ที่เข้ามาร่วมแสดงด้วยล้วนแต่เป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จทั้งสิ้น แม้ว่านักแสดงเหล่านี้หลายคนอาจมาที่กองถ่ายแค่หนึ่งหรือสองวันเท่านั้น ฟอร์ดรู้สึกดีใจมากที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับนักแสดงเหล่านี้เมื่อพวกเขามารับบทรับเชิญได้อย่างเฉียบคม เขาอธิบายว่า “ผมโชคดีมากครับที่ได้ทีมนักแสดงสมทบที่มีฝีมือจริงๆ ครับ ผมคิดว่า อาร์มี่ แฮมเมอร์ ฝากผลงานที่ยอดเยี่ยม และเข้าถึงตัวละคร ฮัตตัน มอร์โรว์ ในแบบที่เป๊ะมากจริงๆ ทั้งแอนเดรีย ไรส์โบโรห์ และไมเคิล แชนนอน แสดงเป็นคู่สมัยใหม่อย่าง อเลสเซีย และคาร์ลอส ออกมาในแบบที่ผมจินตนาการเอาไว้เป๊ะเลยตอนที่ผมนั่งเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ในฉากสั้นๆ พวกเขาแสดงให้เราเห็นได้เลยว่าคนสองคนนี้เป็นใคร และยังสร้างความใกล้ชิดกับตัวละคร ซูซาน ของเอมี่ และมันเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงเนื้อหาในโลกของซูซาน และชีวิตส่วนตัวของเธอ
“การแสดงของ ลอร่า ลินนี่ย์ ในความเห็นของผม ต้องบอกว่าสุดยอดมาก การได้มาเห็นเอมี่และลอร่า แสดงฉากในร้านอาหารด้วยกันมันเหลือเชื่อมากครับ อีสล่า ฟิสเชอร์ ให้การแสดงบทดราม่าที่โดนใจมาก จนผมคิดว่าคงจะทำให้คนดูประหลาดใจแน่ เพราะเราไม่ค่อยได้เห็นเธอในบทอื่น นอกจากบทตลกมากนัก ที่จริงเธอเป็นนักแสดงบทดราม่าที่เก่งมาก คาร์ล กลัสแมน ในบท ลู ก็ให้การแสดงที่ชวนขนลุกทีเดียว ตัวละครของเขาและบุคลิกของเขา อาจไม่สามารถแสดงอะไรมากนัก ซึ่งสำหรับผม บ่อยครั้งมันกลับกลายเป็นจุดเด่นของสุดยอดนักแสดง เอลลี่ แบมเบอร์ ไม่ใช่แค่หน้าสวยเท่านั้น แต่ยังเป็นนักแสดงที่เก่งมาก เธอแสดงเป็น อินเดีย ด้วยความเหมือนจริงในแบบที่ผมพบว่ามันจับใจมาก ความไร้เดียงสาของเธอทำให้การทำความผิดยิ่งดูน่ารังเกียจมากขึ้น ร็อบ อารามาโย่ คือนักแสดงเด็กที่ผมคิดว่าให้การแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบท เติร์ก”
กับการที่บทภาพยนตร์ของเขาวางตัวละครเอาไว้ในสถานที่จำเพาะ ซึ่งเหมือนโดนกักอยู่ในการดิ้นรนต่อสู้ของพวกเขา การตระเวณหาโลเกชั่นยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น สภาพแวดล้อมต้องถูกปรับเปลี่ยน และบางครั้งมันคือการวิพากษ์การตัดสินใจในชีวิตของตัวละคร ฉากในเท็กซัสถ่ายทำกันในและรอบๆ โมจาวี, แคลิฟอร์เนีย ขณะสถานที่ถ่ายทำในลอสแองเจลิส ได้แก่ เบลแอร์, โฮล์มบี้ฮิลส์, มาลีบู, พาซาดีน่า และเบเวอร์ลี่ ฮิลส์ ฉากถนนของนิวยอร์กกลางฤดูหนาวที่ซูซานและเอ็ดเวิร์ด อยู่ด้วยกันในอดีต ถูกสร้างขึ้นในย่านวิลไชร์ บูเลอวาร์ดอย่างสมจริง และน่าประหลาดใจที่สุด
ส่วนฉากลอสแองเจลิสร่วมสมัย ซึ่งเป็นฉากภายในอาคารนั้น เป็นสิ่งที่ให้คำนิยามกับโลกของซูซาน ฟอร์ดทำงานกับโปรดักชั่น ดีไซเนอร์ เชน วาเลนติโน่ เพื่อพัฒนาฉากเหล่านี้ขึ้นมา วาเลนติโน่ ผู้เคยแสดงให้เห็นถึงชีวิตและการทำงานอันหลากหลายในภาพยนตร์เรื่อง Beginners และ Straight Outta Compton ได้รับการสนับสนุนกับฟอร์ดให้ตอบรับงานนี้และความท้าทายอื่นๆ เพราะทั้งสองคนมีความรู้สึกต่อวัฒนธรรมและจินตนาการในแบบที่คล้ายคลึงกัน ฟอร์ดอธิบายว่า “ความเข้าอกเข้าใจระหว่างผมกับเชนมันตลกมากเลยครับ ผมได้รายชื่อโปรดักชั่นดีไซเนอร์มาจากหลายเอเจนซี่ด้วยกัน และผมก็พิจารณาคนในรายชื่อเหล่านั้นโดยหาข้อมูลออนไลน์ตามเว็บเพจของพวกเขา แล้วผมก็มาเจอเพจที่มีภาพจากงานโฆษณาของผมหลายภาพ มีแม้กระทั่งรูปถ่ายที่ผมถ่ายตัวเอง ผมสังเกตเห็นว่าลักษณะเพจของเขาดูคล้ายกับเพจที่ผมเคยใช้ตอนทำโฆษณาให้กับแบรนด์ ทอม ฟอร์ด และผมก็คิดทันทีเลยว่า ‘หมอนี่เป็นใครกัน ฉันต้องเจอเขาให้ได้’”
“ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และโทรหาเชน แล้วก็นัดหมายเพื่อให้เขามาเจอผมที่สำนักงานในแอลเอ เราเชื่อมต่อกันติดทันที และแทบจะใช้ภาษาลัดคุยกัน เพราะอ้างอิงถึงเรื่องเดียวกัน ผมรู้สึกเหมือนเขาเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของผม และไม่อยากเชื่อเลยว่าเราไม่ได้เจอกันเร็วกว่านี้ เขาสร้างผลงานที่เยี่ยมยอดมากในภาพยนตร์เรื่องนี้ และผมก็ตั้งตารอที่จะได้ทำงานกับเขาอีกเร็วๆ นี้ครับ”
ผู้ที่เข้ามาจับภาพจุดหักเหทั้งทางร่างกายและจิตใจในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คือ ผู้กำกับภาพที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อย่าง ซีมัส แม็คการ์วี่ย์ ผู้กำกับภาพผู้นี้คุ้นเคยดีกับภาพยนตร์ทั้งแนวเอพิค และเรื่องราวที่เป็นส่วนตัว เขาวางแผนการถ่ายทำชอตภาพร่วมกับฟอร์ด ฟอร์ดรู้สึกว่าแม็คการ์วี่ย์รู้ดีเลยว่าเมื่อไหร่ที่จะต้องนำเสนอความยิ่งใหญ่ และเวลาไหนที่ควรจะนำเสนอชอตให้ออกมาดูเป็นเรื่องส่วนตัว ฟอร์ดให้ความเห็นไว้ว่า “ซีมัสเป็นคนที่มีความสามารถมากครับ เขาเป็นคนตาไว ผมชื่นชมผลงานเขามานานหลายปีแล้ว ผมคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับภาพที่เก่งจริงๆ ที่ยังทำงานอยู่ในทุกวันนี้ เรามีเพื่อนร่วมกันหลายคน แต่เราไม่เคยได้เจอกันเลย และเราก็ได้นั่งลงในออฟฟิศของผมในลอนดอน และได้คุยกันนานหลายชั่วโมงในแบบง่ายๆ ซึ่งทำให้ผมรู้ว่าเราต้องได้ทำงานด้วยกันแน่”
“นอกจากจะมีความสามารถแล้ว ซีมัสยังเป็นคนใจเย็นและใจดีมากเมื่ออยู่ในกองถ่าย และเขาก็นับถือทุกคน เขาชนะใจทีมงานทุกคน และยังได้รับความไว้วางใจจากนักแสดงทุกคนด้วย ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ตัวเขามาเป็นผู้กำกับภาพให้กับภาพยนตร์เรื่อง Nocturnal Animals นี้”
ทีมงานหลักๆ ล้วนแต่เคยร่วมงานกับฟอร์ดมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง A Single Man ไม่ว่าจะเป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย เอเรี่ยนน์ ฟิลลิปส์ ผู้แต่งดนตรีประกอบ เอเบล คอร์เซนนิโอว์สกี้ และผู้ลำดับภาพ โจน โซเบล ทุกคนที่พูดถึงนี้ต่างเคลียร์คิวงานเพื่อจะได้กลับมาร่วมงานกับ ทอม ฟอร์ด ในภาพยนตร์เรื่อง Nocturnal Animals นี้ ฟอร์ดกล่าวว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดูแลคนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณ เป็นคนที่คุณไว้วางใจ ผมอยู่กับกฎข้อนั้นแหละครับ เมื่อคุณทำงานกับคนดีและเก่ง จนทำให้มันกลายเป็นงานสนุกจนอยากมาทำงานทุกวัน ทำไมคุณถึงจะไม่อยากทำงานกับพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกล่ะ ผมหวังว่าผมจะได้ร่วมกันสร้างหนังกับโจน, เอเรี่ยนน์ และเอเบลอีกหลายเรื่อง เพราะพวกเขาแต่ละคนต่างเก่งกาจในงานที่พวกเขาทำ แล้วพวกเขาก็เป็นคนที่น่ารักด้วยครับ”
ฟอร์ดยังพูดถึงฟิลลิปส์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัฟต้าจากภาพยนตร์เรื่อง A Single Man มาแล้วว่า “ดวงตาของเธอไม่เคยมองผิด บ่อยครั้งที่ผมพบตัวเองยืนถามคำถามกับเอเรี่ยนน์ถึงเรื่องการแสดงอยู่ในกองถ่าย รวมถึงเรื่องมุมกล้อง และอีกหลายเรื่อง เพราะเธอไม่ได้เก่งแค่การออกแบบเสื้อผ้าเท่านั้น แต่เธอยังมีรสนิยมและมีการตัดสินใจที่ดีด้วย ความเห็นของเธอมีค่ามหาศาลมากสำหรับผม”
คอร์เซนนิโอว์สกี้ เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำจากภาพยนตร์เรื่อง A Single Man มาแล้ว และเขายังเป็นผู้แต่งดนตรีประกอบให้กับซีรีส์เรื่อง Penny Dreadful สามซีซั่น ฟอร์ดอธิบายว่า “เอเบลกับผมต่างมีความรักในงานดนตรีคลาสสิกในอารมณ์ประมาณ เบอร์นาร์ด เฮอร์แมน และเรายังชอบงานแบบมินิมัลลิสต์ของฟิลิป กลาสส์อีกด้วย รสนิยมในเรื่องดนตรีของเราอยู่ในแนวเดียวกันเป๊ะ เอเบลได้สร้างผลงานที่ทั้งกล้าและดราม่า ซึ่งเข้าถึงและแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ในแบบที่ไม่เหมือนผู้แต่งดนตรีประกอบคนอื่นที่ยังทำงานอยู่ในตอนนี้ ความสำคัญของดนตรีในภาพยนตร์นั้นมิอาจมองข้ามได้ เพราะมันสามารถสร้างความตึงเครียดหรืออารมณ์ของฉากในแบบที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้ สำหรับผม เอเบลคือผู้ประพันธ์เพลงที่เป็นอัจฉริยะจริงๆ ครับ”
ฟอร์ดยอมรับว่ากับ A Single Man สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากที่สุดอยู่ในขั้นตอนการลำดับภาพ” ฟอร์ดมาทำงานในภาพยนตร์เรื่อง Nocturnal Animals พร้อมไอเดียว่าจะสร้างรูปทรงของภาพยนตร์เรื่องนี้กับโซเบลอย่างไร เขากล่าวว่า “โจนคือเพื่อนร่วมงานที่เก่งที่สุดของผม ผมยังคงยืนกรานในคำกล่าวเก่าๆ ที่ว่า ‘หนังถูกสร้างขึ้นในห้องตัดต่อ’ เป็นเวลานานหลายเดือนทีเดียวที่เรานั่งอยู่เคียงกันในห้องมืดๆ ในสำนักงานของผมที่ลอนดอน และตัดต่อภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าด้วยกัน โจนคือปรมาจารย์จริงๆ ครับ”
“เรามีความรักในภาพยนตร์และการอ้างอิงถึงภาพยนตร์เหมือนกัน บ่อยครั้งที่เราเดินออกมาจากห้องตัดต่อเพื่อจะคุยกันเกี่ยวกับหนังที่เราสองคนชอบและหลงใหล โจนคือคนสำคัญที่ช่วยผมสร้างชีวิตให้กับ Nocturnal Animals จนได้ขึ้นจอ ผมแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้กลับเข้าไปในห้องมืดๆ กับเธออีกสัก 7 เดือนเพื่อตัดต่อหนังเรื่องต่อไปครับ”
ฟอร์ดรู้สึกพอใจกับคุณสมบัติของ Nocturnal Animals ที่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวการเดินทางที่แสนจับใจและตื่นเต้น แต่ยังเป็นเรื่องราวที่มองไปข้างใน สิ่งที่เขาคาดหวังเอาไว้ก็คือ คนดูจะ “เปิดใจรับมากกว่าหนึ่งในตัวละครเหล่านี้”