enjoyjam.net » news & activity » news & activity (Moderators: happy, sianbun) » ไม่รู้เงินไปไหนหมด?? « previous next » Print Pages: [1] Go Down MSN on September 12, 2016, 08:57:16 AM ไม่รู้เงินไปไหนหมด?? เคยนึกสงสัยกันไหมว่า หลายคนบ่นว่าเงินเดือนแต่ละเดือนไม่พอใช้ หรือบางเดือน ชักหน้าไม่ถึงหลัง เดือนชนเดือน ทำงานมาหลายปีแล้วยังไม่มีเงินเก็บ เงินออมเลย “ไม่รู้เงินไปไหนหมด??” และหากใครเป็นมนุษย์เงินเดือนด้วยแล้ว.... จะเฝ้ารอคอยมาตลอดทั้งเดือน นั่นคือ วันเงินเดือนออก เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็จะถอนเงินออกมา ทันที จากค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะค่ากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ค่าบัตรเครดิต ค่าบ้าน ค่ารถ และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วน “เงินออม” เหรอ! ลำพังเพียงแค่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ “เก็บเงินไม่อยู่แล้ว” และเกิดความรู้สึกตลอดเวลาว่า “ไม่รู้เงินหายไปไหนหมด” นี่เป็นอินไซต์ที่คนไทยวัยทำงานส่วนใหญ่กำลังเผชิญมีตัวเลขที่น่าสนใจมากๆ จาก ยูโกฟ (YouGov) บริษัทสำรวจและวิจัยทางอินเทอร์เน็ตระดับสากล ระบุว่า การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของคนไทยยังไม่ดีพอ ผู้บริโภคคนไทยมียอดใช้จ่ายปริศนามากที่สุดในบรรดาประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำแบบสำรวจ ตามมาด้วยอินโดนีเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์ หรือคนไทยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อสัปดาห์อยู่ที่ 1,588 บาท ซึ่งในจำนวนนี้มีค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถระบุได้ว่าใช้ไปกับสิ่งใดถึง 1,143 บาท หรือ 72% ของรายจ่ายทั้งหมด โดยผู้บริโภคชาวไทยที่ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า ค่าใช้จ่ายปริศนาที่เกิดขึ้นนั้น 49% มาจากค่าอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค และค่าขนมขบเคี้ยว อีกทั้งกว่า 45% เกิดจากการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย (คิดว่าผู้หญิงน่าจะเป็นกันทุกเดือน เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง ส่วนผู้ชาย ก็น่าจะปาร์ตี้กับเพื่อนๆ)สรุปค่าใช้จ่ายปริศนา คือ ความฟุ่มเฟือยของเรานั่นเอง การออม จึงจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการหยุด ความฟุ่มเฟือย เริ่มออมเพียง 5-10% ของรายได้ต่อเดือนก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เป็นการบังคับ เก็บเงินออมเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินและยามจำเป็น ที่ผ่านมาการรณรงค์เรื่อง การออม ทั้งของภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ก็ร่วมมือร่วมใจกระตุ้นเตือนผ่านกิจกรรม แคมเปญการออมเงินต่างๆ มากมาย ซึ่งก็น่ายินดี ที่้สามารถโน้มน้าว คนไทยเห็นความสำคัญในการเรื่องการออมมากขึ้น โดยในปัจจุบันมีเงินออม คิดเป็นสัดส่วนสูงกระเตื้องขึ้นถึงร้อยละ 77.4 ของประชากรทั้งหมด โดยร้อยละ 47.4 เป็นการออมระยะสั้น ส่วนร้อยละ 52.6 เป็นการออมระยะยาว (ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย) ซึ่งในจำนวนนี้ มีทั้งการออมเพื่อใช้จ่ายในช่วงหลังเกษียณ การออมเพื่อการซื้อบ้าน และการออมเพื่อการศึกษา TMB เดินหน้ากระตุ้นออมเงินผ่านประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการออม ที่หลายคนสนใจและหันมาออมเงินในรูปแบบนี้กันเพิ่มขึ้น เป็นคำตอบที่ จะช่วยการันตรีว่าปลายทางจะมีเงินเป็นก้อนได้จริงๆ สามารถออมเงินได้ประสบความสำเร็จจริง และคุ้มค่า เป็นการออมเงินง่ายๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูง คุณมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารส่งเสริมการตลาดลูกค้าบุคคล ธนาคารทีเอ็มบี หรือ ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทำการศึกษาและสำรวจความต้องการของกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน อายุ 25-45 ปี และพบว่าลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เริ่มทำงานและอยากหาที่ออมเงิน ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และที่สำคัญเบี้ยประกันต้องไม่เป็นภาระกับชีวิตมากจนเกินไป และไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา“โจทย์ของเราคือจะทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้เข้าถึงประกันชีวิตได้ง่ายขึ้น เป็นประกันชีวิตที่เข้าใจง่ายๆ และทุกคนสามารถซื้อได้ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ TMB Life Saver 15/9 ภายใต้แนวคิด “ประกันทำง่าย ใครก็มีได้” สามารถจ่ายเบี้ยรายเดือนได้โดยไม่มีดอกเบี้ยเพียงเดือนละ 1,000 บาท หรือจ่ายรายปี ปีละ 12,000 บาท เพียง 9 ปี ได้เงินคืนปีละ 2,000 บาท และเมื่อครบ 15 ปี รับเงินก้อน 100,000 บาท นอกจากจะได้ออมเงินแล้ว เป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองทันทีที่สมัคร และสามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ายไป ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้อีกด้วย”ก็อยากจะให้คนไทยหันมาออมเงินตั้งแต่วันนี้ยังไม่สายเกินไป เพราะ "การออม" ถือเป็นหนึ่งในวิธีการสร้างความมั่นคงทางการเงินที่ดีที่สุด และสามารถใช้เป็นหลักประกันทางการเงินสำหรับยามฉุกเฉินและจำเป็นได้ดี รวมทั้ง หยุด “ความฟุ่มเฟือย” ในตัวเองให้เร็วที่สุด « Last Edit: September 12, 2016, 02:32:01 PM by MSN » Logged Print Pages: [1] Go Up « previous next » enjoyjam.net » news & activity » news & activity (Moderators: happy, sianbun) » ไม่รู้เงินไปไหนหมด??