เผยไทยมีแหล่งแร่ทองคำถึง 76 แห่ง หนักประมาณ 700 ตัน ถ้าสกัดเป็นทองคำบริสุทธิ์จะมีมูลค่าถึง 9 แสนล้านล้านบาท – 1 ล้านล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 31 จังหวัดทั่วประเทศ กรมทรัพยากรธรณีเตรียมจัดทำเป็นข้อมูลเสนอครม.ภายในสิ้นปีนี้
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวระหว่างแถลงข่าวเรื่อง “ขุมทองในประเทศไทย” ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำของโลกขยับตัวสูงขึ้นตลอดเวลา กรมทรัพยากรธรณี ในฐานะดูแลด้านทรัพยากรแร่ หิน ต่างๆ ของประเทศ
จึงได้รวบรวมข้อมูลการสำรวจและพัฒนาแหล่งแร่ทองคำในประเทศไทย ดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2528 ทั้งสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ ทางอากาศ และสำรวจผิวดิน เพื่อตรวจสอบลักษณะของหินและดิน วัดคุณสมบัติทางธรณีเคมี และธรณีฟิสิกส์ บางพื้นที่ได้สำรวจรายละเอียดลงไปใต้ดิน โดยใช้เครื่อง จักรเจาะเก็บตัวอย่างหินและดิน เพื่อหาความสมบูรณ์ของแร่ทองคำ
อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีกล่าวว่า ล่าสุดพบว่าประเทศไทย มีแหล่งแร่ทองคำรวมทั้งสิ้น 76 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 31 จังหวัด มีปริมาณแร่ทองทำประมาณ 700 ตัน หากสกัดเป็นทองคำบริสุทธิ์แล้ว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 9 แสนล้านบาท ถึง 1 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบการสะสมตัวแบบทุติยภูมิอีกหลายพื้นที่อีกด้วย
โดยพบมากในแถบพื้นที่ตอนบนของภาคกลางตามแนวเทือกเขาหินแกรนิตทางตะวันออก และของด้านตะวันตกแห่งที่ราบสูงโคราช ทั้งนี้มีแหล่งแร่หลักประมาณ 4-5 แห่ง ที่เชื่อว่ามีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเหมืองแร่ทองคำได้ในอนาคต
“ในส่วนของกรมทรัพยากรธรณี ไม่ได้ดำเนิน การเกี่ยวกับการให้ประทานการทำเหมืองแร่ แต่มีคำสั่งจากปลัดกระทรวงให้จัดทำแผนหลัก การจัดการทรัพยากรแร่อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ภาครัฐ หรือเอกชนที่ต้องการเข้าไปพัฒนาแหล่งแร่ทอง คำต่างๆ ใช้เป็นแผนดำเนินการไปในทิศทางที่ชัดเจน
และเป็นแนวทางดำเนินการเชิงอนุรักษ์และยั่งยืน นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาเรื่องผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ในประเทศ ทั้งด้านสิ่งแวด ล้อม และสุขภาพ โดยกำหนดให้ทำรายงานผลกระทบต่างๆ ก่อนเข้าพัฒนาพื้นที่ ซึ่งแผนหลักดังกล่าวจะจัดทำเสร็จสิ้นภายในปีนี้ และนำเสนอต่อครม.ต่อไป” นายอดิศักดิ์กล่าว
ด้านนายพิทักษ์ รัตนาจารุรัตน์ ผอ.สำนักทรัพยากรแร่ กรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรธรณีจะสำรวจหาแร่ต่างๆ ที่อยู่ในประเทศว่า พื้นที่ใดบ้างมีศักยภาพนำแร่ขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ แต่เป็นเพียงสำรวจเบื้องต้นเท่า นั้น และจะส่งต่อไปยังกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม
เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการให้สัมปทานกับภาครัฐหรือเอกชน ที่สนใจจะเข้าไปพัฒนา ซึ่งต้องเข้าไปสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้งว่า จะสามารถนำแร่เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน พบว่าในประเทศไทยมีแหล่งแร่สำคัญๆ และสำรวจแล้ว ได้แก่ กลุ่มหินปูน, ถ่านหิน, โปแตซ, ทองคำ
และกำลังจะสำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับแร่แรร์ เอิร์ธ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมไอที ทั้งนี้ พบว่าในประเทศไทยมีแหล่งแร่โปแตซ ในภาคอีสานของไทยไปถึงประเทศลาว กลุ่มโลหะพื้นฐาน เช่น ตะกั่ว สังกะสี อยู่ในแถบพื้นที่ขอบตะวันตกไปจนถึงพม่า
ผอ.สำนักทรัพยากรแร่ กล่าวอีกว่า ขณะที่แร่ทองคำมีอยู่แถบที่ราบสูงโคราชไปจนถึงบางส่วนในกัมพูชาและมีมากใน ลาว ในประเทศไทยพบว่าหลายพื้นมีศักยภาพพัฒนาได้ เพราะพบแร่ทองคำในเนื้อหินมีความสมบูรณ์ ประมาณ 1-2 กรัมต่อตัน หากเทียบกับราคาทองในปัจจุบันนับว่าคุ้มต่อการลงทุน
โดยเฉพาะแหล่งแร่ทองคำ 5 แห่ง ได้แก่ ห้วยคำอ่อน บริเวณรอยต่อจ.ลำปาง-แพร่, ดอยตุง เชิงเขาทางฝั่ง อ.แม่จัน, เขาช่องกาย อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี, รอยต่อ อ.เมืองตาก-ด่านลานหอย จ.สุโขทัย และบ้านบ่อทอง จ.ชลบุรี เป็นต้น
ผอ.สำนักทรัพยากรแร่ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีแหล่งแร่ทองคำอื่นๆ อีกแต่อาจจะยังไม่มีศักยภาพพอทำเป็นเหมืองแร่ทองคำได้ เช่น อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเขาพนมพา ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เป็นต้น ที่ปัจจุบันยังคงมีประชาชนจำนวนมากออกไปร่อนแร่ทองคำ เพื่อหาทองคำอยู่ตลอดเวลา โดยระบุว่าสามารถทำรายได้เพิ่มให้เดือนละ 4,000-5,000 บาท
“สิ่งที่เราเป็นห่วงขณะนี้ก็คือ การเจ็บป่วยของประชาชนที่ออกไปร่อนหาแร่ทองคำ เนื่องจากในขั้นตอนการสกัดทองคำออกมาจะต้องใช้สารอันตราย เช่น ปรอท และไซยาไนด์ ซึ่งชาวบ้านต้องสัมผัสอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งการปนเปื้อนลงในแหล่งน้ำภายในหมู่บ้านที่ชาวบ้านจะต้องใช้ในชีวิต ประจำวันด้วย
ซึ่งผลจากการได้รับสารเหล่านี้อยู่เป็นประจำจะทำให้เกิดโรคตามมา เช่น โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท โรคมินามาตะ หรือโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังทำให้เด็กเกิดใหม่ที่ได้รับสารปรอทมีความพิการด้วย ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่ามีชาวบ้านจำนวนมาก
โดยเฉพาะเขาพนมพา มีผู้เจ็บป่วยหลายรายและอาจจะมีจำนวนผู้ป่วยสูงถึงร้อยกว่าคน แต่ไม่เคยมีการสำรวจหรือทำรายงานเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นจึงอยากเตือนประชาชนที่ไปร่อนทองให้ระมัดระวังต่อการสัมผัสกับสาร เหล่านี้เป็นเวลา เพราะรายได้ที่ได้จากการร่อนทองอาจจะไม่คุ้มกับชีวิตก็ได้
ที่มา ข่าวสด