“Supertaro เอเจนซี่โฆษณาโดยคนรุ่นใหม่ ย้ำ 3 สิ่งที่จำเป็นสำหรับ Advertising agency ในปีนี้”
แม้เทรนด์การเป็นฟรีแลนซ์นั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากเหล่าเฟิร์สจ็อบเบอร์ในปีที่ผ่านมา แต่กลุ่มนักโฆษณาหน้าใหม่ก็ยังคงมีความสนใจที่จะเข้าทำงานในเอเจนซี่โฆษณากันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในปี 2017 นี้ จึงเป็นปีที่บริษัทเอเจนซี่โฆษณาต้องแสดงคาแรคเตอร์เจ๋งๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มยังก์เจเนอเรชั่นไฟแรงให้เข้ามาร่วมทำงาน รวมถึงสร้างบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกสนุก ท้าทาย และได้เป็นตัวของตัวเอง ตามความต้องการของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน
จากการบริหารงานในปีที่ผ่านมา นายทนงศักดิ์ ชูพงศ์วัฒนา กรรมการบริษัท Supertaro เอเจนซี่โฆษณาที่มุ่งเน้นความเป็นผู้นำในด้านครีเอทีฟโซลูชั่น สรุป 3 สิ่งจำเป็นสำหรับเอเจนซี่โฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ไว้ดังนี้
“Co-working space : สำหรับเด็กรุ่นใหม่ การนั่งโต๊ะทำงานที่มาพร้อมกับฉากกั้นเหมือนออฟฟิศธรรมดาทั่วไปมันชวนให้หมดไฟได้ง่าย เราคิดว่าควรต้องมีพื้นที่ส่วนกลางสวยๆ มีการตกแต่งที่ทันสมัย ดูปลอดโปร่ง ให้ความคิดสร้างสรรค์ของเราได้โลดแล่น พื้นที่แบบนี้จะนั่งทำงานคนเดียว ทำเป็นกลุ่มเล็กๆ หรือใช้เป็นพื้นที่ประชุมที่ไม่เป็นทางการก็ได้ เพื่อให้การคุยงานและริเริ่มพัฒนาไอเดียต่างๆ ไปได้ไกลกว่าการคุยในห้องประชุมทั่วไป ซึ่งที่นี่เราออกแบบในคอนเซปต์ “ครีเอทีฟแวร์เฮาส์” (Creative Warehouse) ให้เสมือนเป็นโกดังของแหล่งคนสุดเจ๋งที่ซ่อนตัวอยู่ใจกลางเมือง โดยมีคุณสแตนลีย์ คว็อก สถาปนิกชื่อดัง เจ้าของบริษัท Stanley KC จากประเทศฮ่องกงมาเป็นผู้คิดและวางคอนเซ็ปต์ให้ทั้งหมด”
“Co-operation : เรารับฟังความคิดเห็นคนรุ่นใหม่โดยที่ไม่ได้มองเรื่องอายุการทำงาน แต่ให้ความสำคัญกับไอเดียที่สร้างสรรค์ ซึ่งเราพบว่าไอเดียที่ดีสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ แผนก ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าการทำงานให้มีคุณภาพนั้น สิ่งสำคัญคือการประสานงานกับทุกๆ ฝ่ายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการประสานงานระดับทีมในบริษัท ลูกค้า หรือพาร์ทเนอร์ และเนื่องจากเราได้พัฒนาให้ตัวเองเป็นฟูลเซอร์วิส เอเจนซี่ (Full Service Agency) ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าซึ่งมีครอบคลุมในเกือบทุกอินดัสทรี่ด้วยบริการทุกรูปแบบ จึงทำให้เราต้องพร้อมประสานงานกับทุกฝ่ายเพื่อผลิตและส่งมอบงานที่ดีที่สุด”
“Co-activity : เราเห็นว่ากลุ่มเด็กเจเนอเรชั่นนี้ ต้องการแบ่งสัดส่วนเวลางาน เวลาส่วนตัว และเวลาให้สังคมของตัวเอง ไม่อยากทำงานจนไม่มีเวลาเจอเพื่อนฝูง อย่างน้อยเราจึงอยากให้พนักงานสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงานไปเลย ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยได้จึงเป็นเรื่องของกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ ซึ่งที่ออฟฟิศเรามีการจัดกิจกรรมชื่อ “Taro Connect” สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยให้พนักงานได้ไปดูหนัง เล่นฟิตเนส หรือพาไปเที่ยวพร้อมกันกับเพื่อนๆ ในออฟฟิศ โดยไม่กระทบเวลาส่วนตัวของพวกเขา และสามารถเข้าร่วมหรือไม่ก็ได้ ตามความสมัครใจ ซึ่งได้รัผลตอบรับที่ดีมาก พนักงานสนิทสนมกันและทำให้การคุยงานต่างๆ ราบรื่นยิ่งขึ้นด้วย”
เข้าสู่ปีใหม่อีกปีแล้ว การปรับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในออฟฟิศคงไม่ใช่เรื่องยาก หากทำให้บริษัทได้ร่วมงานกับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ มีแนวคิดเป็นของตัวเอง และหากได้อยูในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะกับลักษณะไลฟ์สไตล์ของพวกเขา ก็จะทำให้กลุ่มเด็กรุ่นใหม่เหล่านี้กลายเป็นกำลังสำคัญของบริษัทในอนาคตได้อย่างไม่ยากเลย