KTAMชูกองทุนตปท.ติดอันดับMorningstar แนะลงทุนกระจายเสี่ยงสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า ในปี 2559 บริษัทได้นำเสนอกองทุนต่างๆเพื่อเพิ่มโอกาสแก่นักลงทุนในการสร้างทางเลือกให้สามารถตอบโจทย์การลงทุนได้ทุกช่วงเวลา ในทุกๆวัฐจักรของตลาดเงิน ตลาดทุน โดยในช่วงที่ผ่านมา กองทุนรวมต่างประเทศ ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่สามารถกระจายการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี และสามารถลดความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนได้ โดยเฉพาะนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการความผันผวนของราคาน้ำมันที่ส่งผลต่อสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เหตุการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น Brexit หรือ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผิดจากการคาดการณ์ของหลายๆฝ่าย ซึ่งได้สร้างความผันผวนต่อตลาดต่างๆค่อนข้างมาก
กองทุนรวมต่างประเทศของบริษัท ยังคงสามารถตอบโจทย์และมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี ให้กับผู้ลงทุนได้ โดยอยู่ในอันดับต้นๆของกลุ่มการลงทุนต่างประเทศ จากการจัดอันดับของ Morningstar ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2559 เช่น กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ เอ็นเนอร์จี ฟันด์ ( KT-Energy) ที่เน้นลงทุนในกองทุนหลัก BGF World Agriculture Fund ลงทุนหุ้นของบริษัททั่วโลก กลุ่มพลังงาน ที่ประกอบธุรกิจหลัก ด้านการสำรวจพัฒนาผลิตและจัดจำหน่ายพลังงาน , กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ โกลด์ แอนด์ เพรเชียส เอควิตี้ ฟันด์ ( KT-Precious) เน้นลงทุนในกองทุนหลัก Franklin Gold and Precious Metal Fund เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ ที่ประกอบธุรกิจเหมืองแร่ทองคำ และโลหะมีค่า , กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ แอนด์ ไมน์นิ่ง ฟันด์ (KT-Mining) ลงทุนในกองทุนหลัก Aliianz Global Metal and Mining เน้นหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลก ที่ประกอบธุรกิจเหมืองแร่ , กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ฟันด์ ( KT- Finance) ลงทุนในกองทุนหลัก Fidelity Fund –Global Financial Service Fund เน้นหุ้นบริษัททั่วโลกในกลุ่มการเงิน และการบริการทางการเงินเป็นหลัก เช่นตลาดหลัดทรัพย์ บริษัทเงินทุน และกองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน อิควิตี้ ฟันด์ ( KT-EURO) ลงทุนในกองทุนหลัก Invesco Continental European Small Cap Equity Fund เน้นหุ้นกลุ่มประเทศในแถบยูโรโซน ไม่รวม UK โดยกองทุนรวมหลักจะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2559 ย้อนหลัง1 ปี และ YTD (นับแต่2ม.ค.-9 ธ.ค.59) ดังนี้ กองทุนKT- Energy 16.84% , 21.23% Benchmark 22.57% , 24.21% กองทุน KT-Finance 11.17% , 9.24% Benchmark 6.13% , 4.98 % กองทุน KT-Mining 75.41% , 64.01% Benchmark 71.55% , 68.75% กองทุน KT- Precious 51.46% ,51.89 % Benchmark 50.00% 53.06% กองทุน KT- Euro 8.75% ,6.33% Benchmark -2.49 % และ-3.83% (รายละเอียดเพิ่มเติมตามเอกสารแนบ) ทั้งนี้ กองทุน ดังกล่าวมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี เนื่องจาก การพื้นตัวของกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงไปต่ำสุดอยู่ที่ $26 ต่อบาร์เรล และปรับขึ้นมาอยู่ที่ $50 ต่อบาร์เรล ส่งผลให้กลุ่มโลหะอุตสาหกรรม และโลหะมีค่า มีการฟื้นตัวด้วยเช่นกัน
ในปี 2560 KTAM มองว่าสินทรัพย์เสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นจะได้รับผลดี เนื่องจากการโยกย้ายเงินลงทุนจากตลาดพันธบัตรหรือตราสารหนี้เข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น โดยแนวทางการลงทุนนั้นจะเป็น Reflation หรือการฟื้นตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อตลาดตราสารหนี้ ในขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นจะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่สามาราถชดเชยต่ออัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นได้ รวมถึงความคาดหวังของตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จะส่งผลให้การเติบโตของบริษัทจดทะเบียนสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่ากล่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์ได้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมที่แปรผันตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ได้แก่ กลุ่มธนาคารและการเงิน กลุ่มพลังงาน กลุ่มโลหะอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับการฟื้นตัวของอัตราดอกเบี้ย ราคาพลังงาน และราคาโลหะอุตสากรรมที่ได้รับผลดีจากการกระตุ้นผ่านมาตราการการคลังทั้งจากรัฐบาลสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอาจมีรัฐบาลอื่นๆเพิ่มเติมหลังจากที่ได้ใช้นโยบายทางการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมาโดยตลอดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินคราวที่แล้ว
" ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลของกองทุนรวม ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน นโยบายการลงทุน ความเสี่ยงและผลการดำเนินงานของกองทนรวมที่เปิดเผยไว้ในแหล่งต่างๆ หรือให้ข้อมูลจากบุคคลที่ขายหน่วยลงทุนก่อนการตัดสินใจลงทุน และควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุนก่อนทำการลงทุน / การลงทุนในกงอทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนสูงหรือต่ำกว่ามูลค่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ เนื่องจาก กองทุนมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน " นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ โทร 0-2686-6100