MSN on July 05, 2017, 09:20:45 AM
บล.แอพเพิล เวลธ์  มอง Set Index เดือนก.ค.เสี่ยงปรับฐาน หลังไม่ผ่านแนวต้าน 1,600 คาดกำไร บจ.ไตรมาส 2/60 ทรุด-Fund Flow  ต่างชาติชะลอไหลเข้า แนะทยอยเก็บหุ้นรับเหมาฯ- หุ้นปันผลสูง ที่แนวรับ 1,530-1,550 จุด 

บล.แอพเพิล เวลธ์  ชี้หุ้นไทยเดือน ก.ค. ดัชนีฯเสี่ยงปรับฐาน หลังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,600 จุด แนวโน้มผลประกอบการบจ.ไตรมาส 2/60 ทรุด-ทิศทาง Fund Flow  เริ่มแผ่ว แนะทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวลงสู่ระดับแนวรับบริเวณ 1,530 – 1,550 จุด  ในหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ ITD, CK, STEC, UNIQ, SEAFCO, SCC, DCC  กลุ่มนิคมฯ AMATA, ROJNA, WHA  และกลุ่มจ่ายปันผลสูงกว่า 4% GLOW, RATCH, PSH, LH, TTW, INTUCH


นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในในดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เคลื่อนไหวในกรอบ 1,560 – 1,590 จุด โดยปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางไม่สนับสนุนการผ่านแนวต้านสําคัญบริเวณ 1,600 จุด ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคดัชนีฯ เริ่มส่งสัญญาณการอ่อนตัวอีกครั้ง ส่งผลให้ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.ค. มีแนวโน้มปรับฐานลงสู่ระดับแนวรับบริเวณ 1,530 – 1,550 จุด

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่กดดันดัชนีฯ มาจากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/60  ของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการณ์ในเบื้องต้น หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์คาดว่ากําไรสุทธิจะชะลอตัว -2.70% QoQ แต่ยังขยายตัวได้ราว 1% YoY อย่างไรก็ตาม สินเชื่อในครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากการปล่อยสินเชื่อโครงการก่อสร้างภาครัฐ

ขณะที่กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจากราคาน้ำมันดิบดูไบที่ช่วงไตรมาส 2 นี้ ที่ปรับตัวลดลงกว่า 6 ดอลลาร์/บาร์เรล คาดส่งผลให้กําไรสุทธิในกลุ่มนี้มีโอกาสชะลอตัวราว -40% QoQ  กลุ่มสื่อสาร ADVANC, DTAC ยังมีแนวโน้มกําไรสุทธิชะลอตัวราว -10% QoQ, -25%YoY 

“นอกจากนี้ ปัจจัยต่างประเทศประเด็นการเริ่มลดนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED)  ยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในช่วงปลายปีนี้ ยังจะส่งผลให้ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติชะลอตัว” นายอภิชัย กล่าวในที่สุด

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนําซื้อในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุที่ได้แรงหนุนจากการประมูลรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง เช่น ITD, CK, STEC, UNIQ, SEAFCO, SCC, DCC  กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนเขตเศรษฐกิจ EEC เช่น AMATA, ROJNA, WHA  กลุ่ม Defensive Stock ที่มีอัตราเงินปันผลสูงกว่า 4% และราคาปัจจุบันยังต่ำกว่าConsensus Fair Value เช่น GLOW, RATCH, PSH, LH, TTW, INTUCH
« Last Edit: July 05, 2017, 02:09:16 PM by MSN »