happy on January 26, 2017, 08:58:37 PM
อีริคสันจัดแสดงนวัตกรรม 5G ครั้งแรกในประเทศไทย

•   การสาธิตแบบถ่ายทอดสดตลอดรายการด้วยเครือข่าย 5G ครั้งแรกในประเทศไทยโดยใช้ระบบทดสอบ 5G ของอีริคสันและแกนการทำงานแบบ Ericsson 5G Ready Core
•   การปล่อยสัญญาณระบบต้นแบบด้วยเทคโนโลยี Multi-user, Multiple Input, Multiple Output (MU-MIMO) และ beam tracking มอบความเร็ว 5.7 กิกะบิตต่อวินาทีและความหน่วงเพียง 0.3 มิลลิวินาที
•   การสาธิตระบบ 5G เป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนอของเทคโนโลยี เพื่อฉลองการดำเนินงานครบรอบปีที่ 111 ของอีริคสันประเทศไทย



วันนี้ อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) จัดแสดงการสาธิตแบบถ่ายทอดสดตลอดรายการด้วยเครือข่าย 5G ครั้งแรกในประเทศไทย โดยใช้ระบบทดสอบ 5G ของอีริคสันและแกนซีพียูแบบ 5G ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการนำประเทศไทยให้ก้าวสู่วิสัยทัศน์ “ดิจิทัลไทยแลนด์” อย่างแท้จริง

การจัดแสดงเทคโนโลยีครั้งนี้ ถือเป็นการฉลองการดำเนินงานครบรอบปีที่ 111 ของอีริคสันในประเทศไทย โดยการสาธิตระบบ 5G จะมุ่งเน้นที่ความสามารถในด้านต่างๆ จากการใช้เทคโนโลยีรูปแบบใหม่ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึงระดับสูงสุดผ่านสัญญาณที่มีความเร็วถึง 5.7 กิกะบิตต่อวินาที โดยมีความหน่วงเพียง 0.3 มิลลิวินาทีเท่านั้น

ความสำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในพันธะสัญญาของอีริคสันต่อประเทศไทยในการมุ่งมั่นนำเสนอเทคโนโลยีและความรู้เชิงลึกแก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเดินหน้าสู่วิสัยทัศน์ “ดิจิทัลไทยแลนด์” ของรัฐบาลไทย



นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า “เราคาดหวังให้ทุกแห่งในประเทศไทยสามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ได้ภายในปี ค.ศ. 2018 ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่และอีกมากกว่า 75,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ และด้วยการปรับรูปแบบอินเตอร์เน็ตครั้งนี้ เราได้วางแผนที่จะเปิดตัวสัญญาณแบรนด์วิธ 380 เมกะเฮิร์ทซ์ภายในปี ค.ศ. 2020 เพื่อเสริมประสิทธิภาพของสัญญาณ 420 เมกะเฮิร์ทซ์ที่ใช้อยู่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในปัจจุบัน การเสริมประสิทธิภาพนี้จะช่วยรองรับอุปสงค์ในด้านบริการอินเตอร์เน็ต การบริหารสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อทำให้ประเทศไทยพร้อมก้าวสู่ยุคดิจิทัลไทยแลนด์อย่างเต็มตัว”

ความเร็วของสัญญาณระดับหลายกิกะบิตจากแนวคิดการทดสอบระบบ 5G ของอีริคสัน จะไม่เพียงช่วยส่งเสริมการเติบโตของเครือข่ายบรอดแบรนด์สำหรับโทรศัพท์และการเล่นวีดีโอบนสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์พกพาอื่นๆ เท่านั้น หากยังมอบทางเลือกการเชื่อมต่อเครือข่ายไฟเบอร์ในที่พักอาศัยที่มีความคุ้มค่าและมีแนวโน้มในการเติบโตในอนาคต

ด้วยคุณสมบัติการให้ปริมาณงานที่สูงกว่าและความหน่วงต่ำกว่าของระบบ 5G ทำให้เทคโนโลยีนี้สามารถดึงดูดผู้ใช้งานระบบจำนวนมากให้เข้าสู่การบริหาสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต (Internet of Things: IoT) ซึ่งจะเอื้อให้เกิดแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ สำหรับผู้บริโภค อาทิ แอพพลิเคชั่นความเป็นจริงเสริม (Augmented Reality: AR) แอพพลิเคชั่นความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality) รถยนต์ที่ควบคุมด้วยปัญญาประดิษฐ์หรือระบบอัตโนมัติ และแอพพลิเคชั่นสำหรับงานอุตสาหกรรม เช่น ยานพาหนะอัจฉริยะและสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานด้านการขนส่ง บริการสุขภาพระยะไกล วิทยาการหุ่นยนต์ (Robotics) และอื่นๆ อีกมากมาย



นาดีน อัลเลน ประธาน บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “สืบเนื่องจากรายงานธุรกิจเรื่องดิจิทัลไทยแลนด์ของอีริคสัน ประเทศไทยถือเป็นผู้นำด้านการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของภูมิภาคนี้ โดยผู้บริโภคชาวไทยมีความล้ำหน้าหรือเทียบเคียงได้กับผู้ใช้งานระดับโลกในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และพร้อมแล้วสำหรับระบบการบริหารสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต”

“นวัตกรรมระบบ 5G ที่นำมาสาธิตในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีทั้งหมด ด้วยความสามารถและองค์ความรู้แบบครบวงจร อีริคสันมีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านระบบในอุตสาหกรรมทุกประเภทและสังคมผู้บริโภค เพื่อวิวัฒน์วิถีชีวิต การทำงาน และการติดต่อสื่อสารระหว่างกันของผู้คนในประเทศไทย”


ระบบทดสอบ 5G ของอีริคสันใช้เทคโนโลยี Multi-user, Multiple Input, Multiple Output (MU-MIMO) เพื่อเพิ่มปริมาณงานในการเชื่อมต่อข้อมูล รวมถึงยังใช้ระบบ Beam-tracking ซึ่งใช้แถบคลื่นความถี่ในระดับมิลลิเมตรเพื่อการันตีประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนไปใช้ระบบนี้

นวัตกรรมอื่นๆ ที่นำมาสาธิตในครั้งนี้ ได้แก่ อีริคสัน แอร์ 6468 (Ericsson AIR 6468) วิทยุแบบ NR Radio ระบบ 5G ครั้งแรกของโลกที่ใช้ตัวส่งสัญญาณ 64 ตัวและเสาอากาศ 64 เสา และการถ่ายทอดสดการสาธิตตลอดรายการแบบความหน่วงต่ำ (นับแต่เวลาที่วีดีโอเริ่มจับภาพที่เซิร์ฟเวอร์ไปจนจบเวลาที่แสดงผลบนจอของอุปกรณ์) ด้วยระบบ 5G นอกจากนี้จะมีการนำเสนอแกนการทำงาน Ericsson 5G Ready Core ผ่านการสาธิตหุ่นยนต์ที่สามารถทรงตัวอย่างสมดุลได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงประสิทธิภาพการบูรณาการที่ยอดเยี่ยมระหว่างหุ่นยนต์และระบบคลาวด์ ด้วยความสามารถในการสร้างระบบหนึ่งขึ้นได้จากองค์ประกอบอิสระ ซึ่งครอบคลุมถึงตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับและหัวฉีด นอกจากนี้ ในช่วงระยะเวลาสามวันของการจัดงาน อีริคสันจะสาธิตความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทั้งในด้านวิวัฒนาการเครือข่ายวิทยุ (Radio Network Evolution) เครือข่ายคลาวด์ในงานอุตสาหกรรม (Industrialized Cloud) อุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงถึงกัน (Connected Industries) และ โซลูชั่นพื่อธุรกิจระบบดิจิทัล (Digital Business Solutions)

ปี ค.ศ. 2017 ถือเป็นปีที่ 111 ที่อีริคสันดำเนินงานในประเทศไทย โดยอีริคสันเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือระบบ 1G 2G และ 3G ในประเทศและยังให้บริการระบบ 4G เพื่อมอบประสบการณ์การใช้โทรศัพท์มือถือที่เหนือกว่าแก่ผู้บริโภคชาวไทย

















กลไกขับเคลื่อนรูปแบบใหม่เพื่อการเติบโตในสังคมเครือข่ายดิจิทัล

พลิกการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาส เสริมศักยภาพสู่การเติบโตในประเทศไทยในยุคดิจิทัล

จากรายงานข้อมูลทางธุรกิจ Ericsson Mobility Report ของอีริคสัน ทำให้เราทราบว่าเทคโนโลยี 5G กำลังมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและจะมีการลงทะเบียนใช้งานมากกว่า 500 ล้านครั้งทั่วโลกภายในปี ค.ศ. 2022 ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ ในอนาคตทั้งสำหรับผู้คนทั่วไป นักธุรกิจ และสังคมโดยรวม

เทคโนโลยี 5G คือพื้นฐานของการสร้างศักยภาพสูงสุดของสังคมที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย ซึ่งเครือข่าย 5G นี้จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถรุกสู่ตลาดและสร้างรายรับรูปแบบใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยผ่านการใช้โมเดลธุรกิจและผู้ใช้งานระบบรูปแบบใหม่ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงแอพพลิเคชั่นการบริหารสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต (Internet of Things: IoT) โดยความสามารถในการทำงานของเทคโนโลยี 5G นั้นครอบคลุมคุณสมบัติหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความยืดหยุ่นในการทำงานอันยอดเยี่ยม การใช้พลังงานน้อยกว่า สมรรถนะการทำงานสูงขึ้น เสริมสร้างสมรถภาพด้านความปลอดภัย และอัตราการใช้ข้อมูล ทั้งยังมีความหน่วงสัญญาณและต้นทุนอุปกรณ์ที่ต่ำลง

เครือข่ายโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกๆ (1G) จะทำงานเฉพาะเรื่องเสียงเท่านั้น เครือข่ายรุ่น 2G ทำงานกับเสียงและข้อความ เครือข่าย 3G คือเสียง ข้อความ และข้อมูล ส่วนเครือข่าย 4G ทำงานเหมือนกับ 3G ทุกประการแต่เร็วกว่า หากสำหรับเครือข่าย 5G นั้น จะเป็นสิ่งที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

สิ่งที่เราจะได้รับจากเครือข่าย 5G

   •   อัตราความเร็วของการส่งผ่านข้อมูลที่เพิ่มขึ้นถึง 100 เท่า: มีการเข้าถึงบริการและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
   •   ความรวดเร็วของการตอบสนองในการใช้งานบนเครือข่ายเพิ่มขึ้น 5 เท่า: เช่น กรณีการใช้งานของระบบการขนส่งอัจฉริยะและระบบควบคุมเครื่องจักรจากระยะไกล
   •   ปริมาณข้อมูลที่ส่งผ่านบนโทรศัพท์มือถือขยายถึง 1,000 เท่า
   •   ความสามารถของการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นได้ในระยะเวลายาวนานเพิ่มขึ้น 10 เท่า: โดยเฉพาะอุปกรณ์เก็บข้อมูลระยะไกล (Remote Sensor) ที่ต้องทำงานด้วยระบบแบตเตอรี่และเครือข่ายที่ยากต่อการดูแลรักษา (Sustainable Networks)   

การเปลี่ยนเข้าสู่เครือข่าย 5G มีวิวัฒนาการเช่นเดียวกับการเปลี่ยนจากเครือข่าย 2G ไปสู่ 3G แต่การเปลี่ยนเข้าสู่เครือข่าย 5G จะมีการเพิ่มองค์ประกอบใหม่อีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ อินเตอร์เน็ตเชิงอุตสาหกรรม และเช่นเดียวกับการเปลี่ยนเข้าสู่เครือข่าย 4G โดยในเครือข่าย 5G จะแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือล้ำกว่ามากเมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน แล้วยังมีสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากนั้นด้วยคือในเครือข่าย 5G เราจะได้เห็นการเชื่อมต่อเสมือนเป็นบริการบนพื้นฐานของเครือข่ายแยกส่วน โดย 5G จะช่วยให้เราสามารถทำธุรกรรมซื้อขายได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดียิ่งขึ้นในการใช้อุปกรณ์เพื่อการบริหารสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต (IoT) โดยสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ประโยชน์เหล่านี้จะนำมาซึ่งโอกาสของผู้ใช้งานระบบรูปแบบใหม่ที่เราไม่คาดฝัน รวมถึงการเข้าถึงตลาดใหม่ และการใช้โมเดลธุรกิจใหม่หมดตั้งแต่องค์ประกอบพื้นฐาน


สิ่งที่ผู้บริโภคสามารถคาดหวังได้จากเทคโนโลยี 5G
การเข้าถึงบรอดแบรนด์และสื่อได้ในทุกสถานที่


ด้วยเทคโนโลยี 5G ผู้ใช้งานจะได้สัมผัสประสบการณ์การเข้าถึงเครือข่ายบรอดแบรนด์ได้ในพื้นที่ๆ มีผู้คนหนาแน่น อาทิ งานคอนเสิร์ต รายการกีฬา และเทศกาลต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาในเรื่องความจุ อินเตอร์เฟซ และความเชื่อถือได้ในการทำงานของอุปกรณ์ ผู้ใช้งานเครือข่าย 5G ยังจะได้เพลิดเพลินกับภาพยนตร์ความละเอียดระดับ 4K ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ภายในไม่กี่วินาทีโดยไม่ต้องเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi ในขณะที่การชมรายการโทรทัศน์และรายการกีฬาถ่ายทอดสดจะกลายเป็นประสบการณ์การรับชมที่ดื่มด่ำและสมจริงราวกับคุณกำลังอยู่ในเหตุการณ์จริง สำหรับผู้บริโภคทั่วไป เครือข่าย 5G จะขยายประสบการณ์การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทั้งภายในและภายนอกอาคารให้ถึงขีดสุด และนำเสนอบรอดแบรนด์ที่มีการบริหารเครือข่ายคุณภาพสูงแม้เครือข่ายจะอยู่ภายใต้สภาวะที่ยากต่อการทำงานเพียงใดก็ตาม

ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรอุปกรณ์

ประสิทธิภาพการทำงานระดับสูงของเครือข่าย 5G จะทำให้เราสามารถเข้าถึงการบริหารสรรพสิ่งด้วยอินเตอร์เน็ต (IoT) ได้มากยิ่งขึ้น โดยผ่านการปรับปรุงด้านการรับรู้ต่อเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของผู้คน

การควบคุมอุปกรณ์ที่เสี่ยงต่ออันตราย

เครือข่าย 5G จะทำให้เราสามารถควบคุมเครื่องจักรขนาดใหญ่จากระยะไกลได้ ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ อีกมากมาย อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและลดต้นทุนหรือความเสี่ยงในการปฏิบัติงานในสภาวะที่เสี่ยงอันตราย

เครือข่ายการตรวจจับ

เทคโนโลยี 5G จะขยายโอกาสทางธุรกิจและโมเดลธุรกิจผ่านกระบวนการตรวจจับ การติดตาม และความสามารถในการทำงานแบบอัตโนมัติในงานขนาดใหญ่ ด้วยการเชื่อมโยงพื้นที่เพาะปลูกและเกษตรกรรมสู่เมืองและอาคารอัจฉริยะ ทำให้เทคโนโลยี 5G สามารถลดต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพ และส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ในรูปแบบที่น่าอัศจรรย์ 

ยานพาหนะและการขนส่งระบบอัจฉริยะ

การเคลื่อนเข้าสู่ยุค 5G จะนำไปสู่การสื่อสารระหว่างเครื่องจักรจำนวนมหาศาล ซึ่งจะช่วยให้เมืองต่างๆ อีกทั้งระบบขนส่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เกิดการรับส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อยกระดับการบำรุงรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น

บริการสำคัญและการควบคุมสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน

ความเชื่อถือได้ในระดับสูงและความหน่วงที่ต่ำ (Low Latency) ของเทคโนโลยี 5G จะช่วยปลดล็อคความสามารถในการควบคุมบริการที่มีความสำคัญและสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน อันจะก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ต่อความปลอดภัยสาธารณะ รัฐบาล การบริหารจัดการเมือง และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค

ความสำคัญของเครือข่าย 5G ต่อผู้ดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมโทรคมนาคม

สืบเนื่องจากรายงานธุรกิจเมื่อเร็วๆ นี้ของอีริคสัน "Opportunities in 5G: The view from eight industries" ระบุว่า

●   ร้อยละ 92 ของผู้บริหารจากผู้ดำเนินธุรกิจโทรคมนาคม 100 ราย เห็นพ้องว่า เครือข่าย 5G จะปูทางสู่การอุบัติของเทคโนโลยีรูปแบบใหม่อีกมากมาย
●   ร้อยละ 94 ของผู้บริหารจาก 8 อุสาหกรรมหลัก จัดอันดับให้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดในเชิงกลยุทธ์
●   มากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ดำเนินธุรกิจโทรคมนาคมที่ประกาศแผน 5G เลือกทำงานกับอีริคสันมากกว่าผู้ให้บริการรายอื่น

อีริคสันทำให้นวัตกรรม 5G กลายเป็นความจริง ด้วยการวางระบบนิเวศ 5G ระดับโลกที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับการสร้างความเจริญเติบโตที่รวดเร็ว การนำนวัตกรรมที่ทำงานบนระบบ 5G ที่ดีที่สุดสู่โลกแห่งความเป็นจริง และการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การทำงานในยุค 5G อย่างประสบความสำเร็จ

ปัจจุบัน อีริคสันมีข้อตกลงความร่วมมือกับผู้ดำเนินธุรกิจโทรคมนาคม 27 ฉบับ พันธมิตรอุตสาหกรรม 12 ราย พันธมิตรกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 5G มากกว่า 20 แห่งทั่วโลก ซึ่งถือว่าอีริคสันมีพันธมิตรในธุรกิจ 5G มากกว่าผู้ให้บริการรายอื่นๆ และมีหุ้นส่วนพันธมิตรกับอุตสาหกรรมรายใหญ่ทั้งกับ ABB, SKF, Boliden, Volvo, Zucchetti, BMW และอีกมากมาย


การสาธิตเทคโนโลยี 5G
ระบบทดสอบ 5G ของอีริคสัน


แนวคิดระบบทดสอบ 5G ของอีริคสัน ได้รับการออกแบบเพื่อสนับสนุนการทดลองใช้งานเต็มรูปแบบและไม่ใช่การสาธิตในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ทั้งยังรวมถึงการสนับสนุนการทำงานต่างๆ บนระบบ 5G อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณแบบ Beamforming และการติดตามสัญญาณ, เทคนิค Multi-user MIMO, การส่งผ่านสัญญาณแบบหลายพื้นที่, เทคโนโลยีแบบ Ultra-lean design, dynamic TDD และอื่นๆ โดยแนวคิดนี้ครอบคลุมการทำงานทั้งหมด ตัวอย่างเช่น สัญญาณอ้างอิงและรายงานผลตอบรับ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทดลองใช้งานก่อนนำไปใช้จริงในเชิงพาณิชย์ แผนงานนี้จะช่วยให้ระบบการปฏิบัติงาน 5G ในช่วงก่อนใช้ในเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบครั้งแรกนี้ มีความพร้อมสำหรับการทดลองใช้งานทั้งสำหรับผู้บริโภคและหุ้นส่วนทั่วโลก

วีดีโอความหน่วงต่ำ(Low Latency) เพื่อการสาธิตระบบ 5G

วีดีโอจะแสดงให้เห็นถึงความหน่วงต่ำของระบบ 5G เพื่อการสนับสนุนวีดีโอแบบเรียลไทม์เกือบทุกรูปแบบ โดยบอกเล่าเรื่องราวการประยุกต์ใช้สำหรับควบคุมอุปกรณ์ระยะไกลของผู้บริโภค รวมถึงการใช้งานในวิสาหกิจต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันการสาธิตนี้ทำได้โดยการเชื่อมต่อผ่านสายสัญญาณเท่านั้นและใช้เฉพาะในวงการแพทย์ การเฝ้าระวังด้านความปลอดภัย และเครื่องจักรหนัก แต่ในวันนี้สามารถทำได้แบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี 5G

อีริคสัน แอร์ 6468 – วิทยุแบบ NR Radio ระบบ 5G ครั้งแรกของโลก

อีริคสัน แอร์ 6468 (Ericsson AIR 6468) ใช้ตัวส่งสัญญาณ 64 ตัวและเสาอากาศ 64 เสา ซึ่งสนับสนุนปลั๊กอินส์ระบบ 5G ทั้งสำหรับเทคโนโลยี Massive MIMO และ Multi-User MIMO โดยจะช่วยให้เทคนิคสัญญาณ Beamforming ประสิทธิภาพสูงซึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยี Massive MIMO สามารถทำงานได้โดยอาศัยสถาปัตยกรรม Cloud RAN แบบแยกส่วน ทำให้ระบบวิทยุรุ่นใหม่นี้มีความฉลาดและมีความสามารถในการลดหรือขยายขอบเขตได้ตามต้องการ อีริคสัน แอร์ 6468 ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานได้บนมาตรฐาน 5G NR และยังสนับสนุนคลื่นระบบ LTE ด้วยเช่นกัน

ดูรายละเอียดของอีริคสัน แอร์ 6468 ได้ที่เว็บไซต์ https://www.ericsson.com/networks/offerings/5g-radio
« Last Edit: January 26, 2017, 09:18:21 PM by happy »

happy on January 26, 2017, 09:20:48 PM

นาดีน อัลเลน

ประธาน บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด
(ตั้งแต่ สิงหาคม 2559)

นาดีน อัลเลน มีประสบการณ์ในบทบาทที่หลากหลายในอุตสาหกรรมไอซีที หรือเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับโลก มากว่า 20 ปี รวมถึงได้รับตำแหน่งผู้บริหารที่อีริคสัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549
เธอเข้ารับตำแหน่งประธาน บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2559 ซึ่งรับผิดชอบในส่วนของบริหารธุรกิจโดยรวมของอีริคสัน ประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ เธอเป็นรองประธานฝ่ายลูกค้าอุตสาหกรรมและสังคม อีริคสัน ยุโรปกลางและตะว้นตก รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินธุรกิจของอีริคสันอุตสาหกรรมรถยนต์ พลังงาน และระบบการขนส่งอัจฉริยะ ความปลอดภัยสาธารณะและการขนส่งสินค้าทางเรือ ใน 16 ประเทศของยุโรปตอนกลางและตะวันตก นอกจากนี้เธอยังมีประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษาการบริหารการให้บริการและกลุ่มธุรกิจภายนอกของอีริคสัน เป็นเวลา 2 ปี
 
ก่อนหน้าที่จะมาร่วมงานกับอีริคสัน นาดีนเคยเป็นรองประธานและผู้จัดการลูกค้าของบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ในสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะ EE (บริษัทให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร) และ MBNL (บริษัทร่วมกันระหว่าง EE และ3UK) มากว่า 6 ปี นาดีนยังมีประสบการณ์ในตำแน่งงานขายและการตลาดที่ Marconi PLC และ ซึ่งรับผิดชอบในส่วนของการกำหนดทิศทางกลยุทธ์และการปฏิบัติการฝ่ายธุรกิจ เป็นหัวหน้าฝ่ายธุรกิจระดับโลกของ Marconi สำหรับการบริหารเครือข่ายและระบบสนับสนุนการปฎิบัติการ