happy on June 13, 2017, 10:00:22 PM

ชื่อภาพยนตร์   DESPICABLE ME 3
ชื่อไทย          มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 3
วันที่เข้าฉาย    15 มิถุนายน 2560
จัดจำหน่าย      บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์)


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=OxnIZ7D37U4" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=OxnIZ7D37U4</a>

ข้อมูลงานสร้าง

                     ภาพยนตร์ของอิลลูมิเนชันได้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกไปเรียบร้อยแล้ว Despicable Me ได้สร้างกระแสฮือฮาทั่วโลก เพียงแค่ Minions ก็มีระดับการรับรู้สูงถึง 95 เปอร์เซ็นต์อย่างน่าอัศจรรย์ แฟรนไชส์ที่กวาดรายได้ไปกว่า 4.7 พันล้านเหรียญของสตูดิโอเรื่องนี้ ที่เต็มไปด้วยตัวละครที่โดดเด่น น่าขบขันและมีความสมจริง และรวมถึงสองในหกภาพยนตร์อนิเมชันยอดเยี่ยมตลอดกาล ได้ตราตรึงใจผู้ชมทุกวัยและทุกวัฒนธรรม

   ในปี 2016 อิลลูมิเนชัน ซึ่งเพิ่งได้รับการยกย่องจากฟาสต์ คัมปะนีให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความเป็นนวัตกรรมสูงสุดของโลก ได้เปิดตัวสองโปรเจ็กต์ใหม่ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลก เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา The Secret Life of Pets ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดสำหรับภาพยนตร์ออริจินอล ไม่ว่าจะเป็นอนิเมชันหรือไม่ใช่อนิเมชัน ในประวัติศาสตร์อเมริกา เช่นกัน ภาพยนตร์ฉลองเทศกาลวันหยุดที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมเรื่อง Sing ก็เปิดตัวท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต

   บัดนี้ อิลลูมิเนชัน ผู้สร้าง Despicable Me และภาพยนตร์อนิเมชันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปี 2013 และ 2015 อย่าง Despicable Me 2 และ Minions ก็จะดำเนินเรื่องราวของกรู ลูซี ลูกสาวที่น่ารักของพวกเขา มาร์โก้ อีดิธและแอ็กเนส รวมถึงเหล่ามินเนียนต่อไปใน Despicable Me 3

   หลังจากที่เขาถูกขับไล่จากสมาพันธ์ต่อต้านวายร้ายเพราะไม่สามารถล้มคนชั่วคนล่าสุดที่คุกคามมนุษยชาติได้ กรูก็พบตัวเองเผชิญกับวิกฤติการณ์ตัวตนครั้งสำคัญ แต่เมื่อคนแปลกหน้าลึกลับปรากฏตัวขึ้นและแจ้งกับกรูว่า เขามีน้องชายฝาแฝดคนหนึ่ง ผู้อยากจะเดินตามรอยเท้าชั่วๆ ในการเป็นวายร้าย อดีตจอมวายร้ายคนนี้ก็จะได้รื้อฟื้นความรู้สึกที่ว่า การเป็นวายร้ายมันให้ความรู้สึกดีแค่ไหน

   สตีฟ คาเรล (The Big Short, The 40-Year-Old Virgin) ไม่เพียงแต่กลับมาพากย์เสียง กรู เท่านั้น แต่เขายังพากย์เสียงบทที่สอง นั่นคือ ดรู น้องชายฝาแฝดที่ไม่เคยได้พบหน้ากันของกรู คริสเตน วิ้ก (Bridesmaids, The Martian) กลับมารับบทสุดยอดสายลับ ลูซี ในขณะที่ เทรย์ ปาร์คเกอร์ (South Park, The Book of Mormon) นักแสดงรางวัลเอ็มมี โทนีและแกรมมี อวอร์ด มาพากย์เสียงวายร้ายคนใหม่ บัลธาซาร์ แบรทท์ อดีตดาราเด็กผู้หมกมุ่นกับตัวละครวายร้ายจอแก้วที่เขาเคยแสดงเมื่อยุค 80s แบรทท์ ซึ่งเป็นศัตรูที่ร้ายกาจและน่าขันที่สุดจนถึงปัจจุบันของกรู พร้อมจะถล่มฮอลลีวูด...และทุกคนที่ขวางหน้าเขา

   Despicable Me 3 ที่กำกับโดยปิแอร์ คอฟฟิน (แฟรนไชส์ Despicable Me, Minions) และไคล์ บัลด้า (Minions, Dr. Seuss’ The Lorax) ร่วมกำกับโดยอีริค กิลลอน (ผู้ออกแบบงานสร้างและผู้ออกแบบตัวละครของ Minions และแฟรนไชส์ Despicable Me) ควบคุมงานสร้างโดยคริส เรน็อด (แฟรนไชส์ Despicable Me, Dr. Seuss’ The Lorax, The Secret Life of Pets) และเขียนบทโดยซินโก้ พอลและเคน ดูริโอ้ (แฟรนไชส์ Despicable Me, Dr. Seuss’ The Lorax) อำนวยการสร้างโดยคริส เมเลแดนดรี้ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งอิลลูมิเนชัน และผู้อำนวยการสร้างคู่บุญของเขา เจเน็ต ฮีลลี ผู้ช่วยบุกเบิกงานภาพยนตร์อิลลูมิเนชันทุกเรื่องนับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทเมื่อหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา

   ผู้ที่ร่วมพากย์เสียงในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยได้แก่ มิแรนด้า คอสโกรฟ (ซีรีส์ iCarly, Crowded) ในบทมาร์โก้ ลูกสาวคนโตของกรูและลูซี, ดานา ไกเออร์ (The Ice Cream Truck) ในบท อีดิธ ลูกสาวคนกลาง, สตีฟ คูแกน (Philomena, The Secret Life of Pets) ผู้พากย์เสียง ซิลาส แรมส์บอททอม เจ้านายเก่าของพวกเขา และฟริทซ์ บัตเลอร์ของดรู และนักแสดงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด จูลี แอนดรูว์ส (Mary Poppins, The Sound of Music) ในบท แม่ผู้ผิดหวังเสมอของกรู พวกเขาได้ร่วมงานกับทีมนักพากย์หน้าใหม่ เนฟ ชาร์เรล ผู้ก้าวมาพากย์เสียง แอ็กเนส ลูกสาวคนสุดท้องและเจนนี สเลท (Obvious Child, The Secret Life of Pets) ในบทวาเลรี ดา วินชี ผู้มาแทนที่ซิลาสด้วยความทะเยอทะยาน

   ทีมงานเบื้องหลังจากอิลลูมิเนชันที่กลับมาทำงานในเรื่องนี้อีกครั้งรวมถึงมือลำดับภาพ แคลร์ ด็อดจ์สัน, ผู้ออกแบบงานสร้าง นาตาลี แวนโคเวนเบิร์กห์, ผู้ออกแบบตัวละคร คาร์เตอร์ กู๊ดริช (ร่วมด้วยกิลลอน), ผู้กำกับอนิเมชัน บรูโน เดอเควียร์และจูเลียน โซเร็ท, ผู้กำกับศิลป์ โอลิเวียร์ อดัม, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายคอมพิวเตอร์ กราฟิก รูโน โชฟฟาร์ดและแฟรงค์ บาราแดท, ผู้ประพันธ์เพลง เฮเตอร์ เพเรราและศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี 11 สมัย ฟาร์เรล วิลเลียมส์ ผู้รังสรรค์เพลงและเพลงธีมออริจินอลที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาให้กับแฟรนไชส์นี้อีกครั้ง





แนะนำเรื่องราว

               ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง Despicable Me โดยอิลลูมิเนชันและยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ได้แนะนำผู้ชมทั่วโลกให้รู้จักกับ กรู จอมวายร้ายและสมุนมินเนียนที่แสนซุกซนของเขา หลังจากที่กลายเป็นพ่อให้กับสามเด็กหญิงกำพร้า มาร์โก้, อีดิธและแอ็กเนส เพราะแผนการชั่วร้ายในการขโมยดวงจันทร์ในตอนแรก ท้ายที่สุด กรูก็สละชีวิตอาชญากรของเขาและเปลี่ยนจากจอมวายร้ายกลายเป็นยอดคุณพ่อ

   ใน Despicable Me 2 ได้รับการว่าจ้างจากสมาพันธ์ต่อต้านวายร้าย (เอวีแอล) ให้ใช้ความสามารถของเขาในฐานะอดีตวายร้ายในการนำเหล่าร้ายมาลงโทษ กรู ผู้ไม่เคยคิดฝันถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กลับตกหลุมรัก ลูซี คู่หูสายลับของเขา อย่างหัวปักหัวปำ และท่ามกลางความยินดีของลูกสาวของเขา ที่อยากมีแม่มาโดยตลอด เขาก็ขอลูซีแต่งงานในที่สุด

   ใน Minions (ซึ่งเข้าฉายในปี 2015 แต่เป็นพรีเควลของแฟรนไชส์ Despicable Me) เราได้รับรู้ถึงต้นกำเนิดของตัวละครสีเหลืองแสนน่ารักพวกนี้ และเราก็ได้เห็นว่าการผจญภัยเพื่อตามหาผู้นำชั่วร้ายที่ออกนอกลู่นอกทางของเควิน, สจวร์ตและบ็อบ นำพวกเขาไปหา กรู ในวัยเด็ก ได้อย่างไร สามสหายตัวแสบจะกลับมาใน Minions 2  ในเดือนกรกฎาคม ปี 2020

   ในฤดูร้อนปีนี้ ใน Despicable Me 3 กรูและลูซี ภรรยาคนใหม่ของเขา ไม่สามารถปราบวายร้ายคนล่าสุดที่คุกคามมนุษยชาติ อดีตดาราเด็กผู้หมกมุ่นกับยุค 80s ที่มีชื่อว่าบัลธาซาร์ แบรทท์ ผู้ถูกไล่ออกอย่างกระทันหันในทศวรรษนั้น และตอนนี้ก็หมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้นฮอลลีวูด ผลก็คือพวกเขาถูกหัวหน้าคนใหม่ของสมาพันธ์เอวีแอลตำหนิและไล่ออก

   พวกมินเนียนหวังว่ากรูจะใช้โอกาสนี้ในการกลับไปสู่ชีวิตอาชญากรอีกครั้ง แต่เมื่อกรูยืนยันหนักแน่นว่าเขาอำลาวงการวายร้ายแล้ว พวกมินเนียนก็เลิกทำงานและออกไปเดินตามเส้นทางของตัวเอง มินเนียนเมล ผู้นำการสไตรค์กรู ปรากฏตัวเป็นผู้นำคนใหม่...หรืออะไรทำนองนั้นแหละ ในขณะเดียวกัน เจอร์รีและเดฟ สองมินเนียนผู้บังเอิญหายตัวไประหว่างการสไตรค์ ก็ได้อยู่กับกรูและครอบครัวตลอดทั้งเรื่อง

   หลังจากถูกไล่ออก กรูก็รู้สึกเหมือนตัวเองล้มเหลวไปหมดและดิ้นรนที่จะหาหนทางไปต่อ ในตอนที่ดูเหมือนเขาจะถึงจุดต่ำสุด ก็มีคนแปลกหน้าคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและบอกกับกรูว่า พ่อที่ห่างเหินไปนานของเขาได้เสียชีวิตลง...และเขาก็มีน้องชายฝาแฝดที่ไม่เคยได้พบหน้ากันชื่อ ดรู ผู้อยากจะพบกับเขามากๆ

   กรู ผู้ตกใจกับเรื่องนี้ ได้เผชิญหน้ากับแม่ของเขา ผู้สารภาพว่าจริงๆ แล้ว เธอได้คลอดลูกแฝด แต่ไม่นานหลังจากที่เธอให้กำเนิดลูกๆ เธอก็หย่ากับพ่อของกรูและพวกเขาก็สัญญาว่าจะไม่พูดกับกันและกันอีก และต่างฝ่ายต่างก็นำลูกไปเลี้ยงคนละคนในตอนที่พวกเขาแยกทางกัน และแน่นอนว่าเธอมีความสุขมากกับการได้บอกกรูว่าเธอได้เลือกทีหลัง

   กรู ผู้ตอนแรกรู้สึกตื่นเต้นกับการมีน้องชาย ได้พาลูซีและลูกๆ เดินทางไป ฟรีโดเนีย บ้านเกิดของพ่อเขา เพื่อพบฝาแฝดของเขา...เพียงเพื่อจะได้พบว่า ดรูดูเหมือนจะดีกว่าเขาในทุกๆ เรื่อง ในขณะที่กรูหัวล้าน ดรู ผู้เพิ่งตกงานหมาดๆ กลับมีเส้นผมที่สวยงามเต็มหัว เขามีเสน่ห์และได้รับมรดกเป็นฟาร์มหมูและเงินทองมากมายของพ่อเขา

   กรูเริ่มรู้สึกถึงความต้อยต่ำอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานนัก ดรูก็เผยว่า เขามีความปรารถนาลับๆ ของตัวเอง นั่นคือการเดินตามรอยเท้าพ่อของพวกเขาในการเป็นวายร้ายระดับโลก ดรูสารภาพว่า ด้วยความที่พ่อของเขาไม่เคยเชื่อในตัวเขา เขาก็เลยไม่ได้รับการฝึกฝนวายร้ายขั้นพื้นฐานซักอย่างและต้องการความช่วยเหลือและความรู้ของกรูในการทำตามความฝันให้เป็นจริงและสานต่อตำนานของครอบครัวต่อไป

   พอกรูตระหนักได้ว่าเขาสามารถร่วมมือกับฝาแฝดของเขาและใช้อุปกรณ์วายร้ายสุดไฮเทคของพ่อในการตามจับตัวบัลธาซาร์ แบรทท์ ผู้หาตัวจับยากได้ เขาก็ตกลงที่จะร่วมมือกับฝาแฝดของเขา แต่ในตอนที่การร่วมมือกันนี้ถูกทดสอบด้วยความรู้สึกชิงดีชิงเด่นระหว่างพี่น้องที่เกิดขึ้นช้าไปมาก ทั้งคู่ก็ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อแบรทท์พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นคู่ปรับที่ท้าทายที่สุดของกรู
« Last Edit: June 13, 2017, 10:04:32 PM by happy »

happy on June 13, 2017, 10:11:50 PM
เกี่ยวกับงานสร้าง
การพัฒนางาน Despicable Me 3


           “ในภาคแรก กรูค้นพบว่าการเป็นพ่อเป็นยังไงและความรักที่ไร้เงื่อนไขเป็นยังไง ในภาคสอง เราสำรวจการตกหลุมรักของกรู และตอนนี้ เราก็เริ่มต้นที่กรูที่เจอกับวิกฤติการณ์ตัวตนเข้าเพราะเขาพบว่าตัวเองถูกไล่ออกจากงาน และค้นพบการชิงดีชิงเด่นกับพี่น้องที่เขาเพิ่งได้รู้จัก”

--คริส เมเลแดนดรี้

           อิลลูมิเนชัน ซึ่งก่อตั้งขึ้นด้วยภารกิจในการสร้างภาพยนตร์ออริจินอลและภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากเรื่องราวคลาสสิกที่เป็นที่รัก โด่งดังในเรื่องการพัฒนาตัวละครที่โดดเด่นและมีมิติรอบด้าน ผู้มีทั้งความอ่อนหวานและแซบซ่าส์ไม่เหมือนใคร พฤติกรรมซุกซนบ่อยครั้งของพวกเขามักมาคู่กับความตั้งใจดีและความไร้เดียงสา ทำให้พวกเขาทั้งน่ารักและเข้าถึงได้ง่าย ดังนั้น แฟรนไชส์ Despicable Me ก็เลยกลายเป็นดีเอ็นเอสำคัญของบริษัท

   คริส เมเลแดนดรี้ได้ตั้งเป้าหมายหลักๆ สองประการให้กับ Despicable Me 3 “หนึ่งคือเพื่อยกย่ององค์ประกอบที่ผู้ชมชื่นชอบ” เขาเล่า “สองคือเพื่อสร้างประสบการณ์และตัวละครใหม่ๆ ที่จะทำให้หนังเรื่องนี้น่าตื่นเต้น แฟรนไชส์นี้เวิร์คเพราะนอกจากพวกมันจะมีความเปิดกว้าง ขำขันและตลกแล้ว...มันยังมีความสะเทือนอารมณ์ที่ร้อยเรียงอยู่ในหัวใจของเรื่องด้วย พวกมันยังคงโดนใจผู้ชมเพราะตัวละครเหล่านี้ พวกมินเนียนหว่านเสน่ห์และสร้างความยินดีให้กับผู้ชม และแม้ว่ากรูจะเป็นวายร้าย แต่เราก็ยังพบว่าเขาเป็นตัวละครที่เข้าถึงได้ง่ายและอยากจะให้เขาทำสำเร็จไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนก็ตามครับ”

   ใน Despicable Me 3 กรูค้นพบครอบครัวที่เขาไม่รู้มาก่อนว่ามี “แม้ว่าตามปกติแล้ว หนังจะเป็นเรื่องของการที่ตัวเอกฝ่าฟันอุปสรรค แต่วิธีการที่พวกเขาสร้างสถานการณ์เหล่านั้น และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทาง จะต้องสร้างความแปลกใจและความยินดีครับ” เมเลแดนดรี้กล่าวต่อ “ผมภูมิใจเป็นพิเศษที่ทีมงานของเราสามารถสร้างความรู้สึกคิดถึงให้กับตัวละครที่พวกเราทุกคนรู้สึกใกล้ชิดมากขึ้น รวมถึงสร้างความรู้สึกของการค้นพบด้วยองค์ประกอบใหม่ๆ เหล่านี้น่ะครับ”

   ดูริโอ้ ร่วมกับ พอล คู่หูเขียนบทของเขา ได้ร่วมมือกับเมเลแดนดรี้ตั้งแต่ที่พวกเขาทำงานในทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ในเรื่อง Dr. Seuss’ Horton Hears a Who! เขาเล่าว่าเมเลแดนดรี้และฮีลลีไม่เพียงแต่สนับสนุนให้พวกเขาสร้างอารมณ์ขันให้กับโลกใบนี้ แต่ยังสนับสนุนให้พวกเขาสร้างเรื่องสะเทือนอารมณ์จากการกลับมาพบหน้ากันของสองพี่น้องด้วย “เราคิดว่าคงเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมที่จะทำให้กรูมีคนอีกคนที่จะทำให้เขาคลั่งและทำให้เขาสงสัยเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของตัวเอง” ดูริโอ้กล่าว “ดรูทำให้กรูตื่นเต้นเกี่ยวกับโอกาสในการได้อยู่ในวงการวายร้ายอีกครั้ง มันเป็นความคิดทำนองว่า ‘มาเถอะ...แค่การปล้นครั้งเดียว มันอยูในสายเลือดของเรา เราควรจะต้องทำอย่างนี้...’ น่ะครับ”

   พอลได้แรงบันดาลใจจากการที่ตัวเอกของแฟรนไชส์นี้จะได้พากย์เสียงใหม่ “ไอเดียแรกของเราก็คือกรูมีฝาแฝดที่ไม่เคยได้พบหน้ากัน” เขาตั้งข้อสังเกต “และมันก็คงจะเป็นโอกาสดีเยี่ยมให้สตีฟได้เล่นปะทะตัวเองครับ”

   “พอเราเปิดประตูสำหรับเรื่องฝาแฝดของกรูแล้ว เราก็มีพื้นที่มากมายในการเล่าเรื่องครับ” เมเลแดนดรี้กล่าว “การสร้างดรูมีไอเดียหลักๆ ที่ว่าเราจะใช้สีหน้าท่าทางและบุคลิกของคนที่ดูเหมือนกับกรู แต่ตรงกันข้ามกับเขาในทุกๆ ทาง เท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นเป็นเป้าหมายหลักครับ” ความตื่นเต้นในการได้เจอหน้าฝาแฝดของตัวเองหายไปอย่างรวดเร็ว และกรูก็ได้สัมผัสกับความรู้สึกชิงดีชิงเด่นระหว่างพี่น้องที่ทำให้วิกฤติการณ์วัยกลางคนของเขาซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก

   ตัวละครใหม่ของแฟรนไชส์นี้คือบัลธาซาร์ แบรทท์ จอมวายร้ายผู้น่าสะพรึงกลัว เขาวางแผนที่จะทำลายฮอลลีวูดหลังจากซีรีส์ของเขาถูกตัดจบ แบรทท์ ผู้หมกมุ่นอยู่กับยุค 80s จากการที่เขาเคยเป็นดาราเด็กคนดังในทศวรรษนั้นเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ไม่เคยลืมความผิดหวังครั้งนั้น และเขาก็ไม่เคยยกโทษให้ผู้ชมที่ทอดทิ้งเขาด้วย “พอเราได้ยินไอเดียของซินโก้และเคนเกี่ยวกับแบรทท์ เราก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ขันและความเศร้าของอดีตดาราเด็กจากยุค 80s ครับ” เมเลแดนดรี้อธิบาย “มันเป็นอะไรที่เพอร์เฟ็กต์มาก ตัวร้ายเป็นส่วนสำคัญสำหรับหนังแต่ละภาคของเรา คุณจะต้องหาคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับกรู คนที่จะเป็นความท้าทายจริงๆ สำหรับเขาและลูซี และเป็นคนที่มีความขำขันไม่แพ้กัน กรูทั้งตลกและมีชีวิตชีวาและถ้าคุณเอาวายร้ายแบบทื่อๆ มาปะทะเขา ตัวละครตัวนั้นก็จะตายไปเลยครับ”

   เมเลแดนดรี้ยอมรับว่าคู่ปรับคนใหม่ของกรูเป็นหนึ่งในตัวละครโปรดของเขาเท่าที่อิลลูมิเนชันเคยสร้างขึ้นมา “บัลธาซาร์ แบรทท์เป็นวายร้ายที่ตลกและมีความออริจินอลมากๆ เขาไม่สามารถทำใจกับความจริงที่ว่าแฟนๆ ไม่แคร์เขาอีกต่อไปแล้ว และแรงจูงใจของเขาคือการแก้แค้นโลกที่หันหลังให้เขา...และเขาก็ลงมือทำในโฉมหน้าของเวอร์ชันผู้ใหญ่ของตัวละครจากซีรีส์ในวัยเด็กของเขา เมื่อคุณผสมไอเดียพิลึกนั่นและเสียงของเทรย์เข้าด้วยกัน มันก็ช่วยใส่มุมมองใหม่ให้กับหนังเรื่องนี้ มันเป็นการออกแบบ เสียงและอนิเมชันที่น่าตื่นตาตื่นใจ ความละเอียดอ่อนในการนำเสนอตัวละครตัวนี้พิเศษสุดจริงๆ มันแสดงให้เห็นถึงทีมงานที่เหลือเชื่อ ทีมงานที่สามารถสร้างงานอนิเมชันที่ยอดเยี่ยมที่สุดงานหนึ่งเท่าที่ผมเคยเห็นขึ้นมาได้น่ะครับ”

   พอลกล่าวว่า แน่นอนว่าแบรทท์ก็ต้องมีประโยคเด็ดมาคู่กับความเลี่ยนของเขา “ดาราเด็กยุค 80s ส่วนใหญ่จะมีประโยคเด็ดของตัวเอง เช่น ‘วิลลิส นายพูดอะไรอยู่น่ะ’ ซึ่งทำให้คนนึกถึงซีรีส์เรื่องหนึ่ง ส่วนประโยคเด็ดของบัลธาซาร์คือ ‘ผมเป็นเด็กแสบ!’ ซึ่งเขายังคงใช้มันอยู่ในปัจจุบันครับ”

   สำหรับ Despicable Me 3 ผู้กำกับปิแอร์ คอฟฟิน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องที่สี่ให้กับแฟรนไชส์นี้ ได้ร่วมมือกับเพื่อนผู้กำกับของเขา ไคล์ บัลด้า ผู้ซึ่งเขาเคยร่วมงานด้วยมาแล้วใน Minions และผู้กำกับร่วมอีริค กิลลอน ผู้ออกแบบงานสร้างและผู้ออกแบบตัวละครที่ยาวนานของอิลลูมิเนชัน ผู้กำหนดลุคให้กับแฟรนไชส์ Despicable Me จากแบบดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากผลงานของเอ็ดเวิร์ด โกรีย์และชาร์ลส์ แอดดัมส์

   เมเลแดนดรี้กล่าวชื่นชมถึงผู้กำกับและผู้กำกับร่วมของเขาว่า “อีริคเป็นนักออกแบบที่พิเศษสุด ผู้สร้างตัวละครและสภาพแวดล้อมในหนังทุกเรื่องของเรา นอกจากนั้น เขายังคิดเหมือนนักเล่าเรื่องด้วย ตอนที่เขาวาดภาพ เขามักจะวาดตัวละครในตำแหน่งที่บ่งชี้ถึงเรื่องราวที่ชัดเจนมากๆ เช่นเดียวกัน ปิแอร์ไม่เพียงแต่เป็นเสียงและจิตวิญญาณของพวกมินเนียนเท่านั้น เขายังเป็นศิลปินและคนทำหนังที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ในตอนแรก เขาแนะนำให้เรารู้จักไคล์ ผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายเลย์เอาทท์ใน Despicable Me และสร้างความชัดเจนในขั้นตอนการสร้างหนังที่ต่อยอดจากการสร้างซีเควนซ์หนึ่งๆ เขาเป็นคนทำหนังที่พิเศษมากๆ และเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีเยี่ยมกับปิแอร์ครับ”

   “ในช่วงเวลาระหว่างแต่ละภาค เราสามารถพัฒนาโมเดลตัวละครขึ้นไปอีกครับ” คอฟฟินกล่าวอธิบาย “สำหรับตัวกรูเอง เขาอ่อนโยนลงเพราะเขากลายเป็นพ่อคนแล้ว เขาไม่ใช่จอมวายร้ายใจแข็งแบบในตอนแรกที่เราพบอีกแล้ว แต่เขาก็ยังมีมุมที่น่ารังเกียจอยู่ ลูซีเป็นตัวละครที่มีสไตล์กิ๊บเก๋มากๆ และแม้ว่ามันจะทำให้การสร้างอนิเมชันของเธอยากขึ้น แต่ผ้าพันคอที่เธอสวมอยู่เสมอก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนของเธอครับ มาร์โก้ยิ่งแสดงความรู้สึกและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นไปอีกในภาคนี้ ความซุกซนของอีดิธยิ่งสังเกตได้ยากขึ้นไปอีก ส่วนแอ็กเนสก็ยิ่งน่ารักกว่าที่เราจินตนาการไว้อีกครับ ถ้านั่นเป็นไปได้น่ะนะ”

   บัลด้าเผยว่า ด้วยความที่งานหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน การมีผู้กำกับสามคนก็เป็นเรื่องดี “การพากย์ทำไปพร้อมๆ กับการกำกับภาพและการพัฒนาเรื่องราวครับ การมีผู้กำกับหลายคนทำให้เราสามารถแบ่งสรรงานในกระบวนการสร้างสรรค์ได้ ปิแอร์จะหนักไปทางกระบวนการอนิเมชันและเรื่องราว อีริคจะหนักไปทางคอนเซ็ปต์วิชวลและการออกแบบตัวละคร ส่วนผมก็จะโฟกัสไปที่การเขียนสตอรีบอร์ดและการลำดับภาพครับ”

   ดูริโอ้เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงจากสายลับตัวเอ้ไปเป็นแม่และภรรยาว่า “นี่เป็นเรื่องใหม่สำหรับลูซีครับ เธอชอบการผจญภัยและไม่มีอะไรทำให้เธอกลัวได้ เว้นแต่การเป็นแม่ นี่เป็นเวลาที่เราได้เห็นลูซีในสถานการณ์ที่เธอไม่รู้ว่าจะรับมือยังไงดี และมันก็สนุกดีที่ได้เห็นเธอในบทบาทใหม่ของการเป็นแม่เลี้ยงน่ะครับ”

   ในขณะที่ลูซีกำลังปรับตัวให้เข้ากับชีวิตครอบครัว ลูกสาวคนโตของเธอก็กำลังเจอเรื่องหนักอกเช่นกัน “มาร์โก้เคยทำหน้าที่เป็นแม่ของน้องๆ แต่ตอนนี้เธอมีแม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่นั้นแล้ว” ดูริโอ้กล่าว “มันทำให้เกิดความขัดแย้งนิดๆ ระหว่างมาร์โก้และลูซี และการได้เห็นพวกเธอรับมือกับความรู้สึกนั้นก็เป็นเรื่องน่าสนใจครับ”

   ในขณะที่พี่สาวคนโตของพวกเธอกำลังบอกปัดการตามตื๊อของหนุ่มฟาร์มหมูชาวฟรีโดเนียที่อายุน้อยกว่าเธอหลายปี อีดิธและแอ็กเนสก็เจอกับเรื่องดรามาของตัวเองเช่นกัน ระหว่างที่น้องสาวตัวน้อยของเธอออกไปตามหายูนิคอร์นที่น่าจะอาศัยอยู่ในป่าฟรีโดเนีย อีดิธก็ตามไปด้วยอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เธอก็พร้อมที่จะโพสต์วิดีโอนั้นลงโซเชียล มีเดียเพื่อชื่อเสียงและเงินทอง...เผื่อว่าตำนานนั้นจะกลายเป็นจริง

   ไม่มี Despicable Me ภาคไหนที่จะสมบูรณ์ได้หากขาดตัวละครสุดป่วนขวัญใจมหาชน และในแต่ละภาค เราก็ได้แนะนำมินเนียนใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาเสมอ ใน Despicable Me 3 เราได้พบกับมินเนียนเมล ผู้เริ่มปฏิวัติกรูและเป็นผู้นำเหล่ามินเนียนในตอนที่พวกเขาตั้งใจจะยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเอง “ตามแบบของพวกมินเนียน พวกเขากลับไปก่อเรื่องและถูกจับเข้าคุกครับ” บัลด้ากล่าว “พวกเขาเริ่มต้นจากการเป็นลูกกระจ๊อก แต่กลับลงเอยด้วยการเป็นขาใหญ่ประจำคุก ที่นักโทษพากันหวาดกลัว” แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เราจะจินตนาการถึงโลกที่กรูและมินเนียนไม่คิดถึงกันและกันและกลับมาคืนดีกัน “ท้ายที่สุด มันก็ยิ่งตอกย้ำความคิดที่ว่ามินเนียนและกรูขาดกันและกันไม่ได้ครับ”





ตัวละคร

            เมเลแดนดรี้เชื่อว่า “ในตอนที่เราเดินออกจากโรงหนัง ความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องจะเป็นตัวกำหนดว่าหนังเรื่องนั้นจะยังคงดำรงอยู่ในจินตนาการของเรารึเปล่า”

•   กรู (สตีฟ คาเรล) ถูกไล่ออกจากงานของเขาที่สมาพันธ์เอวีแอลอย่างไม่มีพิธีรีตรองใดๆ ซึ่งส่งให้ความนับถือตัวเองของเขาทิ้งดิ่งถึงขีดสุด ในตอนที่เขารู้ว่าเขามีน้องชายฝาแฝดที่ไม่เคยเจอหน้ากันชื่อดรู กรูก็พาครอบครัวของเขาไปพบเขาในประเทศหมู่เกาะฟรีโดเนีย ที่ซึ่งดรูได้รับมรดกตกทอดเป็นฟาร์มหมูที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ หลังจากมาถึงฟรีโดเนีย กรูก็เจอกับความชิงดีชิงเด่นระหว่างพี่น้องเข้าทันทีเมื่อเขาพบว่าดรู ที่มีผมสีทองสลวยสวยเก๋ ตรงกันข้ามกับเขาในทุกๆ อย่าง แต่เมื่อดรูที่ภายนอกดูสมบูรณ์แบบขอให้เขาช่วยเหลือในการโจรกรรมครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยเห็น กรูก็ยึดตัวเองเป็น “พี่ชาย” และการถอยหลังกลับไปสู่วงการวายร้ายของเขาก็เริ่มฟื้นฟูความมั่นใจของเขาให้กลับคืนมาอีกครั้ง

•   ดรู (สตีฟ คาเรล) ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ร่ำรวย ยิ่งใหญ่ และมีผมสีทองเต็มหัว ตรงข้ามกับกรูในทุกทาง เขาเป็นศูนย์กลางของงานปาร์ตี้และดูเหมือนว่าจะสามารถทำทุกอย่างที่หัวใจปรารถนา...เว้นแต่การดำเนินตามรอยเท้าครอบครัวในการเป็นวายร้ายระดับโลก เมื่อรู้ว่าพี่ชายฝาแฝดของเขาประสบความสำเร็จกว่าเขาในเรื่องนั้น ดรูก็สามารถเกลี้ยกล่อมกรูให้ช่วยเขาทำการลงมือปล้นครั้งใหญ่ได้ แต่ยิ่งพวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็เริ่มจะเห็นว่าภายใต้โฉมหน้าที่อาจหาญของดรูคือความโหยหาแบบเด็กๆ ที่จะได้รับการยอมรับจาก กรู พี่ชายของเขา

•   หลังจากตกงานจากที่สมาพันธ์เอวีแอล เพราะปกป้อง กรู สามีของเธอ ลูซี (คริสเตน วิ้ก) ก็เลือกทุ่มเทพลังงานแบบคนบ้างานของเธอไปที่การกลายเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบของสามสาว ลูซีอำพรางความไม่มั่นใจของเธอที่มีต่อบทบาทนี้ด้วยการแสดงออกถึงการมองโลกในแง่บวกและความกระตือรือร้นอย่างล้นเหลือ เธอเป็นคนแรกที่เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าในตอนที่กรูประกาศว่าเขามีน้องชายอยู่ที่ฟรีโดเนีย เธอสนับสนุนให้สาวๆ ยอมรับวัฒนธรรมฟรีโดเนียด้วยการมีส่วนร่วมในเทศกาลชีสท้องถิ่นกับเธอ แต่ความหวังดีของลูซีกลับนำไปสู่หายนะเมื่อเธอคลาดสายตาจากอีดิธและแอ็กเนสและเกือบจะทำให้มาร์โก้ต้องหมั้นหมายกับหนุ่มชาวบ้านนิสัยพิลึกอีกด้วย

•   บัลธาซาร์ แบรทท์ (เทรย์ ปาร์คเกอร์) อัจฉริยะในวัยเด็ก อาชญากรตัวเอ้...เป็นอดีตดาราเด็กของซีรีส์ยุค 80s เรื่อง Evil Bratt ที่เขาเล่นเป็นวายร้ายเด็กที่ตั้งใจจะทำร้ายโลก...จนกระทั่งเขาโตเป็นหนุ่มและซีรีส์นี้ก็ถูกตัดจบอย่างกระทันหัน แบรทท์ ผู้ยึดติดกับอดีตด้วยแฟชันและทรงผมของเขา เริ่มหมกมุ่นกับบทตัวร้ายที่เขาเคยเล่นทางจอแก้และตั้งใจจะแก้แค้นโลกที่หันหลังให้กับเขา ด้วยคีย์ตาร์และลูกบาศก์รูบิคระเบิดเป็นอาวุธ แบรทท์ก็พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นคู่ปรับที่แข็งแกร่งที่สุดของกรู เมื่อเขาพยายามที่จะจำลองสถานการณ์จุดจบของโลกจากเอพิโซดโปรดของเขาจากซีรีส์ Evil Bratt และแก้แค้นฮอลลีวูด

•   มาร์โก้ (มิแรนด้า คอสโกรฟ) ลูกสาวคนโตของกรู อาจจะเจอกับเรื่องดรามาทั้งหลายของวัยรุ่น แต่เธอก็ยังคงเป็นคนที่มีความรับผิดชอบที่สุดในบรรดาสามสาวและมักให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นที่หนึ่ง แม้ว่าเธอจะทักท้วงเพียงใด แต่มาร์โก้ก็ถูกลูซีผลักดันให้เข้าร่วมในการเต้นพื้นเมืองของฟรีโดเนีย ซึ่งทำให้เธอเกือบจะได้หมั้นหมายกับเด็กหนุ่มพื้นเมือง แม้ว่าในตอนแรกมาร์โก้จะรู้สึกเขินและหงุดหงิดกับแม่คนใหม่ของเธอ แต่ท้ายที่สุด การที่ลูซียืนหยัดเพื่อเธอก็ทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่แน่นแฟ้นขึ้น

•   อีดิธ (ดานา ไกเออร์) ลูกสาวคนกลางจอมเจ้าเล่ห์ของกรู คอยมองหาแผนการใหม่ๆ เสมอ...และตอนนี้ เธอก็ได้รับการสนับสนุนจากลุงดรูอีก! ในตอนที่ว่างเว้นจากการกลั่นแกล้งฟริทซ์ บัตเลอร์ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของดรู เธอก็ตกลงที่จะไปเป็นเพื่อนแอ็กเนสในการออกตามหายูนิคอร์น เพราะเธอรู้ดีว่าวิดีโอหายากของสัตว์ในตำนานนี้จะทำให้เธอรวยอื้อซ่า! หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นเงินทุนให้กับการเล่นสนุกครั้งต่อไปของเธอได้

•   แอ็กเนส (เนฟ ชาร์เรล) ลูกสาวคนสุดท้องของกรู ทั้งไร้เดียงสาและไม่เห็นแก่ตัว ในตอนที่เธอรู้ว่ากรูและลูซีตกงาน เธอก็ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของเธอ แม้ว่ามันจะหมถึงการขายตุ๊กตายูนิคอร์นตัวโปรดของเธอที่งานเปิดท้ายก็ตามที ตอนแรก เธอกระตือรือร้นกับการเดินทางไปฟรีโดเนียเพื่อพบลุงดรูของเธอ แต่ความตื่นเต้นของเธอก็พุ่งปรี๊ดเมื่อเธอได้ยินว่ายูนิคอร์นตัวจริงอาจจะอาศัยอยู่ในป่าใกล้ๆ กรูอยากจะปกป้องลูกสาวตัวน้อยของเขาจากความผิดหวัง แต่ท้ายที่สุด เขาก็ไม่กล้าบอกเธอว่าตำนานพวกนั้นอาจจะไม่เป็นจริง ดังนั้น เมื่อได้ยินตำนานท้องถิ่นว่า “มีเพียงเด็กสาวหัวใจบริสุทธิ์” เท่านั้นที่จะตามหายูนิคอร์นพบ แอ็กเนสก็เลยออกเดินทางเพื่อทำตามความฝันให้เป็นจริง

•   เมื่อเจ้านายของพวกเขาไม่ได้เป็นสุดยอดสายลับในสมาพันธ์เอวีแอล และไม่ได้สนใจที่จะกลับไปเป็นวายร้ายเหมือนเดิมแล้ว สมุนมินเนียนผู้ชื่นชอบกล้วยของกรู (ปิแอร์ คอฟฟิน) ก็ขาดแคลนอุปกรณ์เจ๋งๆ ให้ได้ทดสอบหรือไม่สามารถสร้างความโกลาหลได้ พวกมินเนียน ที่นำทีมโดยเมล ตัดสินใจปฏิวัติและออกไปตั้งต้นด้วยตัวเอง การเดินทางของพวกเขานำพวกเขาไปสู่โรงถ่ายในฮอลลีวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ซึ่งหลังจากที่พวกเขาก่อเรื่องและตกเป็นที่หมายตาของตำรวจ พวกเขาก็บังเอิญเดินเข้าไปในฉากของรายการประกวดร้องเพลงและถูกบังคับให้ร้องเพลง หลังจากนั้น พวกมินเนียนก็ถูกจับขังคุกข้อหาบุกรุก เมื่อตระหนักว่าการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากกรูเป็นเรื่องท้าทายกว่าที่พวกเขาคิดไว้ พวกเขาก็ตัดสินใจแหกคุกเพื่อกลับไปหานายเก่าของพวกเขา โดยไม่รู้เลยว่าเขากำลังจะเผชิญหน้ากับบัลธาซาร์ แบรทท์ วายร้ายสติแตก ในขณะเดียวกัน กรูก็ให้เดฟและเจอร์รี มินเนียนสองตัวที่บังเอิญพลาดการประท้วง ให้ดูแลปฏิบัตการณ์ที่บ้านของเขาทั้งหมดและพวกเขาก็ติดสอยห้อยตามเขาไปในการเดินทางไปฟรีโดเนียด้วย เดฟและเจอร์รีที่ในตอนแรกพึงพอใจกับการขี่หมูฟรีโดเนียและช่วยอีดิธทรมานบัตเลอร์ฟริทซ์ กระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับกรูในตอนที่พวกเขาได้รู้ว่า เขายังไม่เลิกชั่วร้ายอย่างเด็ดขาด

•   แม่ของกรู (จูลี แอนดรูว์ส) ใช้เวลาในช่วงวัยทองของเธอไปกับการเรียนว่ายน้ำกับครูหนุ่มร่างล่ำบึ้กชาวอิตาเลียน ในตอนที่กรูเผชิญหน้ากับเธอเกี่ยวกับฝาแฝดของเขาที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามี เธอก็จำใจเปิดปากเล่ารายละเอียดในวัยเด็กของกรูให้ฟังว่า ในตอนที่เธอและพ่อของกรูแยกทางกัน พวกเขาตกลงที่จะเลี้ยงดูลูกชายหนึ่งคนด้วยตัวเอง และสัญญาว่าจะไม่เจอหน้ากันอีก และแน่นอนว่าเธอบอกเลยว่า เธอได้เลือกทีหลัง

•   ซิลาส แรมส์บอททอม (สตีฟ คูแกน) เป็นเจ้านายอังกฤษจ๋าของลูซีและกรูที่สมาพันธ์เอวีแอล ผู้จ้างกรูเพราะชื่อเสียงอดีตจอมวายร้ายในวงการของเขา ตอนนี้ หัวหน้าร่างท้วมผู้นี้ถูกย้ายตัวจากออฟฟิศอย่างกระทันหันและแทนที่ด้วยคนที่อายุน้อยกว่าและทะเยอทะยานมากกว่า

•   วาเลรี ดา วินชี (เจนนี สเลท) หัวหน้าคนใหม่ที่อายุน้อยและทะเยอทะยานที่มาแทนที่ซิลาส เธอทนความไม่เอาไหนไม่ได้ ในตอนที่กรูและลูซีจับแบรทท์ไม่ได้ วาเลรีก็ใช้พวกเขาเชือดไก่ให้ลิงดูในวันแรกที่เธอเข้าทำงาน เธอตำหนิพวกเขาและไล่พวกเขาออกต่อหน้าเพื่อนๆ สายลับคนอื่นๆ

•   ดร.เนฟาริโอ แช่แข็งตัวเองในผลึกคาร์บอนโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เขาไปไหนไม่ได้และไม่สามารถช่วยเหลือกรูได้ในเวลาที่เขาต้องการ

•   ฟริทซ์ (สตีฟ คูแกน) เป็นบัตเลอร์ชาวเยอรมัน ผู้มีน้ำอดน้ำทนเสมอของดรู เขาเป็นคนนิ่ง สงบและเรียบร้อย แม้กระทั่งในตอนที่เจอกับพฤติกรรมแปลกๆ ของดรู เจอไคล์ สัตว์เลี้ยงของครอบครัว กัดขา หรือถูกแกล้งโดยอีดิธและมินเนียนเดฟและเจอร์รีของกรูก็ตาม

•   ไคลฟ์ (แอนดี้ นีแมน) ไซด์คิกหุ่นยนต์วายร้ายในซีรีส์ Evil Bratt ยังคงภักดีกับแบรทท์แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายปีก็ตาม เขาคอยอยู่เคียงข้างแบรทท์เสมอเพื่อทำในสิ่งที่แบรทท์ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างซาวน์แทร็คยุค 80s สำหรับการปล้นของพวกเขาหรือการเยินยออดีตดาราเด็กที่ถูกแฟนๆ ลืม

happy on June 13, 2017, 10:14:47 PM



นักพากย์ของเรื่อง

            อิลลูมิเนชันเชื่อเสมอมาว่า กุญแจไปสู่ความสำเร็จคือพรสวรรค์ที่โดดเด่นของทีมงานเบื้องหลังพวกเขา Despicable Me 3 นำทีมนักพากย์ระดับโลกจากภาคที่ผ่านๆ มากลับมาอีกครั้ง และเพิ่มเติมนักพากย์หน้าใหม่ที่คาดไม่ถึงเข้าไปในแฟรนไชส์นี้

   ตั้งแต่ที่เขาเริ่มต้นพากย์เสียง กรู สตีฟ คาเรลก็เริ่มมองอดีตจอมวายร้ายผู้นี้ว่าเป็นสมาชิกครอบครัวของเขา ความมุ่งมั่นของคาเรลเป็นที่สัมผัสได้ของทีมงานและนักพากย์ทุกคน เมเลแดนดรี้ ผู้ร่วมงานกับเขามาตั้งแต่สมัย Dr. Seuss’ Horton Hears a Who! กล่าวชื่นชมว่า “สตีฟไม่เพียงแต่เป็นนักแสดงที่น่าชื่นชมเท่านั้น แต่เขายังเป็นศิลปินที่ตลก สร้างสรรค์และทุ่มเทอีกด้วย ฝีมือการแสดงของเขาแม่นยำมาก แม้ว่ามันจะให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ไม่ได้ผ่านการวางแผนมาก่อนเลย ผมไม่เคยทำงานกับใครที่มีส่วนร่วมในการเสนอความคิดในฐานะนักแสดงมากไปกว่าสตีฟอีกแล้ว เขาเคารพถ้อยคำที่ถูกเขียนขึ้นมามากๆ แต่เราก็สนับสนุนให้เขาใส่ความเป็นตัวเองและเสียงของเขาเองเข้าไปในเซสชันบันทึกเสียง เนื่องด้วยเขาเป็นเจ้าของบทกรู เขาเป็นผู้รับผิดชอบในการกำหนดว่ากรูจะพัฒนาไปในทิศทางไหนต่อไปครับ”

   “ใน Despicable Me เขากลายเป็นพ่อ และใน Despicable Me 2 เขาก็ได้แต่งงาน” คาเรลบอก “ครอบครัวของเขาขยายตัวเพิ่มขึ้นและเขาก็ได้เป็นสมาชิกของสมาพันธ์ต่อต้านวายร้าย เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย แต่เขาก็ยังคงรู้สึกถึงแรงดึงดูดจากแวดวงวายร้ายเหมือนเดิมครับ”

   ด้วยแรงบันดาลใจจากภาพฝีมืออีริค กิลลอน คาเรลได้สร้างาสำเนียงยุโรปตะวันออกแบบน่าสงสัยให้กับกรูเมื่อเกือบทศวรรษที่แล้ว ในทำนองเดียวกัน แบบดีไซน์ดรูของกิลลอนก็เป็นตัวกำหนดบุคลิกและเสียงที่คาเรลจะสร้างสำหรับน้องชายฝาแฝดของกรู “พอผมได้เห็นว่าดรูจะมีรูปร่างหน้าตายังไง ผมก็ไปต่อจากตรงนั้นครับ” คาเรลอธิบาย “เขาดูเหมือนกรูมากและพวกเขาก็มีรูปร่างแบบเดียวกัน แต่พวกเขาเคลื่อนไหวต่างกัน อย่างไรก็ดี มันก็มีข้อยกเว้นที่เฉพาะเจาะจงบางอย่าง เขามีผมบลอนด์เต็มหัวและแต่งตัวแฟชันจ๋า เสียงของเขามาจากคนที่ผมคิดว่าอีกนิสัยหนึ่งของกรูจะเป็นครับ”

   ผู้กำกับของเรื่องประทับใจกับความสามารถของคาเรลในการถ่ายทอดเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้ให้กับทั้งกรู (ด้วยโทนเสียงที่ทุ้มกว่า และจิกกัดประชดประชัน) และดรู (ด้วยเสียงที่ใสกว่า มีชีวิตชีวาและมีความสุขกว่า) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายในเซสชันบันทึกเสียงแค่ครั้งเดียว “มีหลายฉากมากที่ดรูและกรูอยู่ด้วยกันและสตีฟก็ต้องพากย์เสียงทั้งคู่” บัลด้ากล่าว “ในการคงความเป็นตัวละครตัวนั้นๆ เอาไว้ เขาจะบันทึกบทพูดของกรูทั้งหมดในตอนต้น แล้วเขาค่อยพูดบทของดรูทั้งหมดเพื่อสร้างความรู้สึกที่แตกต่างให้กับพวกเขา มันน่าทึ่งมากที่ได้เห็นเขาพูดสลับไปมาครับ”

   แม้ว่าฝาแฝดคู่นี้จะพรากจากกันตั้งแต่เกิด คาเรลก็บอกว่า สิ่งที่ทั้งคู่มีเหมือนกันดูเหมือนจะเป็นแค่พันธุกรรมเท่านั้นล่ะ “ในตอนที่กรูพาลูซีและสาวๆ มายังดินแดนไกลโพ้นนี้เพื่อพบกับน้องชายของเขา ดูเหมือนว่าดรูจะเป็นกรูอีกเวอร์ชันหนึ่งเลย เขาร่าเริง ติงต๊อง สดใสและพูดเก่ง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่กรูไม่ได้มีอยู่ในตัวเลย” อย่างไรก็ดี อย่างที่ผู้ชมจะได้พบ พี่น้องคู่นี้มีอะไรเหมือนกันมากกว่าที่พวกเขารู้ “สิ่งที่ตอนแรกดูเหมือนจะเป็นนิสัยที่ตรงกันข้ามกันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้ครับ”

   ตัวละครใหม่อีกตัวที่ต้องการเสียงที่เพอร์เฟ็กต์คือบัลธาซาร์ แบรทท์ แบรทท์ ผู้เคยถูกล้อเลียนและกีดกันหลังจากที่ซีรีส์ของเขาถูกแคนเซิล เนื่องด้วยการก้าวเข้าสู่วัยรุ่นอย่างรวดเร็วของเขา เริ่มหมกมุ่นกับทุกสิ่งจากช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของเขา แบรทท์ ผู้ซึ่งบัดนี้มีนิสัยเลวร้ายเหมือนบทที่เขาเคยแสดง ห้อมล้อมตัวเองด้วยทุกอย่างจากยุค 80s ด้วยการจำลองอุปกรณ์และยานพาหนะในซีรีส์นั้นขึ้นมาใหม่เพื่อแผนการแก้แค้นของเขา

   ตามสไตล์อิลลูมิเนชัน ตัวละครตัวนี้มีทั้งแผนการชั่วร้ายและความน่าขบขันของตัวเอง “บัลธาซาร์ แบรทท์เลือกทำตัวเหมือนบทตัวร้ายจากสมัยที่เขาเป็นนักแสดงเด็ก” คาเรลกล่าว “เขามีความเพี้ยนที่น่าขำขันบางอย่าง และเขาก็ใช้อุปกรณ์ในยุค 80s มาเป็นส่วนประกอบในความเป็นวายร้ายของเขาด้วย หมากฝรั่งที่เขาเคี้ยวกลายเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก เขาแต่งตัวด้วยชุดสีม่วง ไหล่บุหนาและกางเกงผ้าร่ม และเขาก็ต่อยคนด้วยการออกลีลาเท้าไฟครับ”

   ผู้ที่ถูกนำตัวมาพากย์เสียงแบรทท์คือเทรย์ ปาร์คเกอร์ ผู้หลงเสน่ห์แบบดีไซน์ตัวละครที่โดดเด่นของกิลลอน ปาร์คเกอร์ไม่เคยพากย์เสียงให้กับภาพยนตร์อนิเมชันฟอร์มยักษ์ที่เขาไม่ได้เขียนบทมาก่อน และระหว่างเซสชันบันทึกเสียงครั้งแรกของเขา เขาก็เผยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยู่ภายใต้การกำกับของคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเขาเอง

     งานคนสำคัญ “เทรย์เป็นหนึ่งในนักพากย์ที่เก่งที่สุดในยุคของเรา และเขาก็ใส่บุคลิกที่เปิดกว้างและ ‘เป็นการ์ตูน’ เข้าไปอย่างดีที่สุด แต่ก็แฝงไปด้วยความเปราะบางและความตั้งใจด้วยครับ” เขากล่าว “หลังจากคุณดูหนังเรื่องนี้จบ คุณจะเข้าใจว่าทำไมตัวละครตัวนี้ถึงเป็นอย่างนี้ เทรย์มีความสามารถที่จะทำตัวตลกขบขัน แต่ในระหว่างที่คุณหัวเราะ คุณก็จะแคร์ถึงสิ่งที่ทำให้คุณหัวเราะ เขาสามารถถ่ายทอดความรู้สึกนั้นได้ ถึงคุณจะมองไม่เห็น แต่คุณก็จะสัมผัสได้ครับ”

   ในการพัฒนาบทแบรทท์ ทีมงานได้เสนอถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากกรูต้องเผชิญหน้ากับคนอื่นที่ต้องรับมือกับเรื่องที่ตามหลอนจากวัยเด็กเช่นกัน บัลด้าตั้งข้อสังเกตว่า “เทรย์สนุกมากกับการพากย์เสียงบัลธาซาร์ แบรทท์ ตัวละครน่าขันที่ทำตัวซีเรียสมากๆ เทรย์สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนที่ยึดติดกับยุค 80s ได้เกือบทันที ด้วยความที่เขาเป็นอนิเมเตอร์ เขาก็เลยรู้ดีว่าตัวละครตัวนี้ต้องการพลังงานแบบไหน เขาสามารถพากย์เสียงที่มีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นได้อย่างชัดเจนครับ”

   สำหรับหัวใจสำคัญของครอบครัวกรู เราก็ต้องพูดถึงนักปราบจอมวายร้ายที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของโลกอย่างลูซี คริสเตน วิ้ก ผู้กลับมาพากย์เสียงหวานใจของกรูอีกครั้ง ชื่นชอบการที่เรื่องราวไม่ได้หลีกเลี่ยงความท้าทายของความสัมพันธ์ในครอบครัว แม้ว่าลูซีจะเป็นตัวของตัวเองมากกว่ากรูในตอนที่ทั้งคู่ได้พบกัน แต่เธอก็พบสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นอย่างที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองต้องการจากสาวๆ พวกมินเนียนและตัวเขา “หนังเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวที่ประสานเป็นหนึ่งเดียวค่ะ” วิ้กกล่าว “มันแสดงให้เห็นว่าการจะเป็นแม่เลี้ยงเป็นยังไงและการหาคำตอบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูกๆ ทำยังไง ฉันชอบที่ว่ามีการแสดงให้เห็นถึงความลำบากของลูซี โดยเฉพาะกับหนังที่เด็กๆ จะดู เธอทำดีที่สุดแล้ว และมันก็ตลกดีที่ได้เห็นว่าเธอคิดว่าตัวเธอควรจะเป็นแม่แบบไหนน่ะค่ะ”

   นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่วิ้กได้ทำงานในแฟรนไชส์ Despicable Me และเธอก็รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานเปิดกว้างพอๆ กับเพื่อนนักพากย์ของเธอ “ทุกคนให้ความร่วมมือมากๆ และพวกเขาก็สนับสนุนให้ฉันอิมโพรไวส์และลองทำสิ่งต่างๆ ในแบบของฉันเอง มันทำให้คุณรู้สึกมีอิสระ ซึ่งเป็นเรื่องวิเศษสุดเพราะมันไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอไปค่ะ”

   คาเรลกล่าวชื่นชมเกี่ยวกับพรสวรรค์ของเพื่อนนักพากย์ของเขาว่า “คริสเตนไม่เคยไม่ตลกเลย เธอเก่งมากๆ ในบรรดานักแสดงทุกคนจาก Saturday Night Live แม้กระทั่งในฉากที่ไม่น่าจะดีหรือไม่น่าจะเวิร์ค ถ้าเธออยู่ในนั้น มันก็จะเวิร์คครับ คุณจะไว้ใจคนแบบนั้นและคุณก็รู้ว่าคุณปลอดภัยแน่ไม่ว่าคุณจะทำอะไรครับ”

   นักพากย์คนสำคัญของแฟรนไชส์ Despicable Me ไม่ใช่คนเดียวที่มองว่าตัวเองเป็นแฟนผลงานของเธอ เมเลแดนดรี้กล่าวชื่นชมถึงนางเอกของแฟรนไชส์นี้ว่า “คริสเตนเป็นหนึ่งในนักพากย์ที่หาได้ยาก ที่ไม่สามารถอ่านบทออกมาแย่ได้ เธอมีเสน่ห์ น่าติดตามและใส่อะไรลงไปให้กับลูซีมากเหลือเกิน ผมไม่สามารถนึกถึงตัวละครที่วิเศษสุดนี้โดยไม่นึกถึงเสียงของคริสเตนได้เลย ทั้งสองอย่างนี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก เธอได้สร้างตัวละครหญิงแกร่งที่เป็นศูนย์กลางหนังของเราและตกหลุมรักกรูขึ้นมา และเธอก็พร้อมสำหรับทุกอย่างครับ”

   มาร์โก้ ลูกสาวคนโตของกรูและลูซี พากย์เสียงโดยมิแรนด้า คอสโกรฟ ผู้ชื่นชอบตัวละครของเธอมานาน อีกเช่นเคย “ฉันเริ่มต้นทำงานใน Despicable Me ภาคแรกตอนฉันอายุได้ 13 ปี และตอนนี้ ฉันก็อายุ 23 ปีแล้วค่ะ” เธอเล่า “ฉันรักการได้เติบโตมากับมาร์โก้ เธอทำให้ฉันนึกถึงวัยเด็กของฉันค่ะ”

   เช่นเดียวกับวิ้ก คอสโกรฟตื่นเต้นกับการได้กลับมาทำงานใน Despicable Me 3 “ฉันชอบความสัมพันธ์ครอบครัวในหนังเรื่องนี้ค่ะ” เธอกล่าวชื่นชม “ในตอนจบ Despicable Me 2 กรูและลูซีแต่งงานกัน ตอนนี้ ผู้ชมจะได้เห็นชีวิตคู่ของพวกเขาและความสัมพันธ์ระหว่างลูซีกับพวกเด็กๆ มาร์โก้ทำให้ลูซีเจอกับเรื่องลำบากใจที่สุดในตอนแรก และฉันก็ชอบที่พวกเธอได้ทำความรู้จักกันและเรียนรู้ที่จะรักกันและกันค่ะ”

   อีกครั้งหนึ่งที่คอสโกรฟได้ร่วมงานกับน้องสาวคนกลางในเรื่องของเธอ ดานา ไกเออร์ ผู้กลับมาพากย์เสียงตัวละครที่เธอพากย์เป็นครั้งแรกเมื่อตอนเธอเป็นเด็กหญิงตัวน้อยในปี 2010 ตอนนี้ เธอเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว และเธอก็ยังคงมีจิตวิญญาณรักอิสระและอารมณ์ขันจิกกัดแบบอีดิธเช่นเคย ไกเออร์มองสถานะของอีดิธว่าเป็นคนที่หัวดื้อที่สุดในบรรดาสามสาวและเป็นคนที่จะคอยก่อเรื่องอยู่เรื่อง...โดยเฉพาะการก่อกวนฟริทซ์ด้วยพวกมินเนียนหรือการวางแผนที่จะรวยและโด่งดังจากยูทูป

   สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ทีมงาน Despicable Me 3 ได้อ้าแขนต้อนรับหนูน้อยเนฟ ชาร์เรลให้พากย์เสียง แอ็กเนส ที่เคยพากย์โดยเอลซี ฟิชเชอร์มาก่อน เมเลแดนดรี้กล่าวว่าตัวละครตัวนี้เป็นสิ่งตอกย้ำหลักการของอิลลูมิเนชันที่ว่า จะต้องมีความอ่อนหวานมาถ่วงดุลความเลวร้ายเสมอ “สามสาวเข้ามานั่งอยู่ในใจผู้ชมได้ทันที ยกตัวอย่างเช่น แอ็กเนสมีความคลั่งไคล้ยูนิคอร์น แต่เธอก็เลือกที่จะเปิดท้ายขายของหลังจากที่เธอได้รู้ว่ากรูและลูซีถูกไล่ออก...และเธอก็ขายตุ๊กตายูนิคอร์นตัวโตที่เธอรักไป แม้ว่าความกังวลของเธอจะเกินจริงไป แต่มันก็เข้าใจได้ครับ”

   ในตอนที่ทีมผู้สร้างเริ่มค้นหาเด็กที่จะมาแทนที่ฟิชเชอร์ พวกเขาก็พบว่าชาร์เรลมีเสียงที่คล้ายคลึงกับเสียงของฟิชเชอร์ตอนอายุขนาดสั้นอย่างมาก พอลอธิบายถึงการเลือกเธอว่า “ต่างกับแอ็กเนส เราไม่สามารถหยุดเอลซีไม่ให้โตได้ เนฟ ชาร์เรลทั้งน่าทึ่งและน่ารัก และเธอก็ทำให้ผมนึกถึงเชอร์ลีย์ เทมเปิลครับ” เขาเล่า “เธอน่ารักสุดๆ ไปเลย”

   “เนฟเป็นเด็กช่างสงสัย และมันก็ปรากฏในตัวละครของเธอด้วย” ดูริโอ้กล่าว “มันสนุกมากที่ได้สัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติของเธอ เธอจะวิ่งไปรอบๆ สตูดิโอ แล้วจู่ๆ เธอก็จะไปตรงจุดของเธอแล้วพูดบทออกมา จากนั้น เธอก็กลับไปกระโดดใส่กำแพงใหม่น่ะครับ”

   สมาชิกมนุษย์คนสุดท้ายของครอบครัวกรูพากย์เสียงโดยนักแสดงรางวัลออสการ์ในตำนาน จูลี แอนดรูว์ส ผู้เคยพากย์เสียงบทนี้มาแล้วใน Despicable Me ในตอนที่เธอไม่ได้ยุ่งอยู่กับการเรียนว่ายน้ำจากครูฝึกกล้ามใหญ่ชาวอิตาเลียนของเธอ แม่ของกรูก็เผยออกมาว่าเขามีน้องชายฝาแฝดที่ไม่เคยได้พบหน้ากันจริงๆ ด้วยล่ะ แต่เรื่องมันเศร้าที่เธอเผยออกมาว่า เธอเลือกฝาแฝดมาเลี้ยงผิดคนในตอนหย่า

   คอฟฟินพากย์เสียงเหล่ามินเนียนของกรูอีกเช่นเคย...ทั้งพวกมินเนียนไม่กี่ตัวที่ยังคงภักดีและมินเนียนส่วนใหญ่ที่ออกไปผจญโลกกว้างด้วยตัวเอง พอลเล่าถึงหนึ่งในตอนโปรดของเขาว่าเป็นตอนที่คอฟฟินโชว์ภาพสเก็ตช์ฉากมิวสิคัลของซีเควนซ์ “กิลเบิร์ตและซัลลิแวน” ของพวกมินเนียนระหว่างการประกวดร้องเพลงทางเอ็นบีซี “ตอนที่เราได้เห็นเวอร์ชันสตอรีบอร์ดครั้งแรก และปิแอร์บันทึกเสียงเรียบร้อยแล้ว มันก็เป็นหนึ่งในตอนที่ตลกที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย ผมตื่นเต้นมากๆ ที่ผู้ชมจะได้ดูฉากนี้ในหนังครับ”

   นักแสดงผู้ร่วมงานกับอิลลูมิเนชันมานาน สตีฟ คูแกน กลับมาพากย์เสียง ซิลาส แรมส์บอททอม หัวหน้าของสมาพันธ์เอวีแอลอีกครั้ง...จนกระทั่งเขาตัดสินใจเกษียณและถูกแทนที่ด้วยสุดยอดสายลับคนใหม่ที่ทะเยอทะยาน วาเลรี ดา วินชี คูแกน ผู้เคยพากย์เสียง The Secret Life of Pets และ Minions มาแล้ว ยังได้พากย์เสียง ฟริทซ์ บัตเลอร์ผู้ไม่สะทกสะท้านกับอะไรทั้งนั้นของดรู ผู้ถูกบีบให้ต้องทนกับพฤติกรรมป่วนของเจ้านายของเขา และตอนนี้ ก็ต้องมาเจอกับพวกมินเนียนที่ภักดีของกรูและสามสาวที่มาบุกดินแดนฟรีโดเนียอีก

   วาเลรีพากย์เสียงโดย เจนนี สเลท นักพากย์หน้าใหม่ของแฟรนไชส์ Despicable Me ผู้เคยพากย์เสียงในภาพยนตร์ยอดนิยมของอิลลูมิเนชันมาก่อน ซึ่งรวมถึงบทกิดเจ็ท สุนัขพันธุ์ปอมที่ขโมยซีนใน The Secret Life of Pets และบทแม่ของเท็ดใน Dr. Seuss’ The Lorax คำสั่งแรกในการทำงานของวาเลรีคือการไล่กรูและลูซีออกหลังจากที่พวกเขาทำพลาดมหันต์ในการจับตัวบัลธาซาร์ แบรทท์