happy on January 29, 2017, 07:27:37 PM

เรื่องย่อ

สตาร์ (ซาชา เลน) เด็กสาววัยรุ่นจากครอบครัวที่มีปัญหา หนีออกจากบ้านกับลูกทีมเซลส์เร่ขายของ ผู้ขับรถข้ามดินแดนมิดเวสต์ของอเมริกา เพื่อตระเวนตามบ้านชักจูงให้คนบอกรับสมาชิกนิตยสาร หลังจากที่เธอพบตัวเองอยู่ท่ามกลางวัยรุ่นกลุ่มนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเจค (ไชอา ลาบัฟ) ไม่นานนัก เธอก็เริ่มหลงใหลไปกับวิถีชีวิตของคนกลุ่มนี้ที่เต็มไปด้วยค่ำคืนของการปาร์ตี้หัวราน้ำ การแหกกฎ และความรักวัยแรกแย้ม

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Dr4NfBRN0ZA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Dr4NfBRN0ZA</a>

พบกับการเดินทางที่จะเขย่าหัวใจวัยรุ่นได้อย่างสุดขั้วใน American Honey 2 กุมภาพันธ์

American Honey อเมริกัน ฮันนี่ ภาพยนตร์รางวัลแกรนด์ จูรี่ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ผลงานจากผู้กำกับหญิงชาวอังกฤษ แอนเดรีย อาร์โนลด์ (เจ้าของผลงาน Fish Tank, Red Road, Wuthering Heights, Wasp) ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของสตาร์ (ซาช่า เลน) เด็กสาววัยรุ่นจากครอบครัวที่มีปัญหา เธอหนีออกจากบ้านมากับลูกทีมเซลส์เร่ขายของ พวกเขาเดินทางข้ามดินแดนมิดเวสต์ของอเมริกา เพื่อตระเวนตามบ้านชักจูงให้คนบอกรับสมาชิกนิตยสาร หลังจากที่เธอพบตัวเองอยู่ท่ามกลางวัยรุ่นกลุ่มนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเจค (ไชอา ลาบัฟ) ไม่นานนัก เธอก็เริ่มหลงใหลไปกับวิถีชีวิตของคนกลุ่มนี้ที่เต็มไปด้วยค่ำคืนของการปาร์ตี้หัวราน้ำ การแหกกฎ และความรักวัยแรกแย้ม
 
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของแอนเดรีย อาร์โนลด์ มือเขียนบท/ผู้กำกับชาวอังกฤษ ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นและถ่ายทำในอเมริกา เธอได้จินตนาการถึงเรื่องราวที่มีรากเหง้าบนพื้นฐานของความจริงและรายละเอียดของตัวละคร และสิ่งที่เธอได้พบเจอมาระหว่างเดินทางข้ามอเมริกา จุดศูนย์กลางของเรื่องคือสตาร์ เด็กสาววัยรุ่นผู้กำลังจะก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เธอออกเดินทางเพื่อค้นหาความเป็นตัวของตัวเองระหว่างที่พยายามจะสะสางความรู้สึกของการตกหลุมรักใครซักคน
 
นอกเหนือจากรางวัลแกรนด์ จูรี่ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์แล้ว ภาพยนตร์ยังได้รับรางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และผลงานยอดเยี่ยม (ถ่ายภาพ) จาก British Independent Film Awards ทั้งยังติดอันดับหนังยอดเยี่ยมประจำปี 2016 ของหนังสือพิมพ์ The Guardian, The Telegraph (อันดับ 2) และนิตยสาร Sight and Sound (อันดับ 5) รวมถึงเข้าชิง 7 รางวัลจาก Independent Spirit Awards อีกด้วย
 
American Honey ได้รับคัดเลือกให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพฯ ครั้งที่ 14 โดยมีกำหนดฉายในวันที่ 25 และ 30 มกราคม ที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีนีม่า เซ็นทรัลเวิลด์ เข้าฉายจริง 2 กุมภาพันธ์ เฉพาะโรงภาพยนตร์เครือเอส เอฟ ซีนีม่า





เกี่ยวกับภาพยนตร์

สำหรับภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นและถ่ายทำในอเมริกา มือเขียนบท/ผู้กำกับชาวอังกฤษ แอนเดรีย อาร์โนลด์ได้จินตนาการถึงเรื่องราวที่มีรากเหง้าบนพื้นฐานของความจริงและรายละเอียดของตัวละคร และสิ่งที่เธอได้พบเจอมาระหว่างเดินทางข้ามอเมริกา จุดศูนย์กลางของเรื่องคือสตาร์ เด็กสาววัยรุ่นผู้กำลังจะก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เธอออกเดินทางเพื่อค้นหาความเป็นตัวของตัวเองระหว่างที่พยายามจะสะสางความรู้สึกของการตกหลุมรักใครซักคน

ในตอนแรก อาร์โนลด์ได้รับแรงบันดาลใจจาก Door to Door: Long Days, Slim Rewards; For Youths, a Grim Tour on Magazine Crews บทความที่ตีพิมพ์ในนิวยอร์ก ไทม์ ปี 2007 โดยเอียน เออร์บินา ทีมงานแบบในบทความนั้นยังคงทำงานอยู่ในอเมริกา พวกเขาเป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวที่ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทไม่จดทะเบียนให้เดินทางทั่วประเทศ เคาะประตูตามบ้าน เพื่อหาคนบอกรับสมาชิกนิตยสาร เหมือนกับเซลส์แมนเร่ขายสินค้าสมัยก่อน

ด้วยความหลงใหลในวัฒนธรรมย่อยนี้ อาร์โนลด์จึงได้ออกเดินทางพร้อมกับสมาชิกของทีมงานแบบนั้นคนหนึ่ง เธอนอนในโรงแรมราคาถูกของพวกเขาและเรียนรู้เกี่ยวกับเซลส์แมนหนุ่มสาวพวกนี้ ซึ่งหลายคนเพิ่งอยู่ห่างบ้านเป็นครั้งแรก เธอค้นพบว่าการเป็นส่วนหนึ่งของลูกทีมนี้เป็นเหมือนวิถีชีวิตมากกว่างาน และตัวลูกทีมเองที่ไม่ค่อยเหมือนเพื่อนร่วมงานทางธุรกิจก็เป็นเหมือนครอบครัวสุดป่วน ท่ามกลางสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหลายทั้งปวงนี้ สตาร์ได้ตกหลุมรักเจค นักขายมือทอง ซึ่งทำให้คริสตัล หัวหน้าทีมบอกรับสมาชิกนิตยสารของพวกเขาไม่พอใจ


การคัดเลือกนักแสดง

ในเดือนมีนาคม ปี 2014 ด้วยการสนับสนุนของฟิล์มโฟร์ อาร์โนลด์และผู้กำกับฝ่ายคัดเลือกนักแสดงของเธอเริ่มต้นค้นหานักแสดง ท้ายที่สุด พวกเขาได้เดินทางข้ามพื้นที่แปดรัฐระหว่างการเดินทางทั้งหมดในปีนั้น “ฉันนั่งลงบนชายหาดและดูวัยรุ่นหลายพันคนผ่านไป เราได้จัดออดิชันขึ้นในลานจอดรถของวอลมาร์ทด้วยค่ะ” อาร์โนลด์เล่า ในบรรดาหนุ่มสาว 15 คนที่ได้รับเลือกให้แสดงบทลูกทีมขาย 11 คนไม่เคยแสดงมาก่อน อาร์โนลด์และทีมงานของเธอได้ทำตามสัญชาตญาณของพวกเขาในการรวบรวมเด็กวัยรุ่นที่มีแบ็คกราวน์คล้ายคลึงกับกลุ่มคนที่ถูกว่าจ้างโดยบริษัทขายสินค้า เรย์มอนด์ โคลสันได้เปิดเผยตัวเองว่าเป็นพวกรักร่วมเพศเมื่อเขาก้าวสู่วัยรุ่นตอนปลายในเวสต์เวอร์จิเนีย และปัจจุบัน เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ในแคลิฟอร์เนีย แชด แม็คเคนซีย์ ค็อกซ์เป็นนักร้อง/นักแต่งเพลงพรสวรรค์จากเวอร์จิเนีย เวอร์โรนิก้า เอเซล อายุ 25 ปี เธอเลี้ยงดูลูกสาวของเธอกับภรรยาของเธอในปานามา ซิตี้ บีช แอเรียล โฮล์มส์ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์โดยพี่น้องแซฟดี้เรื่อง Heaven Knows What แกร์รี โฮเวลมาจากออร์ลันโด้ รัฐฟลอริดา และเล่นฟุตบอลไฮสคูล คริสตัล บี. ไอซ์ (หรือนาเดีย สไตเกอร์) เป็นอดีตนักเต้นระบำเปลื้องผ้าจากฟลอริดา ผู้เคยเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานบอกรับสมาชิกมาก่อน แม็คคอล ลอมบาร์ดี้กำลังอยู่ระหว่างการแสดงผลงานเรื่องใหม่ในนิวยอร์ก ชอว์นา เรย์ โมสลีย์เป็นเจ้าของของ “เบลลา” สุนัขพิตต์บูลของลูกทีมในภาพยนตร์เรื่องนี้ ดาโกต้า พาวเวอร์ส สมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของทีม ใช้ชีวิตอยู่ในเทนเนสซี อิไซอาห์ สโตนเป็นนักสเก็ตบอร์ดฝีมือดีจากมิสซูรี เคนเนธ โครี ทัคเกอร์ทำงานก่อสร้างและมีความสัมพันธ์กับชอว์นา คริสโตเฟอร์ เดวิด ไรท์มาจากมิสซิสซิปปี้ และไปสะดุดตาทีมคัดเลือกนักแสดงที่ร้านขายของชำเซฟ อะ ล็อท

หนึ่งเดือนก่อนหน้าการเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำอย่างเป็นทางการ อาร์โนลด์และทีมคัดเลือกนักแสดงของเธอได้บินไปที่เมืองปานามา ซิตี้ บีช รัฐฟลอริดา ระหว่างช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งปรากฏการณ์ที่ดึงดูดนักศึกษาหลายหมื่นคนในอเมริกาทุกปี ระหว่างเดินอยู่ที่ชายหาด อาร์โนลด์สังเกตเห็นซาชา เลน นักศึกษาน้องใหม่จากเท็กซัส ผู้ไม่เคยแสดงมาก่อน แต่ไม่นานนัก เธอก็ได้รับเลือกให้รับบท สตาร์


ดนตรี

ไม่มีการเดินทางโร้ดทริปครั้งไหนจะสมบูรณ์ถ้าขาดดนตรีเพราะๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนหนุ่มสาวที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงนั่งอยู่ในรถตู้ ดนตรีใน American Honey เป็นสิ่งที่สำคัญต่อตัวละคร และสำหรับทีมนักแสดง ดนตรีมักถูกใช้เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดความรู้สึกของพวกเขาออกมา “มันเป็นบทกวีเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาในชีวิตประจำวัน เหมือนกับพวกเราทุกคนที่ชื่นชอบดนตรีค่ะ” อาร์โนลด์บอก ทีมผู้สร้างตั้งใจเลือกบทเพลงที่มีอยู่จริง ถึงขั้นถามทีมงานบอกรับสมาชิกว่าเพลงโปรดของพวกเขาคือเพลงอะไร (ส่วนใหญ่ชื่นชอบเพลงสไตล์แทร็ป) ตั้งแต่แซม ฮันท์ ไปจนถึงเควิน เกทส์, ลี ไบรซ์ไปจนถึงจุยซี เจ ซาวน์แทร็คของภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอเพลงคันทรีที่โด่งดังในปี 2015 เพลงสไตล์แทร็ปจากดินแดนตอนใต้และเพลงที่อาร์โนลด์เลือกด้วยตัวเอง


การเดินทางโร้ดทริป

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องแต่ง แต่เรื่องราวนี้ก็มีรากเหง้ามาจากความเป็นจริง และอาร์โนดล์และทีมงานสร้างก็มองว่า ในการจะนำเสนอโปรเจ็กต์นี้ออกมาอย่างดีที่สุด พวกเขาจะต้องรักษาความจริงในการที่ทีมบอกรับสมาชิกจะใช้ชีวิตและเดินทาง การถ่ายทำภาพยนตร์กลายเป็นการเดินทางโร้ดทริปจริงๆ ที่ทีมงานไม่กี่ชีวิตได้เดินทางข้ามดินแดนมิดเวสต์ของอเมริกา “เราสัญญากับตัวเองว่าเราจะพักที่โรงแรมราคาถูกเท่านั้น และจะขับรถเท่านั้นโดยไม่นั่งเครื่องบิน เราจะจำกัดตัวเองอยู่กับเส้นทางจริงๆ และเลือกคนท้องถิ่นมาเข้าฉากให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ผู้อำนวยการสร้างลาร์ส คนุดเซนกล่าว ทีมผู้สร้างอยู่บนท้องถนนนาน 56 วัน (ทั้งหมดนี้รวมถึงวันถ่ายทำ วันหยุดพัก และวันเดินทาง)

หลังจากที่ได้เดินทางบนท้องถนนด้วยตัวเองระหว่างที่เธอค้นหาเรื่องราวของตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาร์โนลด์รู้ว่า ภูมิประเทศแบบไหนที่สำคัญต่อภาพยนตร์ของเธอ โลเกชัน เส้นทางและสาธารณูปโภคต่างๆ ในเรื่องมีที่มาจากประสบการณ์และการสังเกตของเธอ ตั้งแต่ที่ราบในโอกลาโฮมา/แคนซัส ตลอดจนย่านชานเมืองที่เขียวขจีและอุดมสมบูรณ์และความร้อนระอุของเนบราสกา ไปจนถึงดินแดนที่เต็มไปด้วยน้ำมันในเมืองวิลลิสตัน รัฐนอร์ธ ดาโกต้า ก่อนที่จะลงเอยในเขตอนุรักษ์ไพน์ ริดจ์ในเซาธ์ ดาโกต้า พวกเขาได้ถ่ายทำในมัสโคกี้, แคนซัส ซิตี้, โอมาฮา, แกรนด์ ไอแลนด์, ราพิด ซิตี้, วิลลิสตันและไพน์ ริดจ์

หลังจากที่มาถึงแต่ละโลเกชัน ทีมงานและนักแสดงจะตั้งกองที่โรงแรมเล็กๆ ข้างถนน ที่ซึ่งทีมงานจะทำงานจากรถของพวกเขา ตัวอาร์โนลด์เองยืนกรานว่าจะต้องไม่มีสิ่งของที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นรถวินนิบาโก้ รถบรรทุก หรือสายไฟขนาดใหญ่ ที่จะทำให้ทีมนักแสดงหลุดจากโลกที่พวกเขากำลังสร้างขึ้น เธอทำงานใกล้ชิดกับเคลลี แม็คกีฮีย์ ผู้ออกแบบงานสร้างของเธอ ในการเลือกโลเกชันที่จะให้ความรู้สึกสมจริงต่อเรื่องราว ก่อนที่จะเสริมแต่งสถานที่เหล่านั้นเพิ่มเติม อาร์โนลด์และร็อบบี้ ไรอัน ผู้กำกับภาพผู้ร่วมงานกับเธอมานาน ได้ทำงานเหมือนกับที่พวกเขาเคยทำมาก่อนในภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ โดยมีเพียงแค่ทีมงานและทีมนักแสดงไม่กี่คนที่จะออกไปถ่ายทำในแต่ละวัน ทีมผู้สร้างพยายามจะถ่ายทำตามลำดับเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้ทีมนักแสดงที่ขาดประสบการณ์ได้รู้สึกถึงความเจริญเติบโตของตัวละครของพวกเขาภายในเรื่องและทำให้พวกเขามีเวลาได้รู้จักกันและกันระหว่างการเดินทาง


สถิติ

15 นักแสดงนำ
43 ทีมงานหลัก โดยมีทีมงานเสริมรายสัปดาห์
25 ยานพาหนะ
11,500 ไมล์สำหรับการถ่ายทำ 21,000 ไมล์สำหรับโลเกชัน
27 นักแสดงสมทบระหว่างการเดินทาง
สัตว์กว่า 20 ตัว รวมถึงสุนัขพันธุ์พิตต์บูล, เยอรมัน เชพเพิร์ด, กระรอกบิน, ม้า, วัว, เต่าและหมีน้ำตาลที่ชื่อโคดี้ ผู้ชื่นชอบไก่ย่าง บทเล็กๆ ถูกมอบให้กับนก แมงมุม ผึ้งและผีเสื้อราตรี