The Engineering Journey
Engineering story
The engineering brief:
ออกแบบและพัฒนาไดร์เป่าผม จากความชำนาญใน ดิจิตอลมอเตอร์, เสียงเชิงอากาศพลศาสตร์, พลศาสตร์ของเหลวและศาสตร์ในการการปรับปรุงสภาพการทำงานอย่างเป็นระบบ โดย เจมส์ ไดสัน มอบหมายให้ทีมวิศวกรของเขาพัฒนาคิดค้นไดร์เป่าผมที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมกว่าไดร์เป่าผมทั่วไป และสามารถแก้ปัญหาที่พบเจอในไดร์เป่าผมอื่นๆได้
Key milestones:
1. เริ่มจากวางแนวคิดเกี่ยวกับลักษณะรูปทรงไดร์เป่าผมที่ต้องการ
2. พัฒนาแนวคิดรูปทรงแรกเริ่ม
3. ตัวร่างA–เป็นการผนวกเอารูปทรงแรกเริ่ม เข้ากับไดสันดิจิตอลมอเตอร์V9 และ อุปกรณ์ทำความร้อน
4. ตัวร่างB – นำเอารูปทรงแรกเริ่มขั้นต้นที่สมบูรณ์แบบ รวมกับไดสันดิจิตอลมอเตอร์V9 ,ระบบอิเล็คทรอนิค และ อุปกรณ์ทำความร้อน
5. ตัวร่างC – พัฒนาจากตัวร่างล่าสุดต่อไป
6. ตัวร่างด้านความร้อน – นำเอาแนวคิดเกี่ยวกับการขยายแรงลมเข้ามาพัฒนาต่อเนื่อง
7. ตัวร่างD – พัฒนาต่อเนื่องเพื่อพร้อมสำหรับการทดสอบและทดลองใช้งาน
8. ตัวร่างE– ลงรายละเอียดต่างๆ เพื่อทดสอบเฉพาะด้าน
9. ตัวร่าง01– เครื่องต้นแบบตัวสุดท้ายสำหรับพัฒนาเป็นต้นแบบในการผลิต
10. ไดร์เป่าผมเครื่องแรกจากไดสัน
Air Multiplier™ technology:
สิทธิบัตรเทคโนโลยี Air Multiplier™ของไดสัน สามารถสร้างสรรค์ให้พลังลมที่ออกมาจากไดร์เป่าผมของไดสันมีความแรงเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า โดยดูดอากาศผ่านวงแหวนภายในหัวเป่าลมและดูดอากาศโดยรอบ ทั้งจากด้ามจับและฝั่งหลังของหัวเป่าจากนั้นจึงปล่อยกระแสลมออกมาเพื่อเป่าผม โดยลมที่เป่าออกมานี้จะเคลื่อนที่ผ่านอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้ทำหน้าที่คล้ายกับปีกเครื่องบิน ที่สามารถบังคับทิศทางของอากาศให้ไหลผ่านได้ และด้วยการออกแบบในลักษณะนี้ จะทำให้มวลอากาศรอบๆตัวจากด้านนอก ไหลเข้าไปรวมกับอากาศที่มาจากด้ามจับด้านล่าง ถือเป็นการเพิ่มแรงลมไปในตัวเลยทีเดียว
ทีมวิศวกรใช้เวลาในการพัฒนารูปแบบวงแหวนหัวเป่าถึง 8 สัปดาห์ และได้ออกมาถึง 25 รูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อที่จะสร้างสรรค์ไดร์เป่าผมที่ให้ทั้งพลังลมแรงและความเงียบในการทำงาน ในที่สุดเมื่อทีมวิศวกรค้นพบรูปแบบของวงแหวนหัวเป่าที่ดีที่สุด พวกเขาจึงนำเสนอผลงานชิ้นนี้กับเจมส์ ไดสัน ครั้งแรกที่เจมส์ ไดสัน เห็นผลงานของพวกเขา เจมส์คิดว่าพลังลมที่ออกมาไม่น่าจะแรงอย่างที่คาดหวัง แต่ปรากฏว่าเมื่อเจมส์ได้ทดสอบและสัมผัสกับผลงานของทีมวิศวกร เจมส์ถึงกับตื่นตะลึงกับพลังลมอันทรงประสิทธิภาพที่ได้
Double stacked heating element:
Dyson Supersonic™ เป็นไดร์เป่าผมที่มีเทคโนโลยีการให้ความร้อนอันเป็นเอกลักษณ์ ไดร์เป่าผมทั่วไปส่วนใหญ่จะเลือกใช้ลวดความร้อนและลวดความต้านทานพันอยู่รอบๆฉนวนไมก้าที่ออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายต้นคริสต์มาส
แต่ใน Dyson Supersonic™ ทีมวิศวกรต้องการที่จะพัฒนาอุปกรณ์การให้ความร้อนที่พิเศษออกไป โดยออกแบบฉนวนไมก้าให้เป็นวงกลมสองชั้นมีรูปร่างคล้ายกับโดนัท ชั้นหนึ่งพันลวดความร้อนและอีกชั้นหนึ่งพันลวดต้านทานที่ผลิตจากโครเมียมอะลูมิเนียมอัลลอยพันอยู่ล้อมรอบวงกลมแต่ละวงตลอดแนวฉนวนรูปโดนัท
แรกเริ่มเดิมทีทีมวิศวกรได้ออกแบบตัวให้ความร้อนเป็นวงกลมแค่ชั้นเดียวซึ่งใช้ลวดความร้อนจำนวนมากและทำให้ฉนวนมีขนาดใหญ่ ต่อมาพวกเขาพบข้อเสียจากการออกแบบนี้ เนื่องจากขดลวดมากมายนั้นถูกพันไว้ในลักษณะที่ไม่แน่น ทำให้ลวดแต่ละเส้นสามารถสัมผัสกันได้ไปมา และทำให้ตัวให้ความร้อนต้องหยุดทำงานในที่สุด นั่นเป็นเหตุผลให้ทีมวิศวกรเลือกออกแบบวงกลมสองชั้นและให้ลวดความร้อนกับลวดต้านทานแยกพันกันคนละวง สิ่งที่ได้ตามมานอกจากการให้ความร้อนอย่างต่อเนื่อง ยังทำให้อุปกรณ์ที่ขนาดเล็กลงด้วย
จากความต้องการพัฒนาเทคโนโลยีการให้ความร้อนในไดร์เป่าผมของไดสัน ให้มีรูปแบบที่แตกต่างอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ทีมวิศวกรใช้เวลาในกระบวนการนี้ไปถึง 3 ปี กับการทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเทคโนโลยีที่ได้จะสามารถให้ความร้อนได้อย่างต่อเนื่อง คงที่ และยังปลอดภัยกับผู้ใช้
The challenges:
ศึกษาเกี่ยวกับเส้นผม: การทดสอบไดร์เป่าผมของไดสัน ใช้เส้นผมของมนุษย์จริงๆในการทดสอบ เนื่องจากเส้นผมเทียมไม่สามารถให้ผลในการทดสอบที่แม่นยำ และไม่สามารถนำมาใช้ทดแทนผมมนุษย์จริงได้ เพราะผมของคนเรามีหลายแบบ แตกต่างกันไป
ศึกษาเกี่ยวกับการเป่าผมและจัดแต่งทรงผม: เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไดร์เป่าผมที่ได้จะตรงกับความต้องการทั้งผู้บริโภคทั่วไปและช่างผมมืออาชีพ ทีมวิศวกรจึงต้องมีความเข้าใจในการใช้งานไดร์เป่าผมจริง แบบรู้ลึกลงในรายละเอียด
ให้ความสำคัญกับเรื่องของเสียง:เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปเวลาใช้มักจะมีเสียงดังรบกวน ดังนั้นทีมวิศวกรของไดสันจึงต้องศึกษาในการลดความดังของเสียงอย่างจริงจัง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเป็นไปตามความคาดหวัง ที่จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องเสียงดังรบกวนได้
ขนาดกะทัดรัด:แม้ทีมวิศวกรของไดสันจะมีอิสระในการพัฒนาเทคโนโลยีได้อย่างไม่มีข้อจำกัด แต่มีสิ่งหนึ่งที่เจมส์ ไดสัน จะเน้นย้ำกับทีมของเขาเสมอนั่นคือ ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ออกแบบมาต้องมีขนาดเล็ก กะทัดรัด น้ำหนักเบา และใช้งานง่าย เพราะเขาตระหนักดีว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้ใช้มีความสะดวกสบายมากขึ้น