KTAM ทุ่มจ่ายปันผล7กองทุนมูลค่ากว่า1.8 พันล้าน
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุน มีมติจ่ายเงินปันผล 6 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และ กองทุนเปิดเคแทม เจแปน อิควิตี้ ฟันด์ (KT-JAPAN-D) มูลค่ารวมกว่า 1,800 ล้านบาท ประกอบด้วย กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท (TTLPF) จ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 26 ในอัตรา 0.4598 บาทต่อหน่วย กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี.พี. ทาวเวอร์ โกรท (CPTGF) จ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 13 ในอัตรา 0.1880 บาทต่อหน่วย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไทยคอมเมอร์เชียล อินเวสเม้นต์ ( TCIF ) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 19 ในอัตรา 0.1930 บาทต่อหน่วย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าไทยโฮเทลอินเวสเม้นต์ ( THIF) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 10 ในอัตรา 0.1770 บาทต่อหน่วย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทลอินเวสเม้นต์ (TRIF ) จ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 16 ในอัตรา 0.1750 บาทต่อหน่วย และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ( EGATIF) จ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 6 ในอัตรา 0.1800 บาทต่อหน่วย โดยทุกกองทุน จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 ปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 จ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 มิถุนายน 2560
ส่วนกองทุน KT-JAPAN-D จ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.45 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี วันที่1 กุมภาพันธ์ 2560 - 31 มกราคม 2561 ผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 30 เมษายน 2560 โดยกองทุนจะปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 26 พฤษภาคม 2560 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 มิถุนายน 2560 กองทุนเน้นลงทุนในกองทุนรวมหลัก Henderson Horizon Fund – Japanese Smaller Companies Fund – Class A2 ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารและจัดการโดย Henderson Management S.A.โดยกองทุนหลักมีวัตถุประสงค์การลงทุน ให้บรรลุเป้าหมายการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว โดยลงทุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสินทรัพย์รวมของกองทุน ในบริษัทญี่ปุ่นที่มีขนาดเล็ก (Smaller Japanese Companies) โดยบริษัทญี่ปุ่นขนาดเล็ก หมายถึง บริษัทที่มีมูลค่าตลาดต่ำที่สุด 25% ของตลาดทุนของประเทศญี่ปุ่น
สำหรับผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 28 เมษายน 2560 ย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่ -0.14% 6 เดือน อยู่ที่ 9.34% 9 เดือนอยู่ที่ 18.62% นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน(31 พ.ค.59) อยู่ทึ่ 14.77% ในขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน ( Benchmark) อยู่ที่ 4.39 % 5.07% 10.87% และ12.70% ตามลำดับ
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 150 ( KTFF150) ถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 อายุ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 10,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเงินฝากประจำ Bank of China (Macau) China , Agricultural Bank of China (Hong Kong Branch ), AI Khaliji Commercial Bank , Ahli Bank QSC Qatar , PT Bank Rakyat Indonesia ( PERSERO) Tbk. Indonesia ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ18% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ยกเว้น ตราสารหนี้ Industril and Commercial Bank of China Limited(Luxembourg Branch) ลงทุนในสัดส่วน 10 % ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.40% ต่อปี โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ ในประเทศ มีการปรับตัวขึ้นลงในช่วงแคบ ตามแรงซื้อขายของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดขาดปัจจัยชี้นำ และไม่ได้ให้น้ำหนักกับการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมากนัก ในขณะที่สภาพคล่องในตลาดที่ยังทรงตัวในระดับสูงตามแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา มียอดซื้อสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติ ประมาณ 6,307 ล้านบาท ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ มีการปรับตัวลดลงจากทุกช่วงอายุ จากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย ทามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐอเมริกา หลังมีข่าวว่าทรัมป์ได้มีการเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับ ISIS ให้กับรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.28% ต่อปี อายุคงเหลือ5 ปี อยู่ที่ 1.79% และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.23%
" ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่โฆษณาไว้ และผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต" นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ โทร 0-2686-6100