MSN on February 16, 2017, 02:58:05 PM
‘ตราเพชร’ ชูกลยุทธ์ Full Multi Channel รุกตลาดทุกช่องทางขายแบบ 360 องศา ดันยอดขายปี 60 เติบโต 5% รับภาครัฐโหมลงทุน-ราคาพืชผลเกษตรดี ปลุกกำลังซื้อวัสดุก่อสร้างฟื้น



บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT เปิดแผนธุรกิจปี 60 ชูกลยุทธ์ Full Multi Channel รุกขยายตลาดทุกช่องทางการขายทั้งในไทยและต่างประเทศ เดินเกมเพิ่มสัดส่วนยอดขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด โครงการอสังหาริมทรัพย์และตลาดส่งออกในอาเซียน พร้อมรักษาสัดส่วนการขายผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ตั้งเป้าผลักดันผลการดำเนินงานปีนี้เติบโต 5% ด้านผู้บริหารประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างฟื้นตัวดีขึ้นจากปัจจัยภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ราคาพืชผลการเกษตรปรับตัวดีขึ้น หนุนเอกชนลงทุนและดันความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างเพิ่ม เชื่อปีนี้กลุ่มสินค้าไม้สังเคราะห์  ไม้พื้นและไม้รั้ว ฮิตติดเทรนด์ผู้บริโภคนำไปใช้ในการก่อสร้างมากขึ้น

นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม อิฐมวลเบาและบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้วางแผนธุรกิจปี 2560 ที่จะรุกขยายตลาดทุกช่องทางการขายแบบ 360 องศา หรือ ‘Full Multi Channel’ โดยมุ่งเน้นการขยายตลาดทุกช่องทางทั้งในไทยและต่างประเทศ ได้แก่ ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราเพชรทั่วประเทศ โครงการอสังหาริมทรัพย์และตลาดส่งออกในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ยังศึกษาพัฒนาช่องทางขายใหม่ๆ เพิ่มเติม ที่จะรองรับกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคในปัจจุบัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ที่ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 5%
สำหรับปัจจัยการเติบโตในปีนี้ ยังคงมาจากตลาดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนาม ที่บริษัทฯ มีแผนเพิ่มยอดขายจากการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวให้มากขึ้น ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น ตราเพชรจะชูจุดแข็งด้านสินค้าที่หลากหลายสามารถนำไปสร้างบ้านได้ทั้งหลังและมีบริการช่างติดตั้ง เป็นพลังในการขยายตลาดกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ทั้งช่องทางขายห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่และลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนเพื่อขยายธุรกิจในปีนี้ประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะนำมาใช้สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรที่ดียิ่งขึ้น การลงทุนขยายพื้นที่จัดเก็บสินค้า รวมถึงวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการใช้สินค้าเพื่อพิจารณาการลงทุนรองรับความต้องการใช้สินค้าในอนาคต

“เราประเมินว่าในปีนี้ช่องทางห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและตลาดส่งออก ยังคงเป็นพระเอกที่ช่วยผลักดันการเติบโต โดยสินค้ากลุ่มบอร์ด ไม้พื้น ไม้รั้ว จะมีความต้องการใช้เพื่อนำไปก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น  ดังนั้น เรายังคงมุ่งมั่นสร้างตราสินค้าพร้อมทำรายการส่งเสริมการขายและการให้บริการที่ดีจากทีมช่างตราเพชร เพื่อเสริมศักยภาพการทำตลาดให้แข็งแกร่งและรองรับโอกาสจากการฟื้นตัวของตลาดวัสดุก่อสร้าง” นายสาธิต กล่าว

กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร กล่าวว่า จากแผนดำเนินธุรกิจดังกล่าว บริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโต 5% ในปี 2560 โดยในแต่ละช่องทางการขาย ได้แก่ ตลาดส่งออกจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายจาก 17-18% เป็น 18-19% ของรายได้รวม ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่จาก 13% เป็น 14-15% ของรายได้รวม โครงการอสังหาริมทรัพย์จาก 14% เป็น 15% ของรายได้รวม ส่วนร้านค้าตัวแทนจำหน่ายยังคงเป็นช่องทางการขายที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญ โดยจะรักษาสัดส่วนยอดขายไว้ที่กว่า 50% ของรายได้รวม 

ขณะที่ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างคาดว่าจะเห็นการเติบโตประมาณ 5% ปัจจัยมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ที่จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นการลงทุนในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ การขยายตัวของเศรษฐกิจในต่างจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงราคาพืชผลการเกษตรที่เพิ่มขึ้น อาทิ ยางพารา อ้อย ซึ่งล้วนส่งผลดีต่อบรรยากาศการจับจ่ายและกำลังซื้อของผู้บริโภค   

“ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปีนี้ฟื้นตัวได้ดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา เห็นได้จากสัญญาณบวกของร้านค้าตัวแทนรายย่อยที่เริ่มสั่งสินค้าเข้าไปสต๊อกในช่วงฤดูกาลขายสินค้าเพิ่มขึ้น โดยสินค้าของเรามียอดผลิตและสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เช่น หลังคาจตุลอน หลังคาคอนกรีตอดามัส แผ่นบอร์ด ผลิตภัณฑ์กลุ่มไม้สังเคราะห์” นายสาธิต กล่าว   

เกี่ยวกับ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร
บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ “DRT” ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ แผ่นบอร์ด ยิปซัม   อิฐมวลเบา และบริการหลังการขาย ภายใต้ตราสินค้า “ตราเพชร” มีประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจกว่า 31 ปี มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน ISO 9001:2015, OHSAS 18001 : 2007, ISO 14001 : 2004 จากสถาบัน TUV NORD รวมถึงได้รับเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) จากสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ตลอดจนได้รับตราสัญลักษณ์คุณภาพไทยแลนด์หรือ Thailand Trust Mark (TTM) จากสำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการส่งออก  กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพสินค้า ตลอดจนมีการบริหารจัดการภายในโรงงานที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นทางเลือกที่ดีกว่าด้านวัสดุก่อสร้างและบริการ”
« Last Edit: February 16, 2017, 03:20:09 PM by MSN »