news on January 25, 2017, 03:41:01 PM
อีริคสันจัดแสดงนวัตกรรม 5G ครั้งแรกในประเทศไทย

•   การสาธิตแบบถ่ายทอดสดตลอดรายการด้วยเครือข่าย 5G ครั้งแรกในประเทศไทยโดยใช้ระบบทดสอบ 5G ของอีริคสันและแกนการทำงานแบบ Ericsson 5G Ready Core

•   การปล่อยสัญญาณระบบต้นแบบด้วยเทคโนโลยี Multi-user, Multiple Input, Multiple Output (MU-MIMO) และ beam tracking มอบความเร็ว 5.7 กิกะบิตต่อวินาทีและความหน่วงเพียง 0.3 มิลลิวินาที

•   การสาธิตระบบ 5G เป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนอของเทคโนโลยี เพื่อฉลองการดำเนินงานครบรอบปีที่ 111 ของอีริคสันประเทศไทย
























วันนี้ อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) จัดแสดงการสาธิตแบบถ่ายทอดสดตลอดรายการด้วยเครือข่าย 5G ครั้งแรกในประเทศไทย โดยใช้ระบบทดสอบ 5G ของอีริคสันและแกนซีพียูแบบ 5G ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการนำประเทศไทยให้ก้าวสู่วิสัยทัศน์ “ดิจิทัลไทยแลนด์” อย่างแท้จริง

การจัดแสดงเทคโนโลยีครั้งนี้ ถือเป็นการฉลองการดำเนินงานครบรอบปีที่ 111 ของอีริคสันในประเทศไทย โดยการสาธิตระบบ 5G จะมุ่งเน้นที่ความสามารถในด้านต่างๆ จากการใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึงระดับสูงสุดผ่านสัญญาณที่มีความเร็วถึง 5.7 กิกะบิตต่อวินาที โดยมีความหน่วงเพียง 0.3 มิลลิวินาทีเท่านั้น

ความสำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในพันธะสัญญาของอีริคสันต่อประเทศไทยในการมุ่งมั่นนำเสนอเทคโนโลยีและความรู้เชิงลึกแก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเดินหน้าสู่วิสัยทัศน์ “ดิจิทัลไทยแลนด์” ของรัฐบาลไทย

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า “เราคาดหวังให้ทุกแห่งในประเทศไทยสามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ได้ภายในปี ค.ศ. 2018 ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่และอีกมากกว่า 75,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ และด้วยการปรับรูปแบบอินเตอร์เน็ตครั้งนี้ เราได้วางแผนที่จะเปิดตัวสัญญาณแบรนด์วิธ 380 เมกะเฮิร์ทซ์ภายในปี ค.ศ. 2020 เพื่อเสริมประสิทธิภาพของสัญญาณ 420 เมกะเฮิร์ทซ์ที่ใช้อยู่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในปัจจุบัน การเสริมประสิทธิภาพนี้จะช่วยรองรับอุปสงค์ในด้านบริการอินเตอร์เน็ต การบริหารสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อทำให้ประเทศไทยพร้อมก้าวสู่ยุคดิจิทัลไทยแลนด์อย่างเต็มตัว”

ความเร็วของสัญญาณระดับหลายกิกะบิตจากแนวคิดการทดสอบระบบ 5G ของอีริคสัน จะไม่เพียงช่วยส่งเสริมการเติบโตของเครือข่ายบรอดแบรนด์สำหรับโทรศัพท์และการเล่นวีดีโอบนสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์พกพาอื่นๆ เท่านั้น หากยังมอบทางเลือกการเชื่อมต่อเครือข่ายไฟเบอร์ในที่พักอาศัยที่มีความคุ้มค่าและมีแนวโน้มในการเติบโตในอนาคต

ด้วยคุณสมบัติการให้ปริมาณงานที่สูงกว่าและความหน่วงต่ำกว่าของระบบ 5G ทำให้เทคโนโลยีนี้สามารถดึงดูดผู้ใช้งานระบบจำนวนมากให้เข้าสู่การบริหาสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต (Internet of Things: IoT) ซึ่งจะเอื้อให้เกิดแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ สำหรับผู้บริโภค อาทิ แอพพลิเคชั่นความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality: AR) แอพพลิเคชั่นความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality) รถยนต์ที่ควบคุมด้วยปัญญาประดิษฐ์หรือระบบอัตโนมัติ และแอพพลิเคชั่นสำหรับงานอุตสาหกรรม เช่น ยานพาหนะอัจฉริยะและสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานด้านการขนส่ง บริการสุขภาพระยะไกล วิทยาการหุ่นยนต์ (Robotics) และอื่นๆ อีกมากมาย

นาดีน อัลเลน ประธาน บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “สืบเนื่องจากรายงานธุรกิจเรื่องดิจิทัลไทยแลนด์ของอีริคสัน ประเทศไทยถือเป็นผู้นำด้านการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของภูมิภาคนี้ โดยผู้บริโภคชาวไทยมีความล้ำหน้าหรือเทียบเคียงได้กับผู้ใช้งานระดับโลกในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และพร้อมแล้วสำหรับระบบการบริหารสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต”

“นวัตกรรมระบบ 5G ที่นำมาสาธิตในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีทั้งหมด ด้วยความสามารถและองค์ความรู้แบบครบวงจร อีริคสันมีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านระบบในอุตสาหกรรมทุกประเภทและสังคมผู้บริโภค เพื่อวิวัฒน์วิถีชีวิต การทำงาน และการติดต่อสื่อสารระหว่างกันของผู้คนในประเทศไทย”
ระบบทดสอบ 5G ของอีริคสันใช้เทคโนโลยี Multi-user, Multiple Input, Multiple Output (MU-MIMO) เพื่อเพิ่มปริมาณงานในการเชื่อมต่อข้อมูล รวมถึงยังใช้ระบบ Beam-tracking ซึ่งใช้แถบคลื่นความถี่ในระดับมิลลิเมตรเพื่อการันตีประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนไปใช้ระบบนี้

นวัตกรรมอื่นๆ ที่นำมาสาธิตในครั้งนี้ ได้แก่ อีริคสัน แอร์ 6468 (Ericsson AIR 6468) วิทยุแบบ NR Radio ระบบ 5G ครั้งแรกของโลกที่ใช้ตัวส่งสัญญาณ 64 ตัวและเสาอากาศ 64 เสา และการถ่ายทอดสดการสาธิตตลอดรายการแบบความหน่วงต่ำ (นับแต่เวลาที่วีดีโอเริ่มจับภาพที่เซิร์ฟเวอร์ไปจนจบเวลาที่แสดงผลบนจอของอุปกรณ์) ด้วยระบบ 5G นอกจากนี้จะมีการนำเสนอแกนการทำงาน Ericsson 5G Ready Core ผ่านการสาธิตหุ่นยนต์ที่สามารถทรงตัวอย่างสมดุลได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงประสิทธิภาพการบูรณาการที่ยอดเยี่ยมระหว่างหุ่นยนต์และระบบคลาวด์ ด้วยความสามารถในการสร้างระบบหนึ่งขึ้นได้จากองค์ประกอบอิสระ ซึ่งครอบคลุมถึงตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับและหัวฉีด นอกจากนี้ ในช่วงระยะเวลาสามวันของการจัดงาน อีริคสันจะสาธิตความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทั้งในด้านวิวัฒนาการเครือข่ายวิทยุ (Radio Network Evolution) เครือข่ายคลาวด์ในงานอุตสาหกรรม (Industrialized Cloud) อุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงถึงกัน (Connected Industries) และ โซลูชั่นพื่อธุรกิจระบบดิจิทัล (Digital Business Solutions)

ปี ค.ศ. 2017 ถือเป็นปีที่ 111 ที่อีริคสันดำเนินงานในประเทศไทย โดยอีริคสันเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือระบบ 1G 2G และ 3G ในประเทศและยังให้บริการระบบ 4G เพื่อมอบประสบการณ์การใช้โทรศัพท์มือถือที่เหนือกว่าแก่ผู้บริโภคชาวไทย

อีริคสันคือแรงขับเคลื่อนเบื้องหลังสังคมที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ถือเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและบริการด้านการสื่อสาร ด้วยความสัมพันธ์ระยะยาวของเรากับผู้ดำเนินธุรกิจโทรคมนาคมรายใหญ่ของโลกทั้งหมด จึงช่วยให้ผู้คน ธุรกิจ และสังคม สามารถเข้าถึงศักยภาพสูงสุดและสรรค์สร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน

บริการ ซอฟต์แวร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานของเรา โดยเฉพาะอุปกรณ์เคลื่อนที่ บรอดแบรนด์ และคลาวด์ ช่วยให้อุตสาหกรรมโทรคมนาคมและภาคธุรกิจอื่นๆ สามารถดำเนินธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ ยกระดับประสบการณ์การใช้งาน และนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ

ด้วยผู้เชี่ยวชาญกว่า 115,000 คน และผู้บริโภคใน 180 ประเทศทั่วโลก เราเชื่อมโยงโลกทั้งใบด้วยความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและบริการ เราให้การสนับสนุนเครือข่ายที่เชื่อมโยงผู้ลงทะเบียนมากกว่า 2.5 พันล้านคน โดยกว่าร้อยละ 40 ของปริมาณการรับส่งข้อมูลของอุปกรณ์เคลื่อนที่ทั่วโลกทำงานอยู่บนเครือข่ายของอีริคสัน เรายังลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อรับรองว่าโซลูชั่นและผู้บริโภคของเราจะอยู่บนแถวหน้าในด้านเทคโนโลยีเสมอ

อีริคสันก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1876 มีสำนักงานใหญ่ที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน โดยในปี ค.ศ. 2015 มีรายรับสุทธิที่ 246.9 พันล้านโครนสวีเดน (29.4 พันล้านดอลลาร์) บริษัทได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ OMX ในกรุงสต็อกโฮล์ม และ NASDAQ ในนครนิวยอร์ก
www.ericsson.com 
www.ericsson.com/news
www.twitter.com/ericssonpress
www.facebook.com/ericsson
www.youtube.com/ericsson
« Last Edit: January 30, 2017, 08:53:09 AM by news »

news on January 26, 2017, 02:30:04 PM
Ericsson first to showcase 5G in Thailand

•   First live 5G end-to-end demonstration in Thailand using Ericsson’s 5G testbed and 5G ready core

•   Multi-user, Multiple Input, Multiple Output (MU-MIMO) and beam tracking used in the 5G testbed delivers 5.7Gbps throughput and 3ms latency

•   5G demonstration held as part of three-day technology showcase marking Ericsson Thailand’s 111 years in the country
























Today, Ericsson (NASDAQ: ERIC) has performed the first live 5G end-to-end demonstration in Thailand using its 5G testbed and 5G ready core, bringing the country one step closer to realizing the Digital Thailand vision.

At a three-day showcase event marking Ericsson’s 111 years in Thailand, the 5G live demonstration highlighted some of the capabilities offered by the new technology, achieving a peak throughput of 5.7Gbps and latency as low as 3ms.

This milestone is part of Ericsson’s ongoing commitment in Thailand to constantly introduce the latest technology and insights to Thai consumers and enterprise customers, supporting the Thai government’s vision of a Digital Thailand.

Takorn Tantasith, Secretary General of the National Broadcasting and Telecommunications Commission (NBTC), Thailand, says: “We expect to have broadband connectivity everywhere in Thailand, both big cities and over 75,000 villages nationwide by 2018. Along with the fixed internet deployment, we plan to release more spectrum bandwidth of 380 MHz by 2020, which will add to the existing 420 MHz already allocated to the telecommunications industry. This will handle the rising demand for online services, IoT and innovative applications as the country transforms into a Digital Thailand.”

The multi-Gbps speeds delivered by the technology in the Ericsson 5G testbed can support not only growing mobile broadband and video demand on smartphones and other mobile devices, but also provide a viable and cost effective alternative to residential fiber connections.

As 5G offers greater throughput and lower latency, it will bring more use cases to the Internet of Things (IoT), allowing new applications for consumers like Augmented Reality, Virtual Reality, autonomous/AI-controlled cars; and industry applications like smart vehicles and transport infrastructure, remote healthcare, robotics and many more.

Nadine Allen, Head of Ericsson Thailand, says: “According to Ericsson’s Digital Thailand report, Thailand is a leading nation in ICT adoption in the region. Thai consumers are ahead of, or on par with, global peers when it comes to embracing ICT and are ready for the Internet of Things.

“The 5G innovation demonstrated today is just one part of the whole technology experience. With our end-to-end capabilities and knowledge, Ericsson is committed to leading transformation across industries and society, revolutionizing the way Thai people live, work and communicate with each other.”

The Ericsson 5G testbed uses Multi-user, Multiple Input, Multiple Output (MU-MIMO) to increase downlink throughput. It also uses beam tracking, which is required in millimeter wave bands to ensure high performance and reliability for users as they move through the network.

Other 5G innovations presented in the showcase include Ericsson AIR 6468 - the industry’s first 5G NR radio with 64 transmit and 64 receive antennas; and the demonstration of end-to-end (from the time the video is captured at the server end to the time it is displayed at the device) low latency live video streaming over 5G.

The Ericsson 5G Ready core is also on display through a self-balancing robot demonstration that highlights the tight integration between the robot and the cloud, with the capability to form one system from the independent components, including sensors and actuators. Ericsson is also demonstrating its latest technology advancements in Radio Network Evolution, Industrialized Cloud, Connected Industries and Digital Business Solutions.

2017 marks 111 years of Ericsson in Thailand. Ericsson pioneered 1G, 2G and 3G mobile technology in the country and has been rolling out 4G with Thai customers to deliver an enhanced mobile broadband experience to consumers in the country.

Ericsson is the driving force behind the Networked Society – a world leader in communications technology and services. Our long-term relationships with every major telecom operator in the world allow people, business and society to fulfill their potential and create a more sustainable future.

Our services, software and infrastructure – especially in mobility, broadband and the cloud – are enabling the telecom industry and other sectors to do better business, increase efficiency, improve the user experience and capture new opportunities.

With approximately 115,000 professionals and customers in 180 countries, we combine global scale with technology and services leadership. We support networks that connect more than 2.5 billion subscribers. Forty percent of the world’s mobile traffic is carried over Ericsson networks. And our investments in research and development ensure that our solutions – and our customers – stay in front.
Founded in 1876, Ericsson has its headquarters in Stockholm, Sweden. Net sales in 2015 were SEK 246.9 billion (USD 29.4 billion). Ericsson is listed on NASDAQ OMX stock exchange in Stockholm and the NASDAQ in New York.

www.ericsson.com 
www.ericsson.com/news
www.twitter.com/ericssonpress
www.facebook.com/ericsson
www.youtube.com/ericsson
« Last Edit: January 26, 2017, 02:45:05 PM by news »

news on January 26, 2017, 02:31:15 PM
กลไกขับเคลื่อนรูปแบบใหม่เพื่อการเติบโตในสังคมเครือข่ายดิจิทัล

พลิกการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาส เสริมศักยภาพสู่การเติบโตในประเทศไทยในยุคดิจิทัล

จากรายงานข้อมูลทางธุรกิจ Ericsson Mobility Report ของอีริคสัน ทำให้เราทราบว่าเทคโนโลยี 5G กำลังมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและจะมีการลงทะเบียนใช้งานมากกว่า 500 ล้านครั้งทั่วโลกภายในปี ค.ศ. 2022 ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ ในอนาคตทั้งสำหรับผู้คนทั่วไป นักธุรกิจ และสังคมโดยรวม


เทคโนโลยี 5G คือพื้นฐานของการสร้างศักยภาพสูงสุดของสังคมที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ซึ่งเครือข่าย 5G นี้จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรุกสู่ตลาดและสร้างรายรับรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยผ่านการใช้โมเดลธุรกิจและผู้ใช้งานระบบรูปแบบใหม่ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงแอพพลิเคชั่นการบริหารสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต (Internet of Things: IoT) โดยความสามารถในการทำงานของเทคโนโลยี 5G นั้นครอบคลุมคุณสมบัติหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความยืดหยุ่นในการทำงานอันยอดเยี่ยม การใช้พลังงานน้อยกว่า สมรรถนะการทำงานสูงขึ้น เสริมสร้างสมรถภาพด้านความปลอดภัย และอัตราการใช้ข้อมูล ทั้งยังมีความหน่วงสัญญาณและต้นทุนอุปกรณ์ที่ต่ำลง

เครือข่ายโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกๆ (1G) จะทำงานเฉพาะเรื่องเสียงเท่านั้น เครือข่ายรุ่น 2G ทำงานกับเสียงและข้อความ เครือข่าย 3G คือเสียง ข้อความ และข้อมูล ส่วนเครือข่าย 4G ทำงานเหมือนกับ 3G ทุกประการแต่เร็วกว่า หากสำหรับเครือข่าย 5G นั้น จะเป็นสิ่งที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่เราจะได้รับจากเครือข่าย 5G
•   อัตราความเร็วของการส่งผ่านข้อมูลที่เพิ่มขึ้นถึง 100 เท่า: มีการเข้าถึงบริการและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
•   ความรวดเร็วของการตอบสนองในการใช้งานบนเครือข่ายเพิ่มขึ้น 5 เท่า: เช่น กรณีการใช้งานของระบบการขนส่งอัจฉริยะและระบบควบคุมเครื่องจักรจากระยะไกล
•   ปริมาณข้อมูลที่ส่งผ่านบนโทรศัพท์มือถือขยายถึง 1,000 เท่า
•   ความสามารถของการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นได้ในระยะเวลายาวนานเพิ่มขึ้น 10 เท่า: โดยเฉพาะอุปกรณ์เก็บข้อมูลระยะไกล (Remote Sensor) ที่ต้องทำงานด้วยระบบแบตเตอรี่และเครือข่ายที่ยากต่อการดูแลรักษา (Sustainable Networks)   

การเปลี่ยนเข้าสู่เครือข่าย 5G มีวิวัฒนาการเช่นเดียวกับการเปลี่ยนจากเครือข่าย 2G ไปสู่ 3G แต่การเปลี่ยนเข้าสู่เครือข่าย 5G จะมีการเพิ่มองค์ประกอบใหม่อีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ อินเตอร์เน็ตเชิงอุตสาหกรรม และเช่นเดียวกับการเปลี่ยนเข้าสู่เครือข่าย 4G โดยในเครือข่าย 5G จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือล้ำกว่ามากเมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน แล้วยังมีสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากนั้นด้วยคือในเครือข่าย 5G เราจะได้เห็นการเชื่อมต่อเสมือนเป็นบริการบนพื้นฐานของเครือข่ายแยกส่วน โดย 5G จะช่วยให้เราสามารถทำธุรกรรมซื้อขายได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดียิ่งขึ้นในการใช้อุปกรณ์เพื่อการบริหารสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต (IoT) โดยสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ประโยชน์เหล่านี้จะนำมาซึ่งโอกาสของผู้ใช้งานระบบรูปแบบใหม่ที่เราไม่คาดฝัน รวมถึงการเข้าถึงตลาดใหม่ และการใช้โมเดลธุรกิจใหม่หมดตั้งแต่องค์ประกอบพื้นฐาน

สิ่งที่ผู้บริโภคสามารถคาดหวังได้จากเทคโนโลยี 5G
การเข้าถึงบรอดแบรนด์และสื่อได้ในทุกสถานที่

ด้วยเทคโนโลยี 5G ผู้ใช้งานจะได้สัมผัสประสบการณ์การเข้าถึงเครือข่ายบรอดแบรนด์ได้ในพื้นที่ๆ มีผู้คนหนาแน่น อาทิ งานคอนเสิร์ต รายการกีฬา และเทศกาลต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาในเรื่องความจุ อินเตอร์เฟซ และความเชื่อถือได้ในการทำงานของอุปกรณ์ ผู้ใช้งานเครือข่าย 5G ยังจะได้เพลิดเพลินกับภาพยนตร์ความละเอียดระดับ 4K ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ภายในไม่กี่วินาทีโดยไม่ต้องเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi ในขณะที่การชมรายการโทรทัศน์และรายการกีฬาถ่ายทอดสดจะกลายเป็นประสบการณ์การรับชมที่ดื่มด่ำและสมจริงราวกับคุณกำลังอยู่ในเหตุการณ์จริง สำหรับผู้บริโภคทั่วไป เครือข่าย 5G จะขยายประสบการณ์การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทั้งภายในและภายนอกอาคารให้ถึงขีดสุด และนำเสนอบรอดแบรนด์ที่มีการบริหารเครือข่ายคุณภาพสูงแม้เครือข่ายจะอยู่ภายใต้สภาวะที่ยากต่อการทำงานเพียงใดก็ตาม   

ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรอุปกรณ์
ประสิทธิภาพการทำงานระดับสูงของเครือข่าย 5G จะทำให้เราสามารถเข้าถึงการบริหารสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต (IoT) ได้มากยิ่งขึ้น โดยผ่านการปรับปรุงด้านการรับรู้ต่อเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของผู้คน

การควบคุมอุปกรณ์ที่เสี่ยงต่ออันตราย
เครือข่าย 5G จะทำให้เราสามารถควบคุมเครื่องจักรขนาดใหญ่จากระยะไกลได้ ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ อีกมากมาย อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและลดต้นทุนหรือความเสี่ยงในการปฏิบัติงานในสภาวะที่เสี่ยงอันตราย

เครือข่ายการตรวจจับ
เทคโนโลยี 5G จะขยายโอกาสทางธุรกิจและโมเดลธุรกิจผ่านกระบวนการตรวจจับ การติดตาม และความสามารถในการทำงานแบบอัตโนมัติในงานขนาดใหญ่ ด้วยการเชื่อมโยงพื้นที่เพาะปลูกและเกษตรกรรมสู่เมืองและอาคารอัจฉริยะ ทำให้เทคโนโลยี 5G สามารถลดต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพ และส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ในรูปแบบที่น่าอัศจรรย์
 
ยานพาหนะและการขนส่งระบบอัจฉริยะ
การเคลื่อนเข้าสู่ยุค 5G จะนำไปสู่การสื่อสารระหว่างเครื่องจักรจำนวนมหาศาล ซึ่งจะช่วยให้เมืองต่างๆ อีกทั้งระบบขนส่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เกิดการรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อยกระดับการบำรุงรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น

บริการสำคัญและการควบคุมสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
ความเชื่อถือได้ในระดับสูงและความหน่วงที่ต่ำ (Low Latency) ของเทคโนโลยี 5G จะช่วยปลดล็อคความสามารถในการควบคุมบริการที่มีความสำคัญและสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน อันจะก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ต่อความปลอดภัยสาธารณะ รัฐบาล การบริหารจัดการเมือง และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค

ความสำคัญของเครือข่าย 5G ต่อผู้ดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
สืบเนื่องจากรายงานธุรกิจเมื่อเร็วๆ นี้ของอีริคสัน "Opportunities in 5G: The view from eight industries" ระบุว่า
●   ร้อยละ 92 ของผู้บริหารจากผู้ดำเนินธุรกิจโทรคมนาคม 100 ราย เห็นพ้องว่า เครือข่าย 5G จะปูทางสู่การอุบัติของเทคโนโลยีรูปแบบใหม่อีกมากมาย
●   ร้อยละ 94 ของผู้บริหารจาก 8 อุสาหกรรมหลัก จัดอันดับให้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดในเชิงกลยุทธ์
●   มากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ดำเนินธุรกิจโทรคมนาคมที่ประกาศแผน 5G เลือกทำงานกับอีริคสันมากกว่าผู้ให้บริการรายอื่น
อีริคสันทำให้นวัตกรรม 5G กลายเป็นความจริง ด้วยการวางระบบนิเวศ 5G ระดับโลกที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับการสร้างความเจริญเติบโตที่รวดเร็ว การนำนวัตกรรมที่ทำงานบนระบบ 5G ที่ดีที่สุดสู่โลกแห่งความเป็นจริง และการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การทำงานในยุค 5G อย่างประสบความสำเร็จ

ปัจจุบัน อีริคสันมีข้อตกลงความร่วมมือกับผู้ดำเนินธุรกิจโทรคมนาคม 27 ฉบับ พันธมิตรอุตสาหกรรม 12 ราย พันธมิตรกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 5G มากกว่า 20 แห่งทั่วโลก ซึ่งถือว่าอีริคสันมีพันธมิตรในธุรกิจ 5G มากกว่าผู้ให้บริการรายอื่นๆ และมีหุ้นส่วนพันธมิตรกับอุตสาหกรรมรายใหญ่ทั้งกับ ABB, SKF, Boliden, Volvo, Zucchetti, BMW และอีกมากมาย
 
การสาธิตเทคโนโลยี 5G
ระบบทดสอบ 5G ของอีริคสัน

แนวคิดระบบทดสอบ 5G ของอีริคสัน ได้รับการออกแบบเพื่อสนับสนุนการทดลองใช้งานเต็มรูปแบบและไม่ใช่การสาธิตในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ทั้งยังรวมถึงการสนับสนุนการทำงานต่างๆ บนระบบ 5G อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณแบบ Beamforming และการติดตามสัญญาณ, เทคนิค Multi-user MIMO, การส่งผ่านสัญญาณแบบหลายพื้นที่, เทคโนโลยีแบบ Ultra-lean design, dynamic TDD และอื่นๆ โดยแนวคิดนี้ครอบคลุมการทำงานทั้งหมด ตัวอย่างเช่น สัญญาณอ้างอิงและรายงานผลตอบรับ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทดลองใช้งานก่อนนำไปใช้จริงในเชิงพาณิชย์ แผนงานนี้จะช่วยให้ระบบการปฏิบัติงาน 5G ในช่วงก่อนใช้ในเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบครั้งแรกนี้ มีความพร้อมสำหรับการทดลองใช้งานทั้งสำหรับผู้บริโภคและหุ้นส่วนทั่วโลก

วีดีโอความหน่วงต่ำ(Low Latency) เพื่อการสาธิตระบบ 5G
วีดีโอจะแสดงให้เห็นถึงความหน่วงต่ำของระบบ 5G เพื่อการสนับสนุนวีดีโอแบบเรียลไทม์เกือบทุกรูปแบบ โดยบอกเล่าเรื่องราวการประยุกต์ใช้สำหรับควบคุมอุปกรณ์ระยะไกลของผู้บริโภค รวมถึงการใช้งานในวิสาหกิจต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันการสาธิตนี้ทำได้โดยการเชื่อมต่อผ่านสายสัญญาณเท่านั้นและใช้เฉพาะในวงการแพทย์ การเฝ้าระวังด้านความปลอดภัย และเครื่องจักรหนัก แต่ในวันนี้สามารถทำได้แบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี 5G

อีริคสัน แอร์ 6468 – วิทยุแบบ NR Radio ระบบ 5G ครั้งแรกของโลก
อีริคสัน แอร์ 6468 (Ericsson AIR 6468) ใช้ตัวส่งสัญญาณ 64 ตัวและเสาอากาศ 64 เสา ซึ่งสนับสนุนปลั๊กอินส์ระบบ 5G ทั้งสำหรับเทคโนโลยี Massive MIMO และ Multi-User MIMO โดยจะช่วยให้เทคนิคสัญญาณ Beamforming ประสิทธิภาพสูงซึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยี Massive MIMO สามารถทำงานได้โดยอาศัยสถาปัตยกรรม Cloud RAN แบบแยกส่วน ทำให้ระบบวิทยุรุ่นใหม่นี้มีความฉลาดและมีความสามารถในการลดหรือขยายขอบเขตได้ตามต้องการ อีริคสัน แอร์ 6468 ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานได้บนมาตรฐาน 5G NR และยังสนับสนุนคลื่นระบบ LTE ด้วยเช่นกัน

ดูรายละเอียดของอีริคสัน แอร์ 6468 ได้ที่เว็บไซต์ https://www.ericsson.com/networks/offerings/5g-radio
« Last Edit: January 26, 2017, 02:35:26 PM by news »

news on January 26, 2017, 02:32:25 PM
The innovation engine for growth in the Networked Society Let’s Turn Change into Growth, Realizing a Digital Thailand

According to Ericsson’s latest Ericsson Mobility Report, 5G technology is developing rapidly and will reach over half a billion subscriptions globally by 2022. This will create extraordinary new opportunities in the near future for people, business and society.

5G is the foundation for realizing the full potential of the Networked Society. 5G will enable organizations to move into new markets and build new revenue streams with radically new business models and use cases, including Internet of Things (IoT) applications. The new capabilities of 5G span across several dimensions, including tremendous flexibility, lower energy requirements, greater capacity, bandwidth, security, reliability and data rates, as well as lower latency and device costs.

The first generation mobile network (1G) was all about voice. 2G was about voice + texting. 3G was about voice + texting + data. 4G was everything in 3G but faster. 5G will be something totally different.

It will deliver:
●   Up to 100 times faster data rates: instant access to services and applications
●   Network latency lowered by a factor of five:use cases in areas such as intelligent transport and remote machinery
●   Mobile data volumes expanded by a factor of 1,000
●   Ten times better battery life: remote sensors and more sustainable networks

Like the transitions to 2G and 3G, the move to 5G will add a new element: the industrial internet. And like the transition to 4G, it will be much higher performance than the previous generation. But it will be much more than that. With 5G, we’ll see connectivity-as-a-service based on network slicing. 5G will enable more secure transactions and the energy efficiency to deploy IoT devices with a battery life that is 10X longer than today. All this will create opportunities for new use cases that we haven’t yet dreamed of, new markets, and radically new business models.

What consumers should expect from 5G:
Broadband and Media Everywhere
With 5G, users will experience broadband access in crowded areas like concerts, sporting events and festivals, alleviating issues with capacity, interference and reliability. 5G customers will also enjoy 4K movies downloaded in just seconds without a wifi connection, while live TV broadcasts and sporting events will become immersive viewing experiences, as if you were at the event in real-life. For customers, 5G will also maximize their experience in both indoor and outdoor connectivity and offer high QoS broadband even in challenging network conditions.
 
Human machine interaction
The high performance of 5G networks will make the Internet of Things (IoT) more accessible to humans by enhancing the awareness of the context in which people live.

Critical control of remote devices
A 5G network allows for remote control of heavy machinery. This opens the way for new possibilities such as increased efficiency and reduced cost or risk reduction in hazardous environments.

Sensors networks
5G technology will expand business opportunities and business models through monitoring, tracking and automation capabilities on a large scale. From connected farms and agriculture to smart cities and buildings, 5G technology reduces costs, improves efficiency and provides real-time data in amazing new ways.

Smart vehicles and transport
The movement towards 5G means massive Machine Type Communications (mMTC) will allow cities, transportation and infrastructure to transmit real-time data for improved maintenance and greater operational efficiency.

Critical services and infrastructure control
The high reliability and low latency of 5G unlocks the ability to control critical services and infrastructure. This creates new opportunities for public safety, government, city management and utility companies.

The importance of 5G to telecom operators and industries:
According to Ericsson’s recent report "Opportunities in 5G: The view from eight industries":
●   92 percent of executives from 100 telecom operators agree that 5G paves the way for the emergence of new technologies.
●   94 percent of executives from 8 major industries rate next-generation mobile networks as a top strategic priority.
●   More than 80 percent of operators who have announced 5G plans have chosen to work with Ericsson, more than any other vendor.
Ericsson is making 5G innovation a reality, with the strongest global 5G ecosystem to enable rapid growth, leading innovation with the best 5G platforms for the real world, and transforming to 5G successfully.

Globally Ericsson has 27 operator MoUs, 12 industry partners, more than 20 universities and research institutes partnerships in 5G. Ericsson has more operator partnerships in 5G than any other vendor, and large industry partnerships with ABB, SKF, Boliden, Volvo, Zucchetti, BMW, and many more.

5G demonstrations:
Ericsson 5G testbed
Ericsson 5G testbed concept is designed to support full trials and not only lab demos and includes inherent support for important 5G features such as beam forming and tracking, multi-user MIMO, multi-site transmission, ultra-lean design, dynamic TDD etc. The concept includes all functionality, e.g. reference signals and feedback reports, needed for pre-commercial trials. This enables the world’s first 5G pre-commercial system ready for trials with customers and partners around the globe.

Low latency Video to demo 5G
This demo shows the low latency of 5G to support almost real time video, telling the story of how this can be used for consumer remote control as well as for enterprise uses. Currently this can be done with only wired connection and used in medical, surveillance, heavy machinery, but this can now be extended wirelessly with 5G.

Ericsson AIR 6468 - World’s First 5G NR Radio
The Ericsson AIR 6468 features 64 transmit and 64 receive antennas enabling it to support our 5G plug-ins for both Massive MIMO and Multi-User MIMO. The high-performance beamforming, required for Massive MIMO, is enabled through the use of a split Cloud RAN architecture, which brings the required intelligence and scalability to this new radio. The AIR 6468 is designed for compatibility with the 5G NR standard while also supporting LTE.

More information on Ericsson’s AIR 6468: https://www.ericsson.com/networks/offerings/5g-radio
« Last Edit: January 26, 2017, 02:35:46 PM by news »

news on January 26, 2017, 02:33:03 PM


นาดีน อัลเลน

ประธาน บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด
(ตั้งแต่ สิงหาคม 2559)

นาดีน อัลเลน มีประสบการณ์ในบทบาทที่หลากหลายในอุตสาหกรรมไอซีที หรือเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับโลก มากว่า 20 ปี รวมถึงได้รับตำแหน่งผู้บริหารที่อีริคสัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549

เธอเข้ารับตำแหน่งประธาน บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2559 ซึ่งรับผิดชอบในส่วนของบริหารธุรกิจโดยรวมของอีริคสัน ประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ เธอเป็นรองประธานฝ่ายลูกค้าอุตสาหกรรมและสังคม อีริคสัน ยุโรปกลางและตะว้นตก รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินธุรกิจของอีริคสันอุตสาหกรรมรถยนต์ พลังงาน และระบบการขนส่งอัจฉริยะ ความปลอดภัยสาธารณะและการขนส่งสินค้าทางเรือ ใน 16 ประเทศของยุโรปตอนกลางและตะวันตก นอกจากนี้เธอยังมีประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษาการบริหารการให้บริการและกลุ่มธุรกิจภายนอกของอีริคสัน เป็นเวลา 2 ปี
 
ก่อนหน้าที่จะมาร่วมงานกับอีริคสัน นาดีนเคยเป็นรองประธานและผู้จัดการลูกค้าของบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ในสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะ EE (บริษัทให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร) และ MBNL (บริษัทร่วมกันระหว่าง EE และ3UK) มากว่า 6 ปี นาดีนยังมีประสบการณ์ในตำแน่งงานขายและการตลาดที่ Marconi PLC และ ซึ่งรับผิดชอบในส่วนของการกำหนดทิศทางกลยุทธ์และการปฏิบัติการฝ่ายธุรกิจ เป็นหัวหน้าฝ่ายธุรกิจระดับโลกของ Marconi สำหรับการบริหารเครือข่ายและระบบสนับสนุนการปฎิบัติการ
« Last Edit: January 26, 2017, 02:38:23 PM by news »

news on January 26, 2017, 02:33:49 PM


Mrs. Nadine Allen

President and Head of Ericsson Thailand

(Since August 2016)

Nadine Allen has held a variety of roles in the global ICT (information and communications technology) market for the past 20 years including executive positions with Ericsson since 2006.

Since August 1, 2016, she is the President and Head of Ericsson Thailand where she is responsible for managing Ericsson’s overall business in Thailand.

Previously, she was the Vice President of Ericsson’s Industry & Society Customer Unit, in Western Central Europe. In this role she was responsible for running Ericsson’s business with vertical industries in Automotive, Energy, Intelligent Transport Systems, Public Safety and Shipping Maritime, in 16 countries across Western Central Europe. Mrs Allen also gained experience as a consultant to Ericsson’s Managed Services and outsourcing business group for two years.

Before joining Ericsson, she was Vice President and Key Account Manager with Mobile Network Operators in the UK, particularly EE (the UK’s largest mobile operator) and MBNL (the joint venture between EE and 3UK) for over six years. Mrs Allen also held a variety of sales and marketing positions with Marconi PLC and was responsible for the strategic direction and operational performance of the business unit as the Head of Marconi’s Global Business Unit for Network Management and Operations Support Systems.
« Last Edit: January 26, 2017, 02:38:34 PM by news »

news on January 30, 2017, 08:54:19 AM
ภาพข่าว: อีริคสัน ประเทศไทย ครบรอบ 111 ปี จัดแสดงนิทรรศการเทคโนโลยี 5G ครั้งแรกในประเทศไทย

          อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองครบรอบ 111 ปีดำเนินธุรกิจในประเทศไทย จัดนิทรรศการเทคโนโลยี 5G แสดงการสาธิตแบบถ่ายทอดสดตลอดรายการด้วยเครือข่าย 5G ครั้งแรกในประเทศไทย โดยใช้ระบบทดสอบ 5G ของอีริคสันและแกนซีพียูแบบ 5G ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการนำประเทศไทยให้ก้าวสู่วิสัยทัศน์ "ดิจิทัลไทยแลนด์" อย่างแท้จริง โดยการสาธิตระบบ 5G จะมุ่งเน้นที่ความสามารถในด้านต่างๆ จากการใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ความสำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในพันธะสัญญาของอีริคสันต่อประเทศไทยในการมุ่งมั่นนำเสนอเทคโนโลยีและความรู้เชิงลึกแก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเดินหน้าสู่วิสัยทัศน์ "ดิจิทัลไทยแลนด์" ของรัฐบาลไทย


          ในภาพ (จากซ้าย):
          1. นางลินดา ลินด์เบิร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าเน็ตเวิร์ค อีริคสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
          2. มร. แซม ซาบา ประธานบริษัท อีริคสัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย
          3. นางนาดีน อัลเลน ประธาน บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด
          4. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
          5. นางชาร์ลอตต้า ชลิทเตอร์ อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานทูตสเปนประจำประเทศไทย
          6. นายสมชาย ธรรมศิริทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและขาย บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด
          7. ดร.แมคนัส เอฟเวอร์บริง ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี อีริคสัน เอเชียแปซิฟิค

news on January 30, 2017, 09:04:55 AM
Photo Release: Ericsson demonstrates 5G for the first time in Thailand as part of 111th anniversary

          Presentation of 5G and innovative technology use cases: To celebrate its 111th-year of working in Thailand, Ericsson hosted a unique technology showcase event that included the first live 5G end-to-end demonstration in Thailand. To illustrate the many possibilities 5G will bring, the event's VIP guests were given exclusive access to explore the specially set up 5G demonstration area, where live 5G use cases were shown for the first time in Thailand. As 5G offers greater throughput and lower latency, it will bring more use cases to the Internet of Things (IoT), allowing new applications for consumers like Augmented Reality, Virtual Reality, autonomous/AI-controlled cars; and industry applications like smart vehicles and transport infrastructure, remote healthcare, robotics and more. This milestone was part of Ericsson's ongoing commitment in Thailand to constantly introduce the latest technology and insights to Thai consumers and enterprise customers, supporting the Thai government's vision of a Digital Thailand. In addition to the demonstration of 5G, Ericsson showed technology advancements in Radio Network Evolution, Industrialized Cloud, Connected Industries and Digital Business Solutions.


Photo shows (from left):
1. Ms. Linda Lindberg, VP and Head of Network Products Ericsson South East Asia and Oceania
2. Mr. Sam Saba, President and Head of Ericsson South East Asia and Oceania
3. Ms. Nadine Allen, President and Head of Ericsson Thailand
4. Mr. Takorn Tantasith, Secretary-General National Broadcasting and Telecommunications Commission (NBTC)
5. Ms. Charlotta Schlyter, Deputy Head of Mission and Minister Counsellor at the Embassy of Sweden
6. Mr. Somchai Thamsirisup, Vice President, Sales, Ericsson Thailand
7. Dr. Magnus Ewerbring, Chief Technology Officer, Ericsson Asia Pacific