ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า ทุ่มงบ 15 ล้าน ปรับโฉม – ขยายพื้นที่ศูนย์อาหาร
ชูคอนเซ็ปต์ “เดอะเบสท์ติเนชั่น สตรีท ฟู้ด ออฟ แบงค็อก” ขยายฐานลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีน
กรุงเทพฯ - ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า ทุ่มงบกว่า 15 ล้านบาท ขยายพื้นที่โซนศูนย์อาหาร “เดอะ คุ้ก” เพิ่มขึ้นกว่า 1,100 ตารางเมตร พร้อมปรับโฉมใหม่ ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นเดสติเนชั่นของศูนย์รวมร้านอาหารอร่อยที่อยู่กลางใจเมืองกรุงเทพมหานคร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Bestination Street Food of Bangkok - เดอะเบสท์ติเนชั่น สตรีท ฟู้ด ออฟ แบงค็อก ที่สุดแห่งศูนย์รวมความอร่อยทุกสารทิศ” รวบรวมร้าน Best Street Food ชื่อดังระดับตำนานกว่า 60 ร้านทั่วกรุงเทพฯ เพื่อรองรับจำนวนลูกค้ากลุ่มออฟฟิศและนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เพิ่มสูงขึ้น มั่นใจปี 2560 จะมียอดผู้เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 50% และตั้งเป้ารายได้ทั้งโซนศูนย์อาหารสูงถึง 96 ล้านบาทในปลายปีนางสาวลภัสนันท์ โยธาธรรมสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า นางสาวลภัสนันท์ โยธาธรรมสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า เปิดเผยว่า “ศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า ถือเป็นศูนย์อาหาร แห่งแรกที่มีการนำเสนอคอนเซ็ปต์ “Best Street Food-อร่อยทั่วกรุง” รวบรวมร้านอาหาร Street Food ชื่อดังทั่วกรุงเทพฯที่เป็นที่ชื่นชอบของบรรดานักชิมมาไว้ใจกลางกรุงตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นจำนวนมากมาโดยตลอด จนมีลูกค้าที่มารับประทานซ้ำเป็นประจำที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี จนปัจจุบันมีผู้ใช้บริการจำนวน 4,500 คนต่อวัน และมียอดผู้ถือบัตรเติมเงินของ The Cook ประมาณ 3,500 บัตร สร้างรายได้ให้กับศูนย์การค้าฯ 70,000,000 บาทในปี 2559 ที่ผ่านมา”นางสาวลภัสนันท์ กล่าวต่อไปว่า “ล่าสุดศูนย์การค้าอัมรินทร์ พลาซ่า ได้ใช้งบประมาณลงทุนกว่า 15 ล้านบาท ขยายพื้นที่โซนอาหารเพิ่มขึ้นอีก 1,100 ตารางเมตร ทำให้มีพื้นที่ศูนย์อาหาร “เดอะคุ้ก” รวมทั้งหมด 3,000 ตารางเมตร รองรับลูกค้าทั้งศูนย์อาหารกว่า 1,500 ที่นั่ง โดยตอกย้ำภาพลักษณ์ให้เป็นเดสติเนชั่นของศูนย์รวมร้านอาหารอร่อยที่อยู่กลางใจเมืองกรุงเทพมหานคร รวมที่สุดแห่งร้านอาหารสไตล์สตรีทฟู้ดอร่อยทั่วกรุงเทพฯ เพื่อเพิ่มความสะดวก ตอบโจทย์ความอร่อยหลากหลายมาอยู่ในที่เดียวกัน ให้แก่ลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวได้เข้ามาลิ้มลองรสชาติความอร่อยของเมนูอาหารสุดฮิตจากทั่วกรุงเทพฯ ทั้งนี้ยังถือเป็นการนำจุดขายของ ”สตรีทฟู้ด” ของประเทศไทยมาเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน รวมถึงนักท่องจากประเทศเพื่อนบ้านที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย”“ปี 2560 ศูนย์การค้าฯ ได้วางแผนการสื่อสารการตลาดทั้งแบบ Offline และ Online เจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ลูกค้ากลุ่มออฟฟิศที่เข้ามาใช้บริการเป็นประจำ ในการสร้าง Brand Awareness และ Customer Engagement นอกจากนี้ยังตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นในวันหยุดให้มากขึ้น 80% โดยการทำการตลาด Online เจาะกลุ่มตลาดจีนทั้งที่อยู่ในประเทศ (Expat) และนอกประเทศที่เป็น Main Land และประเทศที่มีคนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เยอะๆ ด้านกิจกรรม Marketing เราได้มีการเจาะกลุ่มที่เป็นบริษัทนำเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวเข้ามาในย่านราชประสงค์ ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถกระตุ้นผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 50% หรือประมาณ 6,000 คนต่อวัน โดยตั้งเป้ารายได้ประมาณ 96 ล้านบาท” นางสาวลภัสนันท์ กล่าวสรุป