ไออาร์ซีพี พลิกโฉมธุรกิจก้าวสู่ IRCP 4.0
ไออาร์ซีพี แย้มเตรียมพลิกโฉมธุรกิจครั้งใหญ่ พัฒนาก้าวสู่ IRCP 4.0 จับกระแสเทคโนโลยีใหม่ ทั้งคลาวด์เซอร์วิส เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชน ช่วยบริหารต้นทุน และทำให้การตัดสินใจแม่นยำขึ้น พร้อมรุกธุรกิจมีเดียคอมเมิร์ซเน้นสร้างรายได้ยั่งยืน
นายกังวาล กุศลธรรมรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อที่จะก้าวสู่ IRCP 4.0 โดยจะเน้นการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีใหม่และพลังงานที่มีความยั่งยืน และให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0
สำหรับธุรกิจใหม่ที่บริษัทเตรียมรุก อาทิ คลาวด์เซอร์วิส ที่จะช่วยทำการดำเนินกิจกรรมต่างๆขององค์กร เป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น รวมไปถึงการรุกธุรกิจ Media commerce ซึ่งเป็นการดำเนินธุรกิจสื่อรูปแบบใหม่ที่จะทำให้การเข้าถึงหรือการซื้อขาย จำหน่ายสินค้า มีความง่ายสะดวกสบายมากขึ้น โดยจะมีการปรับโฉมครั้งใหญ่เร็วๆ นี้
“การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทที่จะก้าวเข้าไปมีส่วนร่วม บริษัทจึงมีการปรับกระบวนการดำเนินงาน ให้เท่าทันจับกระแสการเปลี่ยนแปลง เพื่อที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาเสนอกับลูกค้า ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่จะทำให้การดำเนินธุรกิจสะดวกสบายและสามารถบริหารต้นทุน ทำให้การตัดสินใจแม่นยำมากขึ้น โดยจะเห็นภาพดังกล่าวเร็วๆ นี้ ขณะที่งานโครงการภาครัฐจะมีการกลั่นกรองเฉพาะงานที่ให้ผลตอบแทนได้คุ้มค่า และจะเน้นการบริหารจัดการองค์กรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายกังวาล กล่าว
นายกังวาล ระบุด้วยว่า สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 ที่ออกมาเป็นผลขาดทุน 6.85 ล้านบาท เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้โครงการปล่อยเช่าเครื่องคัดแยกสิ่งของ กับ คู่สัญญา บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มูลค่า 500 ล้านบาท เกิดความล่าช้า เนื่องจากทางไปรษณีย์ไทยได้ขอให้บริษัทชะลอโครงการ เพื่อแก้ไขกระบวนการภายในของไปรษณีย์ให้แล้วเสร็จก่อน แต่ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้เดินหน้าแล้ว ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ปีนี้
ทั้งนี้ในไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้รวม 262.37 ล้านบาท มีผลขาดทุนสุทธิรวม 6.85 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการพัฒนาระบบจำนวน 118.57 ล้านบาท ลดลงจำนวน 69.46 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายมีจำนวน 141.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 21.08 ล้านบาท จากบริษัทฯ ได้ทำกิจกรรมการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
ส่วนกำไรขั้นต้นรวม บริษัทมีกำไรขั้นต้นจำนวน 45.01 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นรวม 17.33% ของยอดรายได้จากการขายรวม ลดลงจากปีก่อน ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นรวม 24.78% ของยอดรายได้จากการขายรวม สาเหตุมาจาก โครงการที่บริษัทฯ ส่งมอบล่าช้ากว่ากำหนด ทำให้มีต้นทุนในการดำเนินโครงการสูงขึ้น