รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ย้ำผลสำเร็จประชุม WTTC Global Summit ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็น Quality Leisure Destination และ Sports Hubเด่นชัดในเวทีระดับโลก
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงผลสำเร็จของการประชุมWTTC Global Summit ครั้งนี้ว่ามีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 1,200 คน จาก 57 ประเทศ มีรัฐมนตรีจาก 8 ประเทศเข้าร่วมงาน พร้อมด้วย CEO บริษัทชั้นนำ เจ้าของธุรกิจ ด้านการโรงแรม สายการบิน สนามบิน รถเช่า เรือสำราญ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและท่องเที่ยวมีสื่อต่างชาติติดตามทำข่าวกว่า 150 ราย รวมทั้งสื่อออนไลน์ มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกซึ่งมีผู้ชมเกินกว่า 10 ล้านคน แสดงถึงศักยภาพของประเทศไทยในการจัดประชุมระดับโลก ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้นสามารถสร้างศักยภาพด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และอ้างถึงรายงานประจำปี ของ WTTC ในปี 2016 ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยว 2.5 ล้านล้านบาท สูงเป็นอันดับ 4 ของโลก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.1 ล้านล้านบาทขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก ในอีก 10 ปี ข้างหน้า
นางกอบกาญจน์กล่าวด้วยว่า ท่านนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายไว้ คือสร้างประเทศไทยเป็นThailand Plus One เพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่จากต่างประเทศ ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำคัญ ในการเข้าสู่ตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งมีผู้บริโภคกว่า 620ล้านคน พัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างกันให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับให้ภูมิภาคนี้เป็น Single Tourist Destinationจุดหมายปลายทางเดียวกัน โดยกำหนดให้ปี 2560 นี้ เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียนภายใต้ชื่อ “Visit ASEAN@50” เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งอาเซียน โดยคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ภูมิภาคได้กว่า 121 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 29 ล้านล้านบาท
ในการประชุม WTTC Global Summit 2017 ครั้งนี้ ได้เป็นตัวแทนประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Freedom to Travel - Can ASEAN Countries Lead the Way? ร่วมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวอินโดนีเซีย รัฐมนตรีท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ และผู้อำนวยการภูมิภาค จาก ICAO Asia & Pacific Office โดยกล่าวถึงการเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทย และอาเซียน เพื่อส่งเสริม และอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีการประชุมหารือระดับรัฐมนตรี (WTTC/UNWTO Ministerial Dialogue)ในวาระหัวข้อ"Investments and Partnerships for Sustainable Tourism Development" และประชุมร่วมสองฝ่ายกับ 6 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก อินโดนีเซีย เกาหลี เซเชลล์ เคนย่า กัมพูชา และ องค์กรการท่องเที่ยวโลก(UNWTO)บริษัทเอกชนรายใหญ่ ซึ่งประเทศไทยได้แนะนำการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และได้ย้ำถึงความพร้อมของเราที่จะก้าวไปพร้อมชาติอาเซียน อีกทั้งการสร้างความร่วมมือของชาติสมาชิก สร้างความแข็งแกร่งของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนร่วมกัน
นอกจากกลยุทธ์ ในการสร้างไทยเป็นแหล่งจัดประชุมที่สำคัญของโลกแล้ว อีกมิติหนึ่งของการท่องเที่ยวคือ ภารกิจสร้างประเทศไทยเป็น Wedding Hub หรือสถานที่จัดงานแต่งงานและฮันนีมูน จากข้อมูลจากการสัมมนาในงาน DWP 2017 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็น Wedding Destination ที่สำคัญ ได้แก่ อันดับ 1 ใน Top Destination สำหรับเอเชีย อันดับ 3 สำหรับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ อันดับ 6 สำหรับยุโรป อันดับ 3 ใน Emerging Destination สำหรับตะวันออกกลาง และอันดับ 1 ในEmerging Destination สำหรับแอฟริกา จากสถิติปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวมาแต่งงานและฮันนีมูน ประมาณ 1.1 ล้านคน สร้างรายได้ ประมาณ 50,000 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายต่อการแต่งงานประมาณ 5-20 ล้านบาท โดยขึ้นอยู่กับจำนวนญาติพี่น้องและแขกที่ตามมาร่วมงานเพราะสามารถกระจายรายได้สู่ชุมชน เช่น ของที่ระลึกที่มาจากท้องถิ่นและมีเอกลักษณ์ความเป็นไทย รวมทั้งอาหารไทยที่นำมาจัดเลี้ยงในงานซึ่งเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด จากการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ 2 พฤษภาคม 2560 ได้มีการอนุมัติให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินหน้าลงนามความตกลงว่าด้วยการเป็นเจ้าภาพจัดงาน UNWTO World Forum on Gastronomy ครั้งที่ 4ระหว่างรัฐบาลไทยและองค์การท่องเที่ยวโลกซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน ปี 2561 โดยตนจะเป็นผู้แทนจากประเทศไทยร่วมลงนามความตกลงดังกล่าว ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2560 และ ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2560 จะขึ้นเป็นวิทยากรร่วมกับวิทยากรจาก UNWTOในเรื่องที่เกี่ยวกับ Sustainable Urban Tourismณ ประเทศสเปน
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ได้เตรียมการตั้งคณะทำงาน สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสมัชชาสหพันธ์กีฬานานาชาติ Sport Accord Convention 2018 งานสัมนาด้านกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะมีประธานสหพันธ์กีฬาต่าง ๆ กว่า 100 สหพันธ์ และผู้บริหารสหพันธ์กีฬาจากทั่วโลก พร้อมครอบครัวกว่า 5,000 คน เข้าร่วมประชุม นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในหลายด้านสามารถกระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่น ทำให้เกิดการจ้างงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวและกีฬาได้อีกมากมาย
รวมถึงได้เปิดเผยถึง รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยว ว่าสถิติจนถึงปัจจุบัน (3 พ.ค. 60)มีนักท่องเที่ยวสะสมรวมกว่า 12 ล้านคนแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 เมษายน มีนักท่องเที่ยว จำนวน 11,881,434 คน ก่อให้เกิดรายได้ 614,086.04 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.71 และ 3.43 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามลำดับ