โกยแล้วจ้า) ค่าย MegaBox (ปายอินเลิฟ) ค่าย M Pictures (October Sonata รักที่รอคอย) และ ค่าย M-Thirtynine กับหนังเรื่อง 32 ธันวา

      (*เรียบเรียงจากข้อมูลโปรแกรมฉายภาพยนตร์ในประเทศไทยปี 2009 www.pantip.com)

     
       สำหรับภาพยนตร์ไทยที่ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สุดแห่งปี 2552 Super บันเทิง ออนไลน์ ขอยกให้กับภาพยนตร์จากค่าย จีทีเอช อย่าง "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" ฝีมือการกำกับของ อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม นำแสดงโดย เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ,คริส (ศิริน หอวัง) และ แพท อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา
     
       แม้จะถูกนักวิจารณ์ส่วนใหญ่มองว่าตัวหนังแทบจะ "ไม่มีอะไร" ที่เป็น "จุดเด่น" ให้พูดถึง แต่การทำงานที่มีการวางแผนเป็นอย่างดีในเรื่องของการตลาด ก็ทำให้ภาพยนตร์กวาดรายได้กว่า 145 ล้านบาท ที่สำคัญคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นักที่จะมีภาพยนตร์เรื่องใดที่สามารถทำให้คนดูดูแล้วมีอาการ "อิน" ไปกับตัวหนัง และถูกพูดถึงทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างที่เกิดขึ้นแล้วกับหนังรถไฟฟ้ามาหานะเธอ เรื่องนี้
     
       มากันที่หนังที่ "ผิดคาด" หรือจะเรียกว่า "ล้มเหลว" ที่สุดชนิดที่บรรดาผู้ผลิตเองยังรู้สึกงงๆ อยู่ คงจะหนีไม่พ้นหนังไทยจากการกำกับของ "ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล" ที่ชื่อ "จีจ้า ดื้อ สวย ดุ" ด้วยรายได้ประมาณ 20 ล้านบาทซึ่งไกลจากที่ทางผู้ผลิตอย่างสหมงคลฟิล์มตั้งเอาไว้เป็นอย่างมาก
     
       โดยเฉพาะกับความคาดหวังในตัวของนักแสดงนำ "จีจ้า ญานิน" เจ้าของสโลแกนเล่นจริงเจ็บจริง ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากภาพยนตร์เรื่อง "ช็อคโกแลต"

      “ตอนถ่ายเราก็จะประเมินขั้นต่ำและขั้นสูงไว้ แต่เรื่องนี้มันต่ำกว่า ขั่นต่ำที่เราประเมินไว้เยอะ ก็มันต้องมานั่งทบทวนกันว่า มันเกิดจากอะไรบ้าง แต่ว่าก่อนที่หนังฉายเรารู้สึกว่ากระแสดีมาก กระแสอยู่ในขั้นที่ว่าเราผิดพลาดที่โปรโมตออกมาเป็นอย่างนี้ ทุกคนงงกัน” ปรัชญา ปิ่นแก้ว ที่เคยควงสาวนักบู๊เด็กปั้นพาหนังช็อคโกแลตขึ้นอันดับ 1 ใน BOX-OFFICE ที่ฮ่องกงในการเปิดตัววันแรกเมื่อปีก่อนมาแล้วเผยถึงความรู้สึก
     
      ผลพวงจากความไม่ประสบความทางด้านรายได้จากหนังแอ็คชั่นหลายเรื่องโดย มี "จีจ้า ดื้อ สวย ดุ" เป็นหนึ่งในนั้นนี้เอง ที่ทำให้ผู้บริหารสหมงคลฯ อย่าง "เสี่ยเจียง" (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) มีแผนจะลดปริมาณหนังแอ็คชั่นในปี 2553 เหลือเพียง 2 เรื่องเท่านั้น
     
      มากันที่ในส่วนของผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จที่สุดในปีนี้ ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้เลยหากไม่ใช่ตลกมือขึ้นอย่าง "หม่ำ จ๊กมก" ที่สามารถทำรายได้เกือบจะ 200 ล้านจากหนังที่ตนเองกำกับทั้งสองเรื่องอันได้แก่ "วงษ์คำเหลา" และ "แหยมยโสธร 2"
     
      นอกจากนี้เขายังมีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการทำให้ภาพยนตร์เรื่อง "สาระแน ห้าวเป้ง!!" ที่มีเขาเป็นส่วนหนึ่งในหนังทำรายได้ไปกว่า 96 ล้านบาทเลยทีเดียว
     
      ไปกันที่หนังไทยที่น่าเห็นใจ ขอยกให้กับภาพยนตร์เรื่อง "เฉือน" และ "อนุบาลเด็กโข่ง" โดยเรื่องแรกนั้นเป็นผลงานการกำกับของ "ก้องเกียรติ โขมศิริ" ซึ่งเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ต่อหนังเรื่องนี้ต้องถือว่าดีมากๆ ถึงขนาดที่นิตยสารอย่าง BIOSCOPE เลือกให้เป็นหนังไทยแห่งปีเลยทีเดียว
     
      ในขณะที่ "อนุบาลเด็กโข่ง" จากฝีมือการกำกับของ "ทวีวัฒน์ วันทา" เจ้าของผลงาน "ขุนกระบี่ ผีระบาด" (ซึ่งแม้หลายคนจะออกปากว่าหนังบ้าอะไรวะ แต่ความบ้า ความสนุกของมันก็ได้ใจคนจำนวนไม่น้อย) ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ได้รับคำชมถึงคุณภาพ ทว่าก็เป็นที่น่าเสียดายที่ทั้งสองเรื่องนั้นต่างไม่ประสบความสำเร็จใน เรื่องของรายได้เอาเสียเลย
     
      ปิด ท้ายกันที่เรื่องเศร้าสุดๆ ของวงการหนังกับการจากไปของ "บัณฑิต ฤทธิ์ถกล" และ "รุจน์ รณภพ" 2 ผู้กำกับที่มีบทบาทเหลือเกินต่อสีสันของวงการภาพยนตร์ไทยในรอบ 20-30 ปีที่ผ่านมา
     
     

ASTV

na on December 30, 2009, 07:08:49 PM
สรุปว่า GTH ได้กำไรเยอะสุด.....