YAHOO on January 13, 2017, 02:30:10 PM
“นนทรีเกมส์” ปลูกฝัง “น้ำใจนักกีฬา-จิตอาสา” เตรียมพร้อมเยาวชนคนสาธิตฯ สู่ “ผู้นำสร้างสรรค์” ในอนาคตภาพถ่ายทางอากาศ พิธีปิดกีฬาสาธิตสามัคคีครั้งที่ 41 นนทรีเกมส์ (โดยชมรมรักษ์โรงเรียน)
ขับเคี่ยวด้วยใจเต็มร้อยและสปิริตนักกีฬาเต็มเปี่ยมตลอดสัปดาห์ ดังที่น้องๆ นักกีฬาสาธิตฯ ทั้ง 21 สถาบัน 17 ประเภทกีฬา และเหล่านักเรียนสาธิตเกษตรฯ นับพันคนที่มาร่วมโชว์การแสดง ได้ปฏิญาณตนไว้ในพิธีเปิด การแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 41 “นนทรีเกมส์” ที่จัดขึ้นอย่างตระการตา ทั้ง แสง สี เสียง เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2559 และปิดฉากลง เมื่อวันก่อน (12 มกราคม 2560) อย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการแสดงชุด “ทราวดี ศรีนครปฐม ปฐมนคร นครแห่งความจงรักภักดี” จาก โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ที่ได้รับไม้ต่อให้เป็นเจ้าภาพจัดการ แข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 42 “อินทนิลเกมส์” โดยงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ สนามอินทรีจันทรสถิตย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
นอกจากความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อชิงชัยเหรียญทอง 386 เหรียญ จาก 17 ประเภทกีฬา ได้แก่ กรีฑา กอล์ฟ ซอฟท์บอล เซปักตะกร้อ เทนนิส เทเบิลเทนนิส บาสเกตบอล แบดมินตัน เปตอง ฟุตบอล ฟุตซอล ลีลาศ วอลเลย์บอล ว่ายน้ำ หมากกระดาน ฮอกกี้ และแฮนด์บอล ของเหล่านักกีฬาเยาวชนแล้ว ระหว่างการแข่งขันยังสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มแห่งชัยชนะ น้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ ที่กลายเป็นความสามัคคีกลมเกลียวและมิตรภาพระหว่างสถาบันที่กระชับแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น สมกับคำขวัญการจัดการแข่งขันฯ ที่ว่าด้วย “เสริมกีฬา สร้างไมตรี สานสามัคคี นนทรีเกมส์”
ผศ. ดร.ศศิธร จ่างภากร ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการแข่งขันฯ กล่าวชมเยาวชนคนสาธิตฯ ว่า การแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 41 “นนทรีเกมส์” ที่ทางโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯ เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทุกประการ โดยเฉพาะเป้าหมายสำคัญที่ต้องการใช้กีฬาเพื่อพัฒนาให้นักเรียนมีความสมบูรณ์พร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งน้ำใจนักกีฬาที่นักเรียนสาธิตฯ มีในวันนี้ จะช่วยให้พวกเขาซึ่งเป็นอนาคตของชาติกลายเป็นผู้นำที่สร้างสรรค์ในวันข้างหน้า อันนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตและช่วยยกระดับสังคม ขณะที่กิจกรรมการแสดงก็ช่วยให้นักเรียนรู้จักคำว่าจิตอาสา และการทำงานเป็นหมู่คณะ ซึ่งทั้งหมดเป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ต้องการให้เกิดแก่นักเรียนสาธิตฯ ทุกคน ดังพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ความว่า “...การกีฬานั้นนับเป็นอุบกรณ์การศึกษาที่สำคัญยิ่ง เพราะเป็นการกล่อมเกลาให้เด็กมีจิตอดทน กล้าหาญ รู้แพ้รู้ชนะ ปลูกฝังพลานามัยให้แข็งแรงทั้งในด้านจิตใจและร่างกาย เป็นผลสืบเนื่องไปถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติอันเป็นยอดแห่งความปรารถนา...”
โดยผลการแข่งขันในปีนี้ ระดับประถมศึกษา อันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา คว้าได้ทั้งหมด 38 เหรียญทอง, 22 เหรียญเงิน และ 24 เหรียญทองแดง อันดับ 2 ได้แก่ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม คว้าได้ทั้งหมด 33 เหรียญทอง, 53 เหรียญเงิน และ 33 เหรียญทองแดง และอันดับ 3 ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายประถม) คว้าได้ทั้งหมด 25 เหรียญทอง, 17 เหรียญเงิน และ 30 เหรียญทองแดง
ส่วน ระดับมัธยมศึกษา อันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) คว้าได้ทั้งหมด 42 เหรียญทอง, 26 เหรียญเงิน และ 39 เหรียญทองแดง อันดับ 2 ได้แก่ โรงเรียนแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา คว้าได้ทั้งหมด 39 เหรียญทอง, 38เหรียญเงิน และ 33 เหรียญทองแดง และอันดับ 3 ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ฝ่ายมัธยม คว้าได้ทั้งหมด 34 เหรียญทอง, 43 เหรียญเงิน และ 48 เหรียญทองแดง
ตั้งใจซ้อมอย่างมีวินัยทั้งเช้าและเย็นก่อนการแข่งขันนาน 8 เดือน หวังคว้าชัย 5 เหรียญทองให้โรงเรียนและเป็นรางวัลให้กับตัวเอง น้องอองรี – ด.ช.ศิรา มารมย์ อายุ 7 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักกีฬาว่ายน้ำ ที่อาศัยกีฬาช่วยรักษาอาการภูมิแพ้ตั้งแต่วัยเยาว์ เผยความรู้สึกหลังได้ 5 เหรียญทอง และถ้วยรางวัลนักกีฬาดีเด่นในกีฬาว่ายน้ำ รุ่นอายุไม่เกิน 7 ปี ชาย ประจำการแข่งขันครั้งที่ 41 ว่า ดีใจมากที่ได้เหรียญทองกลับบ้านถึง 5 รางวัล ซึ่งเป็นเรียนทองในทุกรายการที่ลงแข่งขัน เพราะปีที่แล้วไม่ติดคัดเลือก ก่อนแข่งในปีนี้จึงพยายามฝึกซ้อมตามที่โค้ชบอก และมีพ่อ แม่ และลุง คอยดูแลผมอยู่ตลอด ปีหน้าก็จะลงคัดเลือกเพื่อร่วมแข่งขันอีก ก็หวังเหรียญทองไว้เช่นเดิม เพราะความฝันของผมคือนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ และมี ไมเคิล เฟลป์ส เป็นไอดอลครับ
ด้านเยาวชนรุ่นเล็กที่มาร่วมแสดงในพิธีเปิด น้องโคโค่-ด.ญ.ศิรดา สังขะทรัพย์ และ ด.ญ.รมิตา ศิริศักดิ์พาณิชย์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 นักแสดงชุด “การกีฬา เกริกก้อง เกรียงไกร” ในงานพิธีเปิดฯ เล่าถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมการแสดงในพิธีเปิดฯ ด้วยยิ้มละไม ว่า ตื่นเต้นมากค่ะที่ได้มาร่วมแสดง เพราะปีนี้ทางโรงเรียนเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน เมื่อได้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ก็ภาคภูมิใจมากๆ ค่ะ แม้อากาศร้อนและเหนื่อยเพราะซ้อมถึงค่ำกว่าคุณแม่จะมารับ แต่ก็ตั้งใจฝึกซ้อมตามที่คุณครูสอน ซึ่งพอได้ยินเสียงปรบมือระหว่างแสดงก็ทำให้พวกหนูดีใจ และอยากร่วมกิจกรรมแบบนี้กับทางโรงเรียนอีก
ด้านเยาวชนนักกีฬารุ่นโตขึ้นมา ในระดับมัธยมศึกษา ที่ยืนยันว่าไม่ได้มาแข่งกีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 41 “นนทรีเกมส์” เล่นๆ เพราะ น้องซี-ด.ญ.ธีมา ตงศิริ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ควงแขน น้องเกรซ-น.ส.เกรซ คริสติน ริชาร์ดสัน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สองนักกรีฑาสาวจากรั้วสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯ เล่าว่าทั้งคู่ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนักเช่นกัน ฉะนั้น รางวัลชนะเลิศคะแนนรวมกีฬากรีฑาที่ได้มาครองในครั้งนี้ จึงสร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเองและสถาบัน โดย น้องซี เผยว่า 3 เหรียญทองจากการแข่งวิ่งเดี่ยว 200 เมตร เดี่ยว 400 เมตร และวิ่งผลัด 4x400 เมตร ล้วนเป็นผลลัพธ์มาจากการซ้อมอย่างหนักและทำตามที่โค้ชแนะนำอย่างเคร่งครัด พอชนะจึงภูมิใจในตัวเอง ซึ่งจริงๆ ก็มั่นใจ และคิดว่าตอนลงแข่งทำได้ดีกว่าตอนซ้อมเนื่องจากไม่มีโอกาสให้เราได้แก้ตัวอีกและคิดอยู่เสมอว่าต้องวิ่งให้เร็วที่สุดและอยู่นำหน้าคนอื่น ทั้งนี้ ต้องขอบคุณครอบครัวที่ให้การสนับสนุนให้เราได้ทำตามความฝันกับการเป็นนักวิ่งของโรงเรียนค่ะ
“รู้ตัวว่าชอบวิ่งมาตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จึงพยายามฝึกฝนเรื่อยมา และที่ผ่านมาเน้นวิ่งแต่ระยะสั้น ปีนี้เป็นปีแรกที่ลงแข่งวิ่งระยะยาว ก็ไม่คิดว่าจะผลจากทุ่มเทซ้อมอย่างสม่ำเสมอ และซ้อมหนักก่อนแข่งนาน 1 เดือน จะช่วยให้คว้าเหรียญทองมาได้ถึง 2 เหรียญ จากเดี่ยว 100 เมตร และวิ่งผลัด 4x400 เมตร เมื่อเราทำอย่างดีที่สุด ผลจะออกมาอย่างไรก็น้อมรับเสมอค่ะ” น้องเกรซ ระบุ
ขณะที่ น้องก้อง-ด.ช.ศรัณย์ภัทร จันทร์แจ่มใส อายุ 11 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯ นักกีฬาฟุตบอลตำแหน่งปีกซ้าย ซึ่งได้ตำแหน่ง “ผู้ยิงประตูได้มากที่สุดในการแข่งขัน” หรือ “ดาวซัลโว” ประจำการแข่งขันในปีนี้ จากสถิติการยิงประตูให้ทีมคนเดียวถึง 7 ประตู ถือการยิงประตูมากที่สุดในการแข่งขัน กล่าวว่า รางวัลที่ได้ผมมองว่าไม่ได้มาจากผมคนเดียว แต่มาความทุ่มเทของทั้งทีมที่ช่วยกันและช่วยดันให้ผมยิงประตูได้ แต่ภูมิใจครับเพราะเป็นรางวัลใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของการเล่นฟุตบอลมา ส่วนเคล็บลับที่ทำให้ผมมีพลังขนาดนี้ ก็ต้องกินให้เยอะและมีวินัยขยันซ้อมครับจะได้มีแรง ส่วนแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมหันมาสนใจเล่นฟุตบอลมาจากคุณพ่อของผมที่เล่นอยู่แล้ว
นางหทัยรัตน์ เพชรพนมพร วงษ์ประยูร นายกสมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคีที่จัดต่อเนื่องมาตลอด 40 กว่าปี เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้นักเรียนสาธิตฯ ทั้ง 21 สถาบัน มีคุณสมบัติและภูมิทางสังคมที่ดี คือเรียนดี กีฬาเด่น สามารถอยู่ร่วมกับสังคมแห่งความจริงได้ และมีภาวะผู้นำ ที่จะส่งผลต่อการเรียนซึ่งเลยไปถึงสังคมการทำงานในอนาคต นั่นคือเป้าหมายที่ผู้ปกครองตั้งความหวังไว้ อีกทั้ง การส่งเสริมให้เยาวชนเล่นกีฬาตั้งแต่ยังเล็ก ยังสามารถพัฒนาให้กลายเป็นนักกีฬาทีมชาติที่จะช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้ในอนาคตอีกด้วย
“อย่างไรก็ดี งานกีฬาสาธิตสามัคคียังทำให้ทางนักเรียน ครู-อาจารย์ และผู้ปกครอง ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกัน ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาระบบการเรียนการสอนให้โรงเรียนสาธิตฯ ทั้ง 21 ทั่วประเทศ มีความเป็นมาตรฐานอันหนึ่งอันเดียวกัน” นายกสมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุ
แม้คบเพลิงงานกีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 41 “นนทรีเกมส์” จะมอดดับลงไปแล้ว แต่ไฟกีฬาและจิตอาสายังคงสถิตอยู่ในใจเยาวชนคนสาธิตฯ และจะโชติช่วงขึ้นอีกครั้งในการแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี อินทนิลเกมส์ ในปี 2560
ข้อมูลสัมภาษณ์นักกีฬาเยาวชนในงานแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 41 “นนทรีเกมส์”
น้องแคน-ด.ช.ไทยอันน์ สิงหาปัด อายุ 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักกีฬาฟุตบอลตำแหน่งประตู ลูกชายสุดหล่อของผู้ประกาศดัง นายกิตติ สิงหาปัด เปิดใจว่า เป็นอีกปีที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวจริงเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลในงานกีฬาสาธิตสามัคคี “นนทรีเกมส์” ซึ่งตั้งใจว่าจะพิชิตเหรียญทองให้ได้ในปีนี้เพราะตั้งใจทำเต็มที่ ที่ผ่านมาผู้เล่นตำแหน่งประตูที่เริ่มฝึกมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้อะไรกับตนเองมากทั้งเรื่องวินัยและมิตรภาพ จากเด็กที่เรียนไม่เก่งแต่มีกีฬาทำให้รู้สึกภูมิใจในตัวเอง และจะฝึกฝนมากยิ่งขึ้นเพื่อใช้เป็นโควต้าในการศึกษาต่อในชั้นอุดมศึกษา
“ทุกตำแหน่งในสนามสำคัญหมดไม่ว่าจะเป็นตัวยิงหรือผู้รักษาประตู และการเล่นต้องไปกันเป็นทีมถึงจะชนะอีกทีมได้ ซึ่งผมก็บอกต่อน้องๆ ว่า พี่ภูมิใจในตำแหน่งการเล่นนี้ และอยากให้น้องๆ ที่กำลังมารับไม้ต่อเป็นผู้รักษาประตู ทำให้หน้าที่หน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด”
น้องเฟิร์น-น.ส.ณัชนนทน์ ตระกูลผุดผ่อง อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯ นักกีฬากรีฑา กล่าวว่า หลงใหลการวิ่งมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเป็นคนตัวเล็กและคิดว่าจะเล่นกีฬาประเภทนี้ได้ดี โดยได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคีตั้งแต่ครั้งที่ 35 และการแข่งขันครั้งที่ 40 ในปีที่แล้ว (2559) สามารถคว้าเหรียญรางวัลมาได้ทั้งหมด 15 เหรียญ อย่างไรก็ดี ส่วนตัวคิดว่าการได้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคี นอกจากความภาคภูมิใจในความสามารถของตัวเองและมีระเบียบวินัยตรงต่อเวลามากขึ้น ยังช่วยให้ได้เราได้รู้จักสังคมใหม่ๆ ได้เพื่อนต่างโรงเรียนที่จะมาแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการเรียน การฝึกซ้อม รวมถึงเรื่องๆ อื่นในชีวิตประจำวัน
น้องมาตัง-น.ส.ระดับดาว ศรีระวงศ์ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิง กล่าวว่า ส่วนตัวเริ่มเล่นกีฬามาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งเป็นการเล่นตามพี่ชาย ทั้ง ฟุตบอล ตะกร้อ ฯลฯ จนมาถึงวอลเล่ย์บอล เมื่อรู้สึกชอบจึงขออนุญาตพ่อแม่ว่าอยากเล่นจริงจังตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และได้ร่วมคัดเลือกให้เป็นตัวแทนโรงเรียนลงแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคีในปีนี้ (2560) เป็นปีที่ 2 ภูมิใจมากค่ะ แม้ปีที่แล้วทีมจะตกรอบแรกก็ตาม ปีนี้เลยทุ่มเทฝึกซ้อมควบคู่ไปกับการร้องเพลงที่เราชอบ และต้องบริหารจัดการในเรื่องเวลาเรียนไม่ให้ขาดตกบกพร่องด้วย เรียกว่า 7 วันต่อสัปดาห์ มาตังเรียน ฝึกซ้อม และทำงานด้วยการออกอีเวนต์ร้องเพลงตลอด สู้ค่ะ
น้องต้นน้ำ-ด.ช.ศุภกร อมรวิวัฒน์ อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯฯ นักกีฬาปิงปอง กล่าวว่า ตนเองเริ่มเล่นปิงปองมาตั้งแต่อายุ 9 ปี และเข้าร่วมแข่งขันกีฬาสาธิตสามัคคีมาแล้ว 3 ครั้ง โดยในปีนี้ (2560) เป็นปีที่ 4 ส่วนปีที่แล้ว (2559) แข่งขันชนะได้มา 2 เหรียญทอง และอีก 1 เหรียญเงิน ทั้งนี้ คนที่ชักชวนให้เล่นปิงปองคือคุณพ่อ และเมื่อมาเห็นรุ่นพี่เล่นกันเก่งมากตนจึงอยากเก่งแบบพี่ๆ ซึ่งการเล่นปิงปองทำให้มีเพื่อนเยอะขึ้น สุขภาพแข็งแรง รู้จักแบ่งเวลาและมีสมาธิ ซึ่งการมีสมาธิช่วยให้การเรียนดีขึ้น ทำเข้าใจในสิ่งที่ครูสอนได้ดี และการมีวินัยที่ต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อนซ้อม ก็ทำให้เราทั้งเรียนและเล่นกีฬาไปได้พร้อมๆ กัน
« Last Edit: January 13, 2017, 02:39:50 PM by YAHOO »
Logged