news on July 26, 2017, 08:07:13 AM






“AVGThailand” พร้อมนำธุรกิจไทยเจาะตลาดจีน! ชูความเชี่ยวชาญด้านดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง และเครือข่ายดิจิตอลแพล็ตฟอร์มยักษ์ใหญ่ในจีนตั้งเป้ากวาด 100 ล้านบาทในปี 2018

ครั้งแรกในเมืองไทยกับการจับมือกันระหว่าง ผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิตอล มาร์เก็ตติ้งในจีน ระดับแนวหน้าของเอเชีย กับบริษัทดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น ระดับแนวหน้าของไทย ผนึกความพร้อมพาธุรกิจไทยประสบความสำเร็จในแดนมังกร




นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ซีอีโอแอดยิ้ม กล่าวถึงความเป็นมาของการก่อตั้ง บริษัท AVG ประเทศไทยจำกัด ว่าเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทAVGจำกัด และ แอดยิ้ม (Adyim) สืบเนื่องจากทาง AVG เป็นบริษัทมีเดียแพลตฟอร์มสัญชาติจีนที่ใหญ่ที่สุดและมีความเชี่ยวชาญด้านการทำมีเดียในประเทศจีนต้องการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมพื้นที่ AEC ทั้งหมดส่วนแอดยิ้มก็เล็งเห็นโอกาสในการช่วยแบรนด์และเจ้าของธุรกิจไทยลุยขยายตลาดไปยังประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ1ของไทย  ซึ่งการขยายตลาดไปยังประเทศจีนสำเร็จจะหมายถึงเม็ดเงินจำนวนมหาศาล แต่ในปัจจุบันเจ้าของธุรกิจและมาร์เก็ตเตอร์ส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้และความเชี่ยวชาญพอที่จะเข้าไปสร้างแบรนด์และขยายธุรกิจในประเทศจีน เราจึงเห็นโอกาสตรงนี้ที่จะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำการตลาดในประเทศจีน รวมทั้งพันธมิตรเครือข่ายสื่อดิจิตอลยักษ์ใหญ่ต่างๆที่เรามีในจีน ช่วยผลักดันและโปรโมทธุรกิจไทยให้เป็นที่รู้จักและเจาะตลาดจีนได้ โดยเราตั้งเป้าผลประกอบการในปีนี้ไว้ที่ 50 ล้านบาท และเชื่อว่าจะแตะถึง 100 ล้านบาทได้ภายในปี 2018

“จุดเด่นของบริษัทฯ คือมีบริการทางสื่อ Digital ครบวงจรทั้ง 3 แพลตฟอร์มดิจิตอลยักษ์ใหญ่ในประเทศจีนได้แก่Baidu(ไป่ตู้),Tencentและ Alibabaซึ่งจำเป็นอย่างมากในการทำการตลาดในประเทศจีน อีกทั้งมีทีมงานที่เป็นมืออาชีพทางด้านดิจิตอลตัวจริงทั้งในประเทศไทย และประเทศจีน ไม่ใช่เป็นแค่คนที่เห็นโอกาส, บริษัททัวร์จีน หรือคนจีนที่ทำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งไม่เป็นแต่กระโดดเข้ามาทำธุรกิจตรงนี้เพราะเห็นโอกาสเราเป็นบริษัทที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ (Authorized) จากบริษัทดิจิตอลแพล็ตฟอร์มหลักของจีนทุกบริษัท” ซีอีโอ แอดยิ้ม กล่าว







อย่างไรก็ดีนายธนพล ยังกล่าวเสริมถึงความท้าทายและอุปสรรคในการทำการตลาดดิจิตอลในจีนว่า“แน่นอนว่าจีนเป็นตลาดใหญ่ ใครก็อยากเข้าไป แต่ก็ใช่ว่าจะไปกันได้ง่ายๆเพราะยังมีอุปสรรคในเรื่องของภาษา,วัฒนธรรม, Customer Insight ในประเทศจีนจึงไม่ใช่ว่าสินค้าทุกอย่างจะสามารถประสบความสำเร็จในจีนได้สินค้าต้องตอบโจทย์และทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ที่สำคัญตลาดจีนมีการแข่งขันที่ดุเดือดเพราะคนจีนค้าขายเก่งมากเราจึงควรหาจุดต่างไม่ควรไปขายแข่งเพราะโอกาสจะชนะมีน้อย และอีกเรื่องที่ต้องระวังคือ สินค้าลอกเลียนแบบ ควรหาทางป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ เพราะถ้ามีประเด็นนี้เกิดขึ้นมาแล้วถือเป็นเรื่องยากที่จะไปฟ้องร้องชนะคนจีนได้”

“เครื่องมือ(Tools) ที่ใช้ในการทำตลาดดิจิตอลในจีนนั้นจะแตกต่างจากในบ้านเราเนื่องจากรัฐบาลจีนได้ทำการบล็อก Digital Toolsหลักๆ จากต่างประเทศเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Line, Google, Facebook, Youtubeสำหรับเครื่องมือดิจิตอลในจีนที่นิยมใช้กัน ได้แก่ Baiduซึ่งจะใช้ค้นหาข้อมูลแทน Google  ตัว Baiduเอง มีระบบ Keyword Planner ให้ใช้เช่นเดียวกับ Google ทำให้เราทราบได้ทันทีว่าคนจีนเสิร์จหาอะไรในเมืองไทยซึ่งส่วนใหญ่คนจีนจะเสิร์จหา ข้อมูลโรงแรม,ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว, ข้อมูลของฝาก สำหรับคนจีนที่ชอบเล่นโซเซียลมีเดียก็จะเล่น Weibo แบบเดียวกับที่เล่น Facebook และชอบพูดคุยกับเพื่อนผ่านWeChatเทียบได้กับ Lineซึ่งระบบโฆษณาใน WeChatนั้นค่อนข้างล้ำกว่า Line เพราะมีลูกเล่นมากกว่า เพราะสามารถทำแอพพลิเคชั่นเข้าไปผูกกับระบบของ WeChatได้เลยจะทำเป็นเกมส์, เป็นระบบการเปิดจอง หรือระบบอีคอมเมิร์ซก็สามารถทำได้” ซีอีโอแอดยิ้ม กล่าวให้ความรู้

สำหรับเทรนด์การตลาดดิจิตอลของจีนในปัจจุบันนั้น นายธนพล กล่าวว่า ภาคส่วนอี-คอมเมิร์ซของจีนมีการขยายตัวเป็นอย่างมาก และเติบโตเป็นอันดับต้นๆของโลก ปัจจุบันมีการขยายตัวแตะ 8.12แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 27ล้านล้านบาท) ในปี 2017 คิดเป็น 17% ของยอดค้าปลีกทั้งหมดทั่วประเทศถ้าเทียบกับประเทศไทยเรา 2.1 ล้านล้านบาทเป็นสัดส่วนแค่ประมาณ 4% ของยอดค้าปลีกทั้งหมดเท่านั้นทำให้ห้างสรรพสินค้าในจีน เริ่มเจอปัญหาเช่นเดียวกับในประเทศสหรัฐอเมริกา คือ ทยอยปิดตัว ห้างขึ้นค่าเช่าพื้นที่ไม่ได้ ผู้ค้าปลีกปิดร้านค้าในห้าง หันไปเปิดขายในออนไลน์หรือหันไปลงโฆษณาขายของบนแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซใหญ่ๆแทน เช่นTmall, Taobao ฯลฯ

“ธุรกิจแต่ละประเภทจะมีกลยุทธ์ในการทำการตลาดที่ไม่เหมือนกัน ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนให้ แต่สิ่งหนึ่งที่จะเหมือนๆกันในการทำการตลาดออนไลน์ในจีน คือจะต้องมีการผสมผสาน  Digital Toolsหลายๆตัวเข้าด้วยกันเพื่อเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและต้องเรียนรู้ Customer Journey ของชาวจีนสำหรับสินค้าหรือบริการนั้นๆ ตัวอย่างเช่น ธุรกิจท่องเที่ยว ถ้าต้องการให้คนจีน เดินทางมาพักที่โรงแรมของเราหรือมาซื้อของฝาก จะต้องวางแผนทำให้คนจีนรู้จักเราตั้งแต่ตอนที่เค้าอยู่ประเทศจีนเลย เราอาจจำเป็นจะต้องซื้อ Keywords ใน Baiduเพื่อให้คนจีนค้นหาเจอข้อมูลโรงแรมหรือสินค้าของเราที่เป็นภาษาจีน ต่อมาเมื่อคนจีนเดินทางมาถึงเมืองไทยส่วนใหญ่คนจีนจะซื้อ Simเปลี่ยนซึ่งเราสามารถส่ง SMS หาคนจีนที่เดินทางมาในไทยได้ โดยอาจจะส่งโปรโมชั่นที่น่าสนใจหรือส่งข้อความต้อนรับก็ได้และในระหว่างที่อยู่ในไทย เราอาจจะลงโฆษณาในWeChatหรือWeiboและคิดกลยุทธ์ว่าจะทำยังไงให้คนจีน ช่วยโพสต์รูปโรงแรมหรือรูปสินค้าที่เค้าซื้อ เพื่อที่จะได้Free PR จากพวกเค้า เป็นต้น”

สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่บริษัทฯวางไว้นั้น นายธนพล กล่าวว่า เป็นกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวเช่น  โรงแรม,ห้างสรรพสินค้า, สินค้าของฝาก รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิด เช่น ครีม,เครื่องสำอาง,ยาดม, ขนม ฯลฯ ที่มีความสนใจขยายตลาดไปยังประเทศจีน เพราะดูจากสถิติคนจีนที่มาเที่ยวไทยเมื่อปีที่แล้วมีจำนวนมากถึง 10 ล้านคน ซึ่งไทยจัดเป็นประเทศท่องเที่ยวอันดับ 1 ของคนจีน และคนจีนมีความนิยมแบรนด์และสินค้าไทยเพราะเชื่อมั่นในคุณภาพ



ด้าน มร.หลี่ เสี่ยว จวิน(Li Xiao Jun)ซีอีโอ บริษัท AVG จำกัด กล่าวแนะนำบริษัทAVG ว่า เป็นบริษัทที่มีแพลตฟอร์มการวางแผนสื่อในจีนที่ใหญ่ที่สุด ครอบคลุมทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ มีบริษัทในเครือรวม 9 บริษัท ครอบคลุมไปทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียแปซิฟิกได้แก่ จีน, สิงคโปร์, มาเลเซีย, กัมพูชา และเวียดนาม สำหรับในจีนนั้น บริษัท  AVG เป็น Premier Partner กับเครือข่ายสื่อดิจิตอลยักษ์ใหญ่ในจีนทั้งหมด เช่น Baidu, Alibaba, Wechat, Weibo, Youkuรวมทั้งมีคอนเนคชั่นกับอินฟลูเอนเซอร์ตัวท็อปของจีนที่จะช่วยสร้างแบรนด์ดิ้ง, โปรโมทสินค้าและบริการในประเทศจีน อีกทั้งยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยวางแผนสื่อแบบผสมผสานที่เหมาะสมที่สุดกับธุรกิจของลูกค้า เพื่อที่จะช่วยลูกค้าสร้างแบรนด์และเจาะตลาดในจีนได้อย่างประสบความสำเร็จ

“ทำไมจีนถึงเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับสินค้าและบริการจากไทย นั่นเพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับความนิยมมากเป็นอันดับ 1ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนและยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างต่อเนื่อง ชาวจีนชื่นชอบประเทศไทยในเรื่องแหล่งช้อปปิ้ง อาหาร และวัฒนธรรมในขณะเดียวกันคนจีนกลุ่มA-List หรือคนที่มีศักยภาพในการจับจ่ายมีจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนับเป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา
ผนวกกับจีนกำลังสร้างรถไฟความเร็วสูงที่จะครอบคลุมโซนเศรษฐกิจทั้งหมดทำให้ต้นทุนการขนส่งลดลง ทำให้การคมนาคมขนส่งระหว่างไทย-จีนสะดวกขึ้นท้ายที่สุด Tmall และอาลีบาบา แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากจีน จะเป็นช่องทางการซื้อขายที่สะดวกและแพร่หลายสำหรับการนำสินค้าจากไทยไปสู่ตลาดจีน” ซีอีโอAVG กล่าว

AVG Thailand ก่อตั้งโดยความร่วมมือระหว่าง AVG บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งในจีนระดับแนวหน้าของเอเชีย และ แอดยิ้ม บริษัทดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น ระดับแนวหน้าของประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการนำธุรกิจไปเปิดตลาดที่จีน และเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคนจีนที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยมีจุดเด่นนอกเหนือจากความเป็นผู้เชี่ยวชาญดิจิตอล มาร์เก็ตติ้งในจีนแล้ว ยังเป็น Authorized Partner กับสื่อดิจิตอลยักษ์ใหญ่ทั้งหมดในจีน อย่าง Weibo, Wechat, Baidu, Alibabaและมีเครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์ขนาดใหญ่ที่จะช่วยโปรโมทธุรกิจในจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพเราให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่การสร้างแบรนดิ้งในจีน,การวางแผนสื่อดิจิตอล, การทำเทรนนิ่ง, การสร้างเว็บไซต์, การสร้างกระแสออนไลน์ในจีน, การซื้อKeywordsใน Baidu,การเปิดและดูแลOfficial Account ของ Weibo และ Wechat,การขนส่งและการสต็อคสินค้า, การทำอี-คอมเมิร์ซ,การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ไปจนถึงการทำระบบ payment ในจีน
« Last Edit: July 26, 2017, 10:58:52 PM by news »

news on August 04, 2017, 08:06:27 AM
ภาพข่าว: “AVG Thailand” พร้อมนำธุรกิจไทยเจาะตลาดจีน!



          นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ (ที่ 3 จากซ้าย) ซีอีโอ แอดยิ้ม บริษัท ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น ระดับแนวหน้าของเมืองไทย พร้อมด้วย มร.หลี่ เสี่ยว จวิน (ที่ 2 จากซ้าย) ซีอีโอ บริษัท AVG จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำตลาดออนไลน์ในจีน แถลงข่าวเปิดตัวบริษัท AVG Thailand จำกัด พร้อมให้บริการด้านการวางแผนกลยุทธ์ โปรโมทธุรกิจไทย ที่ต้องการเปิดตลาดบุกแดนมังกรแบบครบวงจร ผ่านสื่อดิจิตอลยักษ์ใหญ่ทั้งหมดในประเทศจีน ณ ห้อง Ballroom 2,3 โรงแรมโนโวเทล เพลินจิต
« Last Edit: August 04, 2017, 08:08:11 AM by news »