FER กางแผนปี 60 สยายปีกธุรกิจพลังงานทดแทนเต็มสูบ

FER กางแผนปี 60 สยายปีกธุรกิจพลังงานทดแทนเต็มสูบ ลุยโรงไฟฟ้าพลังงานแก๊สชีวภาพ-โรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังการผลิตรวม 12 MW เตรียมทุ่มงบ 100 ลบ. ซื้อสถานีบริการแก๊ส LPG เพิ่ม 5-10 สาขา ต่อยอดธุรกิจสตาร์ แก๊ส



FER กางแผนธุรกิจปี60 เตรียมลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแก๊สชีวภาพ (Biogas) ขนาด 4 เมกะวัตต์-โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล (Biomass) ขนาด 8 เมกะวัตต์ สานต่อนโยบายสยายปีกสู่พลังงานทดแทนแบบเต็มสูบ   ทุ่มงบไม่เกิน 100 ล้านบาท ซื้อสถานีบริการแก๊ส LPG เพิ่มอีก 5-10 สาขาเพื่อต่อยอดธุรกิจ สตาร์แก๊ส ด้านหัวเรือใหญ่  “ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ระบุช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทและผู้ถือหุ้นในระยะยาว

ดร.ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟอร์รั่ม จำกัด (มหาชน) (FER) เปิดเผยว่าในปี 2560 บริษัทฯ มีแผนจะเข้าลงทุนในธุรกิจ LPG และธุรกิจพลังงาน ประกอบด้วย 1.การเข้าลงทุนในบริษัท สตาร์ แก๊ส จำกัด (สตาร์ แก๊ส) ผู้ประกอบธุรกิจสถานีบริการแก๊ส LPG และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง งบประมาณที่คาดว่าจะใช้ในเบื้องต้น 550 ล้านบาท  ซึ่งเข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 100%  นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายเครือข่ายธุรกิจสถานีบริการแก๊ส LPG ให้ครอบคลุมตามความต้องการของผู้บริโภค โดยการซื้อสถานีบริการแก๊ส LPG เพิ่มอีก 5-10 สาขา ภายในปี 2560 ด้วยงบประมาณการลงทุนคาดว่าไม่เกิน 100 ล้านบาท ซึ่งทางบริษัทฯ มีเกณฑ์ในการเลือกสถานีบริการแก๊ส LPG ที่มีศักยภาพ มีที่ตั้งบนถนนเส้นหลัก อยู่ในแหล่งชุมชนและมีสิทธิการเช่าที่ดินระยะยาว

   2.การเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก โดยบริษัทฯ มีแผนเข้าลงทุน2 โครงการ ดังนี้ โครงการที่ 1 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแก๊สชีวภาพ (Biogas) ขนาด 4 เมกะวัตต์ งบประมาณที่คาดว่าจะใช้ในเบื้องต้น 170-240 ล้านบาท ตามสัดส่วนที่บริษัทฯคาดว่าจะลงทุน ส่วนสถานะและความคืบหน้าของโครงการปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุน รวมทั้งการตรวจสอบสถานะ ทั้งในด้านกฎหมาย (Legal Due Diligence) และด้านบัญชีและการเงิน (Accounting and Financial Due Diligence) ของโครงการดังกล่าว โดยโครงการเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว (COD) ส่วนอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่จะได้รับคาดว่าไม่ต่ำกว่า 12% และคาดว่ากระบวนการต่างๆ จะเสร็จภายในไตรมาสที่ 1/2560 โครงการที่ 2 คือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล (Biomass) ขนาด 8 เมกะวัตต์ งบประมาณที่คาดว่าจะใช้ในเบื้องต้น ไม่เกิน 500 ล้านบาท ตามสัดส่วนที่บริษัทฯคาดว่าจะลงทุน โดยแหล่งเงินทุนบางส่วนอาจมาจากการกู้ยืม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเจรจากับสถาบันการเงินและอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่จะได้รับคาดว่าไม่ต่ำกว่าต้นทุนเงินทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (WACC) ของบริษัทฯและคาดว่ากระบวนการต่างๆ จะเสร็จเรียบร้อยภายในไตรมาสที่ 4/2560

   ดร.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแก๊สชีวภาพ (Biogas) ขนาด 4 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล (Biomass) ขนาด 8 เมกะวัตต์ ยังอยู่ในช่วงการศึกษาความเป็นไปและเจรจาต่อรองกับผู้ขาย ทางบริษัทฯจึงไม่สามารถเปิดเผยถึง 1.ชนิดของเชื้อเพลิง 2.สัดส่วนที่บริษัทฯคาดว่าจะลงทุน และ 3. วันที่โครงการเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้บริษัทฯเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจได้และกระทบต่อการเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ หากผลการศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการรวมถึงผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่ต้องการ บริษัทฯ ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าลงทุน

“ ยังคงมีโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาในลำดับถัดๆไป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นในระยะยาว โดยเมื่อรายละเอียดของโครงการมีความชัดเจน รวมถึงบริษัทฯ ตัดสินใจที่จะเข้าลงทุนในโครงการใดๆ แล้ว จะดำเนินการเปิดเผยข้อมูลตามขั้นตอนและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป คาดว่าจะได้รับประมาณ 14% และกำหนดแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2560  นอกจากนี้ ก็มีลงทุนอีก 2 โครงการในธุรกิจพลังงาน  ซึ่งทั้ง 2 โครงการเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว ซึ่งจะช่วยต่อยอดรายได้และสร้างฐานธุรกิจของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งและมั่นคง ” ดร.ประสิทธิ์ กล่าว

   นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติแต่งตั้ง นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป