wmt on October 10, 2016, 03:24:43 PM
ภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์ โดยเชฟนูรอ รังสรรค์เมนูสุขภาพ ภายใต้ชื่อ “GO PINK WITH CHEF NOOROR” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม ตลอดทั้งเดือนตุลาคม 2559





Chef Nooror


ข้าวเหนียวแก้ว หน้ากะฉีกมะพร้าวอ่อน ทับทิมมณี คัสตาร์ดอินทผาลัม Pink Sticky Rice, Ruby Sago, Date Flan


ขนมจีนออแกนิคไรซ์เบอร์รี่กับแกงเขียวหวานเนื้อเปราะหอมพริกขี้หนูสวน Organic Riceberry Vermicelli with Green Beef Curry


ต้มยำเป็ดย่างออแกนิคใบหม่อน หมกปลาหิมะ กุ้งน้ำมะขาม ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือไข่นุ่ม Duck Mulberry Soup, Mok Snow Fish, Grilled River Prawn


ตับห่านซอสมะม่วงหาวมะนาวโห่ Karonda Foie Gras


ยำกุ้งแม่น้ำแก่นตะวันคินัว Sunchoke Quinoa Salad


หมกปลาหิมะ



กรุงเทพฯ 5 ตุลาคม 2559 – เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนทำอาหารและเชฟแห่งภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์ หนึ่งในฐานะฑูตกิตติมศักดิ์ของโครงการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม ได้รังสรรค์เมนูสุขภาพ ภายใต้ชื่อ “GO PINK WITH CHEF NOOROR” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 4 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นเดือนแห่งการรณรงค์เรื่องโรคมะเร็งเต้านมทั่วโลก โดยเมนูสุขภาพ “GO PINK WITH CHEF NOOROR” ซึ่งจัดเป็นเซตอาหาร ประกอบด้วย เมนูเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และขนมหวาน โดยจะให้บริการในมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ตลอดเดือนตุลาคม 2559 เท่านั้น ณ โรงเรียนสอนทำอาหารและภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์ ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสมทบทุนให้กับมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม

พิเศษสำหรับในปีนี้ เราได้นำผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมีมาใช้ในเมนูสุขภาพ นั่นคือ ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ เป็นข้าวพันธุ์ดี มีคุณสมบัติทางด้านโภชนาการและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ เบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์จากโครงการ “เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) อิ่มสุข ไรซ์เบอร์รี่ อินทรีย์ ก้าวไกล” ถูกจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุครบ 84 พรรษาที่ผ่านมา นอกจากนี้ เมล็ดคินัว เป็นพืชตระกูลธัญพืช ให้คุณค่าทางด้านโภชนาการ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีไฟเบอร์มากกว่าข้าวกล้องถึง 2 เท่า ในครั้งนี้ทางบลู สไปซ์ได้นำผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารเคมีมาร่วมเพิ่มรสชาติ โดยทาง บลู สไปซ์ ได้คัดสรรในการเลือกวัตถุดิบและใส่ใจในการผลิตเป็นอย่างดี ทั้งนี้ยังได้ใช้ฟักข้าว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวง ซึ่งได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเมนูสุขภาพ “GO PINK WITH CHEF NOOROR” ในปีนี้

คุณหญิงฟิโนล่า จาฏามระ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กล่าวว่า “โดยเรารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุนที่ภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์มอบให้เราตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อช่วยระดมทุน และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม จึงร่วมรังสรรค์เมนูสุขภาพ ตลอดทั้งเดือนตุลาคมนี้” และสามี รศ.ดร.กฤษณ์ จาฎามระ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิศูนย์สิริกิติ์เพื่อโรคมะเร็งเต้านม ขึ้นในปี 2550 เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศล ที่มีจุดมุ่งหมายในการช่วยเหลือผู้ป่วยและต้านภัยจากโรคมะเร็งเต้านม โดยมีแนวทางคือ “ป้องกัน รักษา และดูแล” ให้กับผู้ป่วย

เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ กล่าวว่า “เมนูสุขภาพ GO PINK WITH CHEF NOOROR เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ที่เน้นคัดสรรความสดใหม่ของผักและผลไม้ ใช้สมุนไพรและวัตถุดิบออแกนิกมาเป็นส่วนผสม ซึ่งเปรียบเสมือนอาหารคือยา ยาคืออาหาร ทานแล้วมีความสุข อีกทั้งยังสามารถดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองได้”

ในปีนี้กิจกรรม “Go Pink Ribbon with Chef Nooror” ได้รังสรรค์อาหารที่น่าลิ้มลองและมีสุขภาพที่ดี ได้แก่ ตับห่านซอสมะม่วงหาวมะนาวโห่ กุ้งลุยสวนแก่นตะวันคินัว ซึ่งเป็นเมนูเรียกน้ำย่อย เป็นต้น ส่วนของอาหารจานหลัก ได้แก่ ขนมจีนไรซ์เบอร์รี่กับแกงเขียวหวานเนื้อพริกขี้หนูสวน และ กุ้งน้ำมะขาม ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือไข่นุ่ม ส่วนขนมหวานจะเป็น เชอร์เบ็ตลูกฝักข้าวและมะม่วงหาวมะนาวโห่ และ ข้าวเหนียวแก้ว หน้ากะฉีกมะพร้าวอ่อน ล้วนเป็นอาหารที่น่าลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง

โดยเมนูอาหารสุขภาพ “Go Pink Ribbon with Chef Nooror” ราคา 1,850 บาท จะให้บริการในมื้อกลางวันและมื้อค่ำ ตลอดทั้งเดือนตุลาคม 2559 เท่านั้น ณ ภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์ ในส่วนของมื้อค่ำ เมนูพิเศษที่ไม่เพียงแต่จะได้รับอาหารที่ดีควบคู่ไปกับการมีสุขภาพที่ดีแล้ว แต่ยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ป่วยและรายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสมทบทุนให้กับมูลนิธิศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่โรงเรียนสอนทำอาหารและภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์ สาทร โทร. 66 (2) 673-9353-8

เกี่ยวกับ โรงเรียนสอนทำอาหารและภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์
ภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์แห่งแรกเปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2523 ในเมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเครือภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์แห่งนี้ได้ขยายสาขาหลายแห่งไปทั่วยุโรป ตะวัน ออกกลางและเอเชีย ในปี 2545 โรงเรียนสอนทำอาหารและภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์เปิดให้บริการ ที่กรุงเทพมหานครในอาคารแห่งประวัติศาสตร์ไทย-จีน แนวคิดเบื้องหลังภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์ในกรุงเทพฯ และภูเก็ต คือ การให้บริการอาหารไทยจากส่วนผสมและวัตถุดิบชั้นดีที่มาจากท้องถิ่น แก่ผู้มารับประทานอาหาร และเพื่อโปรโมทวัฒนธรรมที่หลากหลายของประเทศไทย  ด้วยชื่อเสียง ด้านความเป็นเลิศและความเป็นต้นตำรับในระดับโลกภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์ ซึ่งมีเชฟนูรอ เป็นแรงบันดาลใจและผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ความมุ่งมั่น ในการรับบทบาทอย่างไม่เป็นทางการ ในฐานะฑูตด้านอาหาร วัฒนธรรม และประเพณีไทย
« Last Edit: October 10, 2016, 03:32:53 PM by wmt »