แอมบลิน เอนเตอร์เทนเมนต์ และ รีไลแอนซ์ เอนเตอร์เทนเมนต์ เสนอ
ร่วมกับ วอลเดน มีเดีย
ผลงานสร้างของพาไรอาห์
ภาพยนตร์โดย ลาสซี ฮอลล์สตรอม
A Dog's Purpose
หมา เป้าหมาย และเด็กชายของผม
บริทท์ โรเบิร์ตสัน
เคเจ อาปา
จอห์น ออร์ทิซ
ร่วมด้วย
เดนนิส เควด
และ
จอช แกด
ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร
อลัน บลูมควิสต์
มาร์ค ซูเรียน
ลอเรน ไฟเฟอร์
อำนวยการสร้างโดย
เกวิน โพโลน
ดัดแปลงจากงานเขียนของ
ดับเบิลยู. บรูซ คาเมรอน
บทภาพยนตร์โดย
ดับเบิลยู. บรูซ คาเมรอน, แคธริน มิชอน, ออดรีย์ เวลล์ส, มายา ฟอร์บส์ และวอลลี โวโลดาร์สกี
กำกับโดย
ลาสซี ฮอลล์สตรอม
ชื่อไทย: หมา เป้าหมาย และเด็กชายของผม
วันที่เข้าฉาย: 2 มีนาคม 2560
จัดจำหน่าย: บริษัท ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส (ฟาร์อีสต์) จำกัด ข้อมูลเกี่ยวกับการสร้าง “อะไรคือความหมายของชีวิต มีเหตุผลมั้ยที่เราเกิดมา และทำไมอาหารอร่อยขึ้นเมื่ออยู่ในถังขยะ”
-เบลีย์
A Dog’s Purpose สร้างจากหนังสือขายดีที่สร้างความประทับใจให้กับนักอ่าน ของดับเบิลยู. บรูซ คาเมรอน ผลงานกำกับของลาสซี ฮอลล์สตรอม (จาก The Cider House Rules, Dear John, The 100-Foot Journey) บอกเล่าเรื่องราวที่แสนอบอุ่นใจและน่าประหลาดใจของสุนัขผู้ซื่อสัตย์ ชื่อเบลีย์ (พากย์เสียงโดยจอช แกด จาก Frozen) ที่ค้นหาความหมายของการมีชีวิตอยู่ของมัน ผ่านทางชีวิตของมนุษย์ที่มันสอนให้รู้จักความรัก และนำเสียงหัวเราะมาให้
หนังบอกเล่าเรื่องราวที่ยาวนานกว่าห้าสิบปี เสียงของสุนัขผู้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พาเราเดินทางไปบนเส้นทางที่น่าตื่นเต้นและอิ่มใจ ที่สัมผัสหัวใจคนรักสัตว์ทุกคน ถึงแม้มันจะกลับชาติมาเกิดเป็นสุนัขซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้งตลอดหลายสิบปี แต่สายใยที่ไม่เคยจางหายของมัน ที่มีต่อเพื่อนร่วมจิตวิญญาณชื่ออีธาน คือสิ่งที่นำพาและกระตุ้นให้หมาตัวหนึ่ง เดินทางผจญภัย เพื่อค้นหาเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตสำหรับเด็กชายของมัน
ปี 1962 เด็กชายวัยแปดขวบ อีธาน มอนต์โกเมอรี (ไบรซ์ ไกซาร์ จาก Walk The Prank) กับแม่ของเขา (จูเลียต ไรแลนซ์ จาก The Knack) ได้ช่วยชีวิตลูกสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ซึ่งถูกขังอยู่ในรถที่ปิดกระจกไว้คันหนึ่ง ถึงแม้พ่อของอีธาน (ลุค เคอร์บี จาก The Astronauts Wives Club) จะไม่เต็มใจ แต่ครอบครัวก็เลี้ยงสุนัขตัวน้อยที่พวกเขาตั้งชื่อให้ว่าเบลีย์ และกลายมาเป็นมิตรภาพแห่งชีวิต
หน้าที่การดูแลเบลีย์ทุกอย่างเป็นของอีธาน เขาให้อาหาร พาไปเดิน และฝึกมัน รวมทั้งสอนให้รู้จักลูกเล่นบางอย่างที่มันไม่มีวันลืม เมื่ออีธานเป็นวัยรุ่น (รับบทโดยเคเจ อาปา จาก Shortland Street) เขาพบรักกับฮันนาห์ (บริทท์ โรเบิร์ตสัน จาก Tomorrowland) สาวน้อยผู้น่ารักและจิตใจดี ขณะที่ก็ไม่เคยห่างจากเบลีย์ หมาผู้ซื่อสัตย์
หลังจากการบาดเจ็บที่ทำให้อนาคตการเล่นอเมริกันฟุตบอลต้องจบลง และเลิกกับฮันนาห์ อีธานไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเพื่อเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ เขาจำต้องทิ้งเบลีย์ไว้ที่บ้านเพราะเอามันไปด้วยไม่ได้ ระหว่างที่อีธานจากบ้านไปเรียนหนังสือ เบลีย์ที่แก่มากแล้วก็ล้มป่วย เขากลับมาทันได้กล่าวลามันเป็นครั้งสุดท้าย อีธานแทบหัวใจสลาย
ทันทีที่เราคิดว่านั่นคือการสิ้นสุดของสายใยระหว่างกัน เบลีย์ก็กลับมาเกิดใหม่ในร่างของเอลลี สุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด ที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยชีวิตฉุกเฉินร่วมกับหน่วยตำรวจชิคาโก จริงๆแล้ว ไม่มีใครประหลาดใจกับการเกิดเหตุการณ์นี้มากไปกว่าเจ้าสุนัขตัวน้อย ที่รู้ว่ามันยังเป็นเพื่อนยากของอีธานอยู่เช่นเดิม จากนั้น คนดูจะได้พบเบลีย์อีกครั้งในภพชาติใหม่ เมื่อมันกลับมาเกิดเป็นสุนัขพันธุ์คอร์กี้ชื่อติโน และเกิดใหม่อีกครั้ง เป็นสุนัขลูกผสมออสเตรเลียน เชพเพิร์ดกับเซนต์.เบอร์นาร์ด ชื่อบัดดี้
แม้เบลีย์จะไม่แน่ใจ ว่าทำไมวิญญาณของมันจึงกลับมาเกิดอีกชาติแล้วชาติเล่าเพื่อผจญภัยครั้งใหม่ แต่มันจะได้ค้นพบว่า เป้าหมายของการเกิดใหม่หลายภพหลายชาติ สำคัญต่อเด็กชายของมัน มากมายอย่างที่มันคิดไม่ถึงเลยทีเดียว
A Dog’s Purpose มีนักแสดงที่มีความสามารถอย่างเดนนิส เควด (Far From Heaven, The Rookie) และเพ็กกี ลิปตัน (When in Rome, Twin Peaks) มารับบทอีธานและฮันนาห์ในวัยผู้ใหญ่ จอห์น ออร์ทิซ (Silver Linings Playbook, American Gangster) เป็นคาร์ลอส ตำรวจที่เป็นเจ้าของเอลลีย์, เคอร์บี ฮาเวลล์-แบ็ปทิสต์ (Love, House of Lies) เป็นมายา เจ้าของติโน, พูช ฮอลล์ (Ray Donovan, The Game) เป็นอัล คนรักของมายา และนิโคล ลาพลาซา (Another Cinderella Story) กับพริโม อัลลอน (The Age of Adaline) เป็นเวนดี้และวิคเตอร์ เจ้าของที่ละเลยของบัดดี้ ที่ความไม่ใส่ใจของพวกเขา ทำให้พระเอกสี่ขาของเราได้กลับบ้านในที่สุด
ฮอลล์สตรอมได้ทีมงานเบื้องหลังที่มีความสามารถหลายคนมาร่วมงาน นำทีมโดยผู้อำนวยการสร้างเกวิน พาโลน (Zombieland, Panic Room), ผู้กำกับภาพเทอร์รี สเตซี (Safe Haven, 50/50), ไมเคิล คาร์ลิน ผู้ออกแบบสร้างฉาก (Salmon Fishing in the Yemen, In Bruges), โรเบิร์ต เลห์ตัน คนตัดต่อลำดับภาพ (A Few Good Men), เชย์ คันลิฟฟ์ ผู้ออกแบบเสื้อผ้า (We’re the Millers) รวมทั้งคนทำดนตรีประกอบเจ้าของรางวัลออสการ์ เรเชล พอร์ตแมน (Emma, Cider House Rules)
A Dog’s Purpose ดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์โดยคาเมรอนและแคธริน มิชอน (Muffin Top: A Love Story) ร่วมกับออดรีย์ เวลล์ส (Shall We Dance) , มายา ฟอร์บส์ (Infinitely Polar Bear) และวอลลี โวโลดาร์สกี (Diary of a Wimpy Kid: Dog Days).
อลัน บลูมควิสต์ ((Walk the Line), มาร์ค ซูเรียน (Need for Speed) และลอเรน ไฟเฟอร์(Twisted) ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหาร จัดจำหน่ายโดยยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์สแนวคิดแสนสุข : อะไรคือเป้าหมายของหมาตัวหนึ่ง
หลังจากออกวางจำหน่ายในปี 2010 A Dog’s Purpose กลายเป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมอย่างมากมาย ได้กลุ่มนักอ่านที่เป็นคนรักสัตว์ทั่วโลก ซึ่งหลงเสน่ห์ความอ่อนโยน ความสะเทือนใจ และอารมณ์ขัน ของเรื่องราวที่บอกเล่าสิ่งที่เจ้าสัตว์เพื่อนยากของเราคิดกับเรา และทำไมพวกมันจึงเกิดมาบนโลกใบนี้ หนังสือขายดีอันดับหนึ่งของนิวยอร์ก ไทม์สเรื่องนี้ ติดอันดับขายดีนานกว่าหนึ่งปี และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆถึง 20 ภาษา และวางจำหน่ายใน 29 ประเทศทั่วโลก ภาคต่อที่ตามออกมา คือ A Dog’s Journey วางขายในปี 2012 ได้รับความนิยมมากมายเช่นเดียวกัน
ดับเบิลยู. บรูซ คาเมรอน ผู้เขียนหนังสือชุดนี้ เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เขียนหนังสือขายดีอย่าง 8 Simple Rules for Dating My Teenage Daughter ที่ถูกนำไปสร้างเป็นซิทคอมยอดนิยมของช่องเอบีซี นำแสดงโดยจอห์น ริทเทอร์ผู้ล่วงลับ และเคที เซกัล และแจ้งเกิดให้กับเคลีย์ คูโอโค จาก The Big Bang Theory
คาเมรอนเกิดความคิดที่จะเขียนนวนิยายเรื่องนี้ เมื่อผู้หญิงที่เขากำลังคบอยู่สูญเสียสุนัขของเธอ และอยู่ในช่วงที่โศกเศร้าจนยากจะทำใจ “เรากำลังขับรถเลียบชายฝั่งแคลิฟอร์เนียขึ้นไปตามทางด่วนสาย 101 ผมรู้สึกสงสารเธอมาก และอยู่ๆ มันก็มาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เหมือนผมดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตมาใส่สมองผม เรื่องของหมาตัวนึงที่ไม่ได้ตายไปจริงๆ แต่กลับชาติมาเกิดใหม่ ครั้งแล้วครั้งเล่า และเกิดความความรู้สึกว่าอาจมีเป้าหมายบางอย่างที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น”
เพื่อนร่วมทางที่คาเมรอนปลอบโยน คือแคธริน มิชอน ที่ปัจจุบันคือภรรยาของเขา รวมทั้งเป็นหนึ่งในทีมผู้เขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วย เธอเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า “ระหว่างทางที่กำลังจะไปเบย์ เอเรีย เราแวะพักดื่มกาแฟ พอฉันกลับมาที่รถ บรูซบอกว่าเขามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง และมันจะเป็นเรื่องราวในหนังสือเล่มต่อไปของเขา เขาเล่ายาวประมาณชั่วโมงครึ่งไม่หยุดเลย พอไปถึงตอนจบ ฉันก็จมแอ่งน้ำตาไปแล้วเรียบร้อย เพราะร้องไห้หนักมาก”
สำหรับคาเมรอน การดูสุนัขมีปฎิกิริยาต่อกัน และวิเคราะห์พฤติกรรมของมัน เป็นการหาข้อมูลที่ช่วยได้มากที่สุดที่เขาทำ ก่อนจะลงมือเขียนหนังสือเล่มนี้ “สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมทำในการหาข้อมูลเพื่อเขียนหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่การอ่านข้อมูลเกี่ยวกับสุนัข แต่คือการออกไปสวนสาธารณะสำหรับสุนัข และดูว่ามันมีพฤติกรรมยังไง หมามีโครงสร้างทางสังคมที่บ้าบอมาก ถ้ามีหมาสองตัว มันจะเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้ามีหมาตัวที่สามเข้ามา พลังงานจะเปลี่ยนแปลงโดยทันที” เขาหัวเราะ “มันแย่กว่ามัธยมต้นสิบเท่าเลยนะเนี่ย”
คาเมรอนบอกว่า ส่วนที่ยากที่สุดในการเขียนนวนิยายเรื่องนี้ คือการพยายามรักษาความง่ายของมันไว้ “ผมกำลังเขียนเรื่องหมา และหมาก็คงไม่คิดอะไรซับซ้อนแบบอุปมาอุปมัย ส่วนใหญ่หมาคงจะคิดแบบเป็นคำนามมากกว่าเป็นคำกริยาวิเศษณ์ คำศัพท์ของหมาโดยทั่วไปจำกัดอยู่แค่ประมาณ 40-50 คำ ผมอยากเขียนจากมุมมองของหมาจริงๆ ไม่ใช่หมาที่เข้าใจภาษาอังกฤษ”
ผู้อำนวยการสร้างเกวิน พาโลนได้อ่าน A Dog’s Purpose ตั้งแต่ตอนยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจแก้ไขก่อนตีพิมพ์ และจะดูแลมันตลอดขั้นตอนการพัฒนา ตามคำขอของคาเมรอนและมิชอน ในช่วงระหว่างนั้น หนังสือได้รับความสนใจจากแอมบลิน เอนเตอร์เทนเมนต์ คาเมรอนเล่าว่า “เราอยากหาผู้อำนวยการสร้างที่จะพาหนังสือไปยังก้าวต่อไป และเกวินก็มีชื่อเสียงมากเรื่องการปกป้องนักเขียน เราจึงส่งหนังสือไปให้เขา” ส่วนภารกิจในการหาคนที่จะมาต่อสู้เคียงข้าง เพื่อนำหนังสือก้าวไปสู่ขั้นตอนต่อไป พวกเขาต้องการผู้กำกับที่มีเป้าหมายในใจแบบเดียวกัน
จากประวัติการสร้างสรรค์งานภาพยนตร์ของฮอลล์สตรอม และจากการที่เขาเคยกำกับหนังให้กับแอมบลิน เอนเตอร์เทนเมนต์ (ที่ตอนนั้นยังเป็นดรีมเวิร์คส) เรื่อง The 100-Foot Journey จึงเป็นการตัดสินใจอย่างเป็นเอกฉันท์ ว่าเวอร์ชั่นที่เป็นหนังของหนังสือเล่มนี้ ไม่มีใครเหมาะสมเท่านี้อีกแล้ว ฮอลล์สตรอมอ้างว่าไม่ใช่เหตุบังเอิญที่เขารู้สึกสนใจการทำหนังเรื่องนี้ “ก่อนหน้านี้ผมเคยทำหนังเกี่ยวกับหมามาสองเรื่อง คือ My Life As a Dog และ Hachi เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่สามของผม ถ้าคุณมีความสนใจเกี่ยวกับคนที่เป็นคนนอกของสังคม และความรู้สึกที่ดูเหมือนไม่มีเหตุผลในความคิดของมนุษย์ คุณสามารถเข้าใจความรู้สึกของหมา และชีวิตของหมาได้อย่างแน่นอน”
ในขณะที่คาเมรอนและเพื่อนร่วมทีมเขียนบทของเขาต้องสร้างกฎสำหรับเรื่องราวในหนังของเรา ในแง่ที่ว่าเจ้าหมาตัวนี้กำลังคิดอะไร และอาจจะทำอะไร ฮอลล์สตรอมก็ต้องคงความมีเหตุผลไว้เช่นกัน ในสิ่งที่บางคนอาจบอกว่าเป็นความเชื่อที่ไร้เหตุผล “ท้ายที่สุดแล้ว กฎข้อหนึ่งที่เรามี คือเราให้สุนัขพูดหน้ากล้องไม่ได้ การถ่ายทอดด้วยการเล่าเรื่อง ทำให้ความคิดของหมาตัวนี้มีส่วนที่เป็นมนุษย์อยู่ในนั้น และผมก็จมอยู่กับความคิดเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดมากขึ้นทุกทีๆ เพราะหนังเรื่องนี้ มันจะมีความเป็นไปได้จริงหรือไม่...ใครจะไปรู้ แต่ประเด็นคือการเปิดใจให้กับความน่าพิศวงที่ว่า มีบางสิ่งที่เกิดขึ้นในจักรวาลนี้ที่เรายังไม่สามารถอธิบายได้”
ฮอลล์สตรอมคิดว่า งานสำคัญที่สุดของเขาในฐานะผู้กำกับ คือทำให้การแสดงของนักแสดงและสุนัขอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เป้าหมายของเขาคือไม่ประดิษฐ์จนไม่เป็นธรรมชาติ หรือเอื้อมไปหาแง่มุมของความเป็นคอมเมดี้ “ผมต้องการโทนที่รู้สึกว่ามีความน่าเชื่อถือ และไม่เยอะ ในขณะที่ก็ยังคงอยู่บนรากฐานของอารมณ์ที่แท้จริง ทั้งของหมาและคน มันเป็นความท้าทายที่สนุก”