happy on December 05, 2016, 07:19:54 PM
Sing ร้องจริง เสียงจริง
กำหนดฉายในไทย 22 ธันวาคม 2559
จัดจำหน่าย: บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด
แมทธิว แม็คคอนนาเฮย์ พร้อมด้วย รีส วิทเธอร์สปูน, เซ็ธ แม็คฟาร์เลน และ สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน นำทีมให้เสียงพากย์ในผลงานใหม่ของอิลลูมิเนชั่น เอนเตอร์เทนเมนท์ Sing ร้องจริง เสียงจริงมิวสิคัลคอเมดีเกี่ยวกับการตามหาดวงดาวที่เปล่งประกายภายในตัวเราทุกคนอิลลูมิเนชั่น เอนเตอร์เทนเมนต์ เคยสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลกมาแล้วด้วยภาพยนตร์ยอดนิยมที่เป็นที่รักอย่าง Despicable Me, Dr. Seuss’ The Lorax, Despicable Me 2 และ Minions และปลายปีนี้ ก็ภูมิใจนำเสนอ Sing ร้องจริง เสียงจริงภาพยนตร์ที่จะออกฉายส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ แมทธิว แม็คคอนนาเฮย์, รีส วิทเธอร์สปูน, เซ็ธ แม็คฟาร์เลน, สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน, จอห์น ซี. ไรลีย์, ทารอน อีเกอร์ตันและทอรี เคลลี มาร่วมพากย์เสียงและร้องเพลงในภาพยนตร์Sing ร้องจริง เสียงจริงผลงานล่าสุดจากอิลลูมิเนชั่น เอนเตอร์เทนเมนต์ เป็นเรื่องราวเกิดขึ้นในโลกที่เหมือนกับโลกของเรา เพียงแต่มีประชากรเป็นเหล่าสิงสาราสัตว์ ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของบัสเตอร์ มูน (แมทธิว แม็คคอนนาเฮย์ นักแสดงเจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ด) โคอาลาตัวแสบผู้บริหารงานโรงละครที่ครั้งหนึ่งยิ่งใหญ่ แต่มาบัดนี้ถึงคราวตกอับ บัสเตอร์มองโลกในแง่ดีเสมอ แต่อาจจะโกงนิดๆ เขารักโรงละครของเขาเหนือสิ่งอื่นใดและจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษามันไว้ ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับการล่มสลายของความฝันทั้งชีวิตของเขา เขาก็มีโอกาสสุดท้ายเพียงครั้งเดียวเพื่อฟื้นฟูเพชรยอดมงกุฏที่กำลังหมดประกายของเขาให้กลับมาเจิดจรัสดังเดิมด้วยการจัดการแข่งขันร้องเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในการแข่งขันมีตัวเก็งอยู่ 5 ราย คือ หนู (เซ็ธ แม็คฟาร์เลน) ผู้ขยับลูกคอได้พลิ้วไหวพอๆ กับลีลาในการต้มตุ๋นของเขา, ช้างสาวขี้อาย (ทอรี เคลลี) ผู้เกิดอาการตื่นเวทีได้เสมอ, คุณแม่ผู้เหนื่อยล้า (รีส วิทเธอร์สปูน เจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ด) ผู้วิ่งวุ่นกับการดูแลลูกน้อยทั้ง 25 ตัวของเธอ, กอริลลาแก๊งสเตอร์หนุ่ม (ทารอน อีเกอร์ตัน) ผู้ต้องการจะหลุดพ้นจากธุรกิจมืดของครอบครัว และเม่นสาวพังค์ร็อค (สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน) ผู้พยายามจะสลัดแฟนหนุ่มหลงตัวเองของเธอและโชว์เดี่ยว แต่ละตัวตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันของบัสเตอร์ด้วยความเชื่อว่า การแข่งขันครั้งนี้เป็นโอกาสให้พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองSing ร้องจริง เสียงจริงมาพร้อมกับเพลงฮิตมากกว่า 65 เพลง ตั้งแต่ยุค 30-40 ปีที่ผ่านมา จนถึงยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังได้ศิลปินระดับตำนานอย่าง สตีวี วันเดอร์ (Stevie Wonder) เจ้าของรางวัลออสการ์และรางวัลแกรมมี่ มาร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ชื่อว่า “Faith” ร่วมกับ อาเรียนา แกรนเด (Ariana Grande) ศิลปินสาวระดับมัลติแพลตตินั่มที่เคยได้รับเสนอชื่อชิงรางวัลแกรมมี่มาแล้ว โดยได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ระดับท็อป ไรอัน เท็ดเดอร์ (Ryan Tedder) นักแต่งเพลง/โปรดิวเซอร์รางวัลแกรมมี่ เบื้องหลังความสำเร็จของอะเดล (Adele), บียอนเซ่ (Beyonce) และยูทู (U2) ที่ควบตำแหน่งนักร้องนำวงวันรีพับบลิก (OneRepublic) และเบนนี่ บลังโก นักแต่งเพลง/โปรดิวเซอร์ที่เคยสร้างผลงานให้กับริฮานน่า (Rihanna), เอ็ด ชีแรน (Ed Sheeran) และแคที เพอร์รี (Katy Perry) มาแล้วอย่าให้ความกลัวมาขวางทางฝัน เตรียมพบกับอนิเมชั่นที่จะตามหาดวงดาวที่เปล่งประกายในตัวเราทุกคน Sing ร้องจริง เสียงจริง 22 ธันวาคม ในโรงภาพยนตร์ข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างบริษัทอิลลูมิเนชันได้ใจคนดูหนังทั่วโลก ด้วยหนังทำเงินที่คนดูชื่นชอบ อย่าง Despicable Me, Dr. Seuss’ The Lorax, Despicable Me 2 และ Minions ซึ่งตอนนี้เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ทำเงินสูงที่สุดตลอดกาลอันดับสอง หลังจากมี The Secret Life of Pets ออกฉายไปแล้ว อิลลูมิเนชันจะมี Sing ตามออกมาในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีนี้
Sing เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องที่หกของอิลลูมิเนชัน เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของผู้กำกับและเขียนบท การ์ธ เจนนิงส์ (จาก Son of Rambow และ The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy) กับคริส เมเลดานดรี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของสตูดิโอ
หนังให้เสียงพากย์โดยนักแสดงรางวัลออสการ์ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ (ออสการ์จากเรื่อง Dallas Buyers Club) และรีส วิทเธอร์สปูน (รางวัลออสการ์จากเรื่อง Walk the Line) ร่วมกับเซธ แม็คฟาร์เลน (จาก Ted), สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน (จากหนังชุดThe Avengers), จอห์น ซี.ไรลีย์ (Wreck-It Ralph), ทารอน เอเจอร์ตัน (Kingsman: The Secret Service) และทอรี เคลลี นักร้องสาวที่เคยเข้าชิงรางวัลแกรมมี
เรื่องราวของ Sing เกิดขึ้นในโลกที่เหมือนกับโลกของเรา แต่มีประชากรเป็นเหล่าสิงสาราสัตว์ ดารานำของเรื่องคือบัสเตอร์ มูน (แม็คคอนาเฮย์) โคอาลาหนุ่มเนี้ยบ ผู้บริหารโรงละครที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ แต่ถึงกาลตกต่ำและกำลังลำบาก บัสเตอร์มองโลกในแง่ดีตลอดกาล-บางคนบอกว่าเกินจริงด้วยซ้ำ เขารักโรงละครของเขาเหนือสิ่งอื่นใด และจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษามันไว้ ตอนนี้เมื่อเผชิญกับการล่มสลายของความฝันทั้งชีวิต เขามีโอกาสครั้งสุดท้ายเพื่อฟื้นฟูอัญมณีล้ำค่าของเขาที่กำลังหมดประกาย ให้กลับมาเจิดจรัสดังเดิม ด้วยการจัดการประกวดร้องเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกขึ้น
ผู้เข้าแข่งขันห้ารายที่เป็นตัวเต็ง คือไมค์ (แม็คฟาร์เลน) หนูผู้ครวญเพลงได้พลิ้วพอๆ กับลีลาการต้มตุ๋น, มีนา (เคลลี) ช้างสาววัยรุ่นขี้อายที่ตื่นเวที, โรสิตา (วิทเธอร์สปูน) แม่หมูที่เหนือยล้ากับการวิ่งวุ่นเลี้ยงลูกหมู 25 ตัวของเธอ, จอห์นนี (เอเจอร์ตัน) กอริลลาแก็งสเตอร์หนุ่มผู้ต้องการเป็นอิสระจากการทำผิดกฎหมายของครอบครัว และแอช (โจแฮนส์สัน) เม่นสาวพังค์ร็อคที่พยายามสลัดแฟนหนุ่มผู้อวดดีของเธอและโชว์เดี่ยว
พวกเขามาที่โรงละครของบัสเตอร์ ด้วยความเชื่อว่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่จะได้เปลี่ยนแปลงชีวิต และเมื่อบัสเตอร์สอนผู้เข้าแข่งขันแต่ละตัวของเขาใกล้ช่วงแกรนด์ ฟินาเลเข้าไปทุกที เขาก็เริ่มเรียนรู้ว่า บางทีโรงละครอาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ
เจนนิเฟอร์ ซอนเดอร์ส (Absolutely Fabulous) เป็นนานา นูเดิลแมน ยายของเอ็ดดี้, นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน (Dreamgirls) ให้เสียงร้องของนานาวัยสาว, ปีเตอร์ เซราฟิโนวิชซ์ (Spy) เป็นบิ๊ก แด๊ดดี้ พ่อของจอห์นนี, นิค ครอลล์ (จากซีรีส์ The League) เป็นกุนเทอร์ หมูจอมพลังคู่เต้นของโรสิตา, เจย์ ฟาโรห์ (Saturday Night Live) และเลสลี โจนส์ (Ghostbusters) เป็นตาและแม่ของมีนา, นิค ออฟเฟอร์แมน (จากซีรีส์ Parks and Recreation) เป็นนอร์แมน สามีของโรสิตา และเบ็ค เบนเน็ตต์ (Saturday Night Live) เป็นแลนซ์ แฟนหนุ่มของแอช
Sing มีเพลงฮิตมากกว่า 65 เพลง อำนวยการสร้างโดยคริส เมเลดานดรี และเจเน็ต ฮีลี ผู้อำนวยการสร้างที่ร่วมงานกับเขามานาน ทั้งสองคนร่วมกันดูแลการผลิตภาพยนตร์ของอิลลูมิเนชันมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
ทีมงานสำคัญจากอิลลูมิเนชันที่กลับมาร่วมงานกัน ยังรวมถึงเกรเกอรี เพอร์เลอร์ คนตัดต่อ, อีริก กียง ผู้ออกแบบฉากและตัวละคร, คริสตอฟ ลูร์เดเลต์ ผู้ช่วยผู้กำกับ และปาตริก เดอลาจ กับปิแอร์ เลอดูก สองผู้กำกับการเคลื่อนไหวของตัวการ์ตูน พวกเขาได้โจบี ทัลบอต คนทำดนตรีประกอบ, ฮาร์วีย์ เมสัน จูเนียร์ โปรดิวเซอร์ด้านดนตรี และโจโจ วิลลานูเอวา ผู้ดูแลงานด้านดนตรีเข้ามาเสริมทีมในครอบครัวอิลลูมิเนชันเกี่ยวกับการสร้าง
กว่าจะกลายมาเป็น Singก่อนหน้านี้ คริส เมเลดานดรีเคยร่วมงานกับคนทำหนังหลายคนที่เริ่มต้นอาชีพด้วยการทำภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดสั้น แต่ Sing คือครั้งแรกสำหรับผลงานของอิลลูมิเนชัน ที่เขาร่วมงานกับคนทำหนังที่มาจากหนังใช้คนแสดง เมเลดานดรี ซึ่งแน่ใจว่าเส้นทางการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ของการ์ธ เจนนิงส์ จะทำให้การร่วมงานกันมีเสน่ห์ที่เป็นแบบฉบับ บอกว่าการเชื่อมโยงถึงกันของเขากับเจนนิงส์เริ่มต้นมานานก่อนที่ผู้กำกับและเขียนบท Sing จะรู้ตัวด้วยซ้ำ “ผมหลงรักหนังอินดี้เรื่อง Son of Rambow ของการ์ธ ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนเล่าเรื่องที่น่าเชื่อถือ และชอบที่หนังอิงมาจากชีวิตวัยเด็กของเขาในฐานะนักทำหนังสมัครเล่น” นอกจากนี้ ประสบการณ์การกำกับมิวสิควิดีโอมายาวนานของเจนนิงส์ก็ทำให้เกิดมุมมองที่น่าสนใจและจับเอาพลังของดนตรีมาใช้ในการบอกเล่าเรื่องราวที่เป็นภาพอีกด้วย “ผมมีลางสังหรณ์ว่าความละเอียดอ่อนของการ์ธ เหมาะสมที่สุดกับไอเดียนี้ที่อยู่ในใจผม”
ในการเดินทางไปอังกฤษครั้งหนึ่งของเมเลดานดรี เขาขอนัดเจอกับเจนนิงส์ และถ่ายทอดไอเดียเริ่มแรกเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ให้ฟัง เมเลดานดรีเอารูปโคอาลาสี่ตัวให้เขาดู และบอกให้เขาลองจินตนาการภาพโคอาลาสี่ตัวนี้กำลังถือไมค์ เขาถามเจนนิงส์ว่าคิดยังไงกับการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการประกวดร้องเพลง ซึ่งฉากของหนังเกิดขึ้นในโลกที่ประชากรทั้งหมดเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ “ผมรู้ว่าการ์ธกับผมเป็นคนที่รักเพลงเหมือนกัน และเขาเป็นนักเล่าเรื่องที่มีพรสวรรค์ เราทั้งคู่รู้สึกว่าความคิดนี้จะให้โอกาสเราในการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ดึงดูดใจคนทั้งโลก คือการเล่าเรื่องราวที่มีดนตรีเป็นพื้นฐาน
เจนนิงส์เห็นด้วยว่าการเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นมาจากการชอบในสิ่งเดียวกัน “ประมาณห้าปีที่แล้ว ผมพบกับคริสตอนเขาผ่านไปลอนดอน เราคุยกันเกี่ยวกับหนังแบบที่เราอยากทำ และไอเดียของคริสก็ทำให้เรารวมทุกอย่างที่เราชอบมาไว้ด้วยกันในเรื่องเดียว เราเพิ่งดื่มชาไปแค่ครึ่งกา แต่ผมก็ตื่นเต้นเป็นบ้าไปแล้ว เพราะนี่เป็นหนึ่งในไอเดีย ที่คุณมองเห็นศักยภาพของมันได้ทันทีในทุกทาง”
เจนนิงส์ทำงานร่วมกับเมเลดานดรีในการสร้างสรรค์ Sing ที่ตัวละครทุกตัวทุ่มเททุกอย่างสำหรับโอกาสที่เปลี่ยนชีวิตได้ ที่จริง เหล่านักร้องก็เจอกับปัญหาแบบที่เราเจอกันอยู่ทุกวันในบางกรณี เช่น ความรู้สึกที่ถูกครอบครัวมองข้าม, ความกังวลเรื่องภาระค่าใช้จ่าย, การเอาชนะอุปสรรคที่ขวางกั้นความสุข และการสร้างความมั่นใจในตัวเอง การเล่าเรื่องราวของหนังจะมีจุดเริ่มต้นมาจากบัสเตอร์ มูน โคอาลาเจ้าของโรงละคร ที่ได้สัมผัสกับโรงละครครั้งแรกตอนเป็นเด็ก ช่วงเวลานั้นเองที่เขากับพ่อได้พบกับค่ำคืนแห่งมนต์ขลังที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล “ตอนต้นของหนัง คุณจะเห็นบัสเตอร์ มูนตอนเป็นโคอาล่าเด็กอายุหกขวบ พ่อของเขาพาไปโรงละครเป็นครั้งแรก และมันทำให้เขาทึ่งมาก ประสบการณ์นี้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขา และโตมาพร้อมกับความฝันที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งโรงละคร หลังจากนั้นเราก็ได้พบกับบัสเตอร์ในปัจจุบัน เขาเป็นเจ้าของโรงละครที่เขารักมาก”
ฮีโร่ที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่สุดตัวนี้ เป็นตัวละครที่มีความสำคัญต่อตัวละครที่เหลือ ขณะที่เจนนิงส์และเมเลดานดรีกำลังพัฒนาและปรับตัวละครบัสเตอร์ มูนให้เข้าที่ ทั้งคู่ต่างก็พบว่าได้แรงบันดาลใจจากเจ้าของโรงละครตัวนี้ ซึ่งกำลังฟันฝ่าอุปสรรคด้วยความพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อทำในสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ ให้สำเร็จ บัสเตอร์กลายเป็นผู้สร้างสรรค์ในที่สุด
สำหรับเมเลดานดรี การทำหนังเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์ การที่เราเริ่มต้นจากการมีแค่ไอเดียอย่างเดียว และเราชักจูงโน้มน้าวให้คนอื่นมาร่วมเดินทางของเรา ผ่านการรวมกันของความตั้งใจมั่น, ความกล้าบ้าบิ่น, ความเชื่อเต็มร้อย, ความเพ้อฝันนิดหน่อย และการเป็นนักขายมากหน่อย “ในท้ายที่สุด ถ้าเราโชคดี, กล้าหาญ และมีความศรัทธามากพอ สิ่งมหัศจรรย์บางอย่างจะเกิดขึ้น นั่นคือเราทำให้ความฝันมีชีวิตขึ้นมา เช่นเดียวกับบัสเตอร์ เรามีสิทธิพิเศษจากสิ่งที่เราทำ ในการพาผู้คนเดินทางออกจากชีวิตประจำวันของพวกเขา ไปสู่บางสิ่งที่ดีกว่า บางครั้งก็สองชั่วโมง บางทีก็นานกว่านั้น”
ระหว่างที่เจนนิงส์และเมเลดานดรีเริ่มทำให้จักรวาลนี้มีชีวิตขึ้นมา พวกเขารู้สึกว่าการทำให้โลกที่ตัวละครอาศัยอยู่อิงจากโลกในชีวิตจริงเป็นสิ่งสำคัญ การที่คนดูได้เห็นตัวละครสิงสาราสัตว์เหล่านี้มีความหวังและความกลัวเหมือนที่เรามี เป็นความเชื่อมโยงถึงกันที่สำคัญ ที่เมืองนี้ โรงละครเป็นส่วนที่อยู่ใจกลางของความขัดแย้ง, ความสุข และการแก้ไขของทุกตัวละคร ถ้าบัสเตอร์เสียบ้านของเขา ก็คงต้องนอนที่โต๊ะทำงานในออฟฟิศที่โรงละครจริงๆ ตัวละครทุกตัวจะสูญเสียโอกาสของการได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปสู่สิ่งที่มากเกินกว่าที่พวกเขาเคยนึกฝันไว้
ผู้อำนวยการสร้าง เจเน็ต ฮีลีบอกว่าสถานการณ์ของบัสเตอร์ที่โรงละครสาหัสขึ้นทุกขณะที่เวลาผ่านไป “บัสเตอร์เป็นโปรดิวเซอร์ที่ประสบปัญหาเรื่องการเงินอย่างมาก เขาเป็นโชว์แมนที่รักโรงละครของเขา และจัดละคร จัดการแสดง แต่ระยะหลัง ไม่มีเรื่องไหนประสบความสำเร็จ ความกดดันคือเขาต้องจ่ายค่าจ้างทีมงาน, จ่ายเงินกู้ธนาคาร และจ่ายค่าไฟ สถานการณ์ของเขาเลยวิกฤติมาก”
สำหรับเจนนิงส์, เมเลดานดรี และฮีลี สิ่งที่ทำให้ Sing โดดเด่นคือความหลงใหลในดนตรีของทีมผู้สร้าง จากเพลงพ็อพของยุคนี้ จนถึงเพลงที่ได้รับความนิยมมายาวนาน หนังมีเพลงให้ฟังกันเต็มอิ่มมากกว่า 65 เพลง ตั้งแต่การนำเพลงอมตะของแฟรงค์ ซินาตรามาร้องใหม่, เพลงแนวอาร์แอนด์บีของเดรก จนถึงเพลงพ็อพของแคที เพอร์รี และเลดี้ กาก้า เจนนิงส์บอกว่า “การเล่าเรื่องราวด้วยเพลง และมีเพลงหลากหลายแนวให้ดึงมาใช้ เป็นเหตุผลใหญ่ที่เราตื่นเต้นเกี่ยวกับ Sing ตั้งแต่แรก การทำให้คนดูสนใจเรื่องราวของตัวละครทุกตัวเป็นสิ่งสำคัญ และการใช้เพลงร้อยเรื่องราวของพวกเขาเข้าด้วยกัน ทำให้เราสามารถทำได้ ในแบบที่การเล่าเรื่องแบบอื่นทำไม่ได้”
อันที่จริง ดนตรีถูกเรียงร้อยต่อเนื่องกันผ่านทางภาพเกือบทุกภาพของ Sing ฮีลีบอกว่า “เพราะมันเป็นหนังเกี่ยวกับการประกวดร้องเพลง มีฉากยาวๆน่าทึ่งหลายฉากที่เราตัดภาพของตัวละครหลายๆตัวตอนออดิชั่นและตอนซ้อมมาเรียงต่อกัน หนังเต็มไปด้วยเพลง เรามีดนตรีระหว่างแต่ละฉากและเพลงมากมาย ที่นำความรู้สึกเราจากฉากหนึ่งไปอีกฉากหนึ่ง”
สำหรับเจนนิงส์ การมีโอกาสได้เห็นโปรเจ็คต์ตั้งแต่เริ่มต้นการพัฒนางาน จนถึงตอนที่หนังออกฉายในโรง เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่มาก ในขณะที่เขาบอกว่าการเขียนบทคือส่วนที่น่าสนใจที่สุดของขั้นตอนการทำงาน เขาก็ถ่อมตัวกับการได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่ทั้งเขียนบทและกำกับในภาพยนตร์แนวแอนิเมชัน
นอกจากนี้ เจนนิงส์ยังพากย์เสียงตัวละครสมทบตัวหนึ่ง และเป็นตัวขโมยซีน ตอนตัวละครที่เขาพากย์ คือมิสครอว์ลีผู้ช่วยเก่าแก่ของบัสเตอร์ พิมพ์ตัวเลขผิด ทำให้เงินรางวัลสำหรับผู้ชนะกลายเป็น 100,000 เหรียญ แทนที่จะเป็น 1,000 เหรียญ เธอได้ทำให้เกิดเหตุการณ์สำคัญของ Sing ขึ้น เขาหัวเราะและบอกว่า “ผมมีความสามารถโดยธรรมชาติในการพากย์เป็นกิ้งก่าตัวเมียสูงวัย”
เมเลดานดรีกล่าวว่า “Sing เป็นหนังที่คนดูเชื่อมโยงถึง, สนุก, เข้าใจ, อิ่มใจ และเหนื่ออื่นใด มีความเป็นมนุษย์ แม้จะแสดงโดยสิงสาราสัตว์ เราอยากทำหนังที่ให้คนดูเข้าถึงหนังได้หลายทาง และมีสาระสำคัญที่สื่อสารถึงคนดูมากที่สุดที่จะเป็นไปได้ ผมทำนายว่าคนดูจะหลงรักตัวละครเหล่านี้ และสนใจเรื่องราวของพวกเขาขณะที่ตัวละครทั้งหมดหาทางชนะการประกวดร้องเพลง ที่จัดขึ้นโดยบัสเตอร์ ผู้มองโลกในแง่ดีสุดๆ”
« Last Edit: December 05, 2016, 07:24:05 PM by happy »
Logged