ปตท.แจงปี 2559 การดำเนินงานตามกรอบยุทธศาสตร์ Pride and Treasure Of Thailand ทำให้สามารถฝ่าวิกฤต สร้างความมั่นคงทางพลังงานควบคู่กับการดูแลสังคม สิ่งแวดล้อม และมีผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จัดหาพลังงานเพียงพอความต้องการ บรรเทาผลกระทบประชาชนผ่านส่วนลดให้รถโดยสารNGV ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการ LPG และโครงการด้านการศึกษา พัฒนาชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม ย้ำเดินหน้ายึดหลักดำเนินงานด้วยความโปร่งใส
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำปี 2559 ว่ากลุ่ม ปตท. มีรายได้จากการขาย 1.72 ล้านล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิของกลุ่ม ปตท. เพิ่มขึ้น 74,673 ล้านบาทจากปี 2558 เป็น 94,609 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการบันทึกมูลค่าการด้อยค่าทางบัญชีลดลงและมีกำไรจากสินค้าคงคลังแทนการขาดทุนรวม 7 หมื่นล้านบาท ในขณะที่สภาพตลาดราคาน้ำมันและปิโตรเคมี ส่งผลกระทบต่อกำไรขั้นต้นลดลง 2 หมื่นล้านบาท แต่กลุ่ม ปตท. ได้มีดำเนินการเพิ่มผลผลิตในการดำเนินงานอย่างจริงจัง ทำให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ถึง 2.4 หมื่นล้านบาท ประกอบกับมีการลงทุนในธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้ผลประกอบการของกลุ่มปตท. พลิกฟื้นเร็วกว่าบริษัทน้ำมันชั้นนำอื่นๆ หลายแห่งที่การลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจต้นน้ำ
นายเทวินทร์ กล่าวว่า ตลอดปี 2559 ปตท. ยังคงเดินหน้าตามยุทธศาสตร์การสร้างองค์กรแห่งความภาคภูมิใจและเป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนไทยในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ (Pride & Treasure of Thailand) เริ่มจากภารกิจการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ได้บรรลุการเจรจาสัญญาระยะยาวการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) กับบริษัท BP Shell และ Petronas รวม 3 ล้านตันต่อปี โดยผลการเจรจากับ BP และ Shell ทำให้ลดต้นทุนการนำเข้าLNG ตลอดอายุสัญญาได้ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท มีการเร่งดำเนินการขยายคลังรับ LNG แห่งที่ 1 จาก 5 ล้านเป็น 10 ล้านตันต่อปี เริ่มใช้งานได้ในต้นปี 2560 และได้รับมติ คณะรัฐมนตรีอนุมัติขยายเป็น 11.5 ล้านตันต่อปีในปี2562 รวมถึงอนุมัติการก่อสร้างคลังรับ LNG แห่งที่ 2 อีก 7.5 ล้านตันต่อปี ให้แล้วเสร็จในปี 2565 รวมทั้ง ปตท. ได้เริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซฯ บนบก เส้นที่ 5 เพื่อรองรับการใช้ก๊าซฯที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
ในปี 2559 ปตท. ได้มีการทบทวนกระบวนการบริหารจัดการองค์กรด้านธรรมาภิบาลให้ครอบคลุมทุกด้าน โดยได้เริ่มดำเนินงานตามข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการวังน้อยCompressor รวมทั้งการร่วมเป็นภาคีองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) และเข้าร่วมในกิจกรรมต่อต้านคอร์รัปชั่นต่างๆ
สำหรับการดำเนินงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนนั้น ในปี 2559 ปตท. ได้ให้ส่วนลดราคากับรถโดยสารสาธารณะ NGV คิดเป็นมูลค่า 2,231 ล้านบาท และการสนับสนุน LPG ในภาคครัวเรือนรายได้น้อยคิดเป็นมูลค่า 367 ล้าน บาท อีกทั้งสร้างรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้แก่ชุมชน โดยใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมควบคู่กับพลังงานธรรมชาติช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของชุมชนบ้านภูเตย จังหวัดกาญจนบุรี โดยการสร้างเครื่องตะบันน้ำเพื่อนำน้ำจากอ่างเก็บน้ำมาสู่ชุมชนเป็นผลสำเร็จ
นอกจากนี้ได้ริเริ่มการใช้พื้นที่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ในการสนับสนุนโครงการประชารัฐสุขใจ shop เพื่อจำหน่ายสินค้าท้องถิ่นในสถานีบริการ 148 แห่งและมีส่วนร่วมในการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวนา ผ่านโครงการ " รวมพลังซื้อ ข้าวจากชาวนา" โดยมียอดขายข้าวได้รวม 3,076 ตัน ผ่านสถานีบริการน้ำมัน 315 สถานี และใช้สถานีบริการน้ำมันเป็นศูนย์รวมในการช่วยบรรเทาทุกข์ให้ผู้ประสบภัยภาคใต้ โดยพนักงาน ปตท. มีส่วนร่วมทำกิจกรรมจิตอาสา
ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม กิจกรรมปลูกป่าของ ปตท. ก็ยังคงรุดหน้าต่อไป สามารถส่งมอบพื้นที่ปลูกป่าในปี2559 จำนวน 54,600 ไร่ จากเป้าหมาย 500,000 ไร่ในช่วงปี 2556 – 2565 และยังมีโครงการด้านการอนุรักษ์ป่าไม้อื่นๆ อีก เช่น โครงการรักษ์น้ำ รักษ์ป่า รักษ์คุ้งบางกระเจ้า โครงการเมืองน่าอยู่นำร่อง 5 เมือง และโครงการป่าในกรุง เป็นต้น โดยเฉพาะโครงการป่าในกรุงนั้น ปตท. ก็ได้รับรางวัลออกแบบภูมิ สถาปัตยกรรมระดับโลกจาก ASLA Fund
นายเทวินทร์ กล่าวสรุปว่า ภายใต้ทิศทาง PTT Pride & Treasure of Thailand ปตท. จะต้องมุ่ง สร้างพนักงานปตท. ให้เป็นทั้งคนเก่งและคนดี ที่ต้องเสียสละเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประเทศควบคู่กับการสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ที่มีส่วนได้เสีย ภายใต้การดำเนินงานอย่างโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อนำองค์กรมุ่งสู่ความยั่งยืนต่อไป