บริษัท มีสุขเรียลเอสเตท ผู้ผลิตบ้านน็อคดาวน์ครบวงจร
แตกไลน์ธุรกิจแฟรนไชส์แบบนวัตกรรมใหม่รายแรกของไทย
กรุงเทพ- บริษัท มีสุข เรียลเอสเตท จำกัด ผู้ผลิตและดำเนินงานธุรกิจรับสร้างบ้านน็อคดาวน์สำนักงาน โกดัง โรงงานสำเร็จรูป อย่างครบวงจรรายแรกของประเทศไทยที่สามารถรื้อถอนประกอบใหม่ได้ ประหยัดไฟ คงทน ปลวกไม่กิน ไฟไม่ไหม้ ไม่แตกร้าว ช่วยลดต้นทุนซื้อบ้าน 60% สยายปีกแตกแบรนด์ใหม่ Happy Franchise นวัตกรรมของธุรกิจแฟรนไชส์รายแรกเมืองไทยที่จ่ายผลตอบแทนเป็นระดับชั้น แผนนี้เอื้อให้ผู้เข้าร่วมธุรกิจสร้างกำไรสูงสุดถึง 14-15 % โชว์ความพร้อมอย่างลงตัวไม่เหมือนใครด้วยธุรกิจที่ติดอาวุธครบภายใต้แบรนด์ Happy จำนวน 4 ธุรกิจ อนาคตเปิดเพิ่ม อีก 2 แบรนด์ คือ Happy Precastบ้านคอนกรีตสำเร็จรูปเจาะตลาด Mass และ แบรนด์ Happy Resident อพาร์ทเมนต์สำเร็จรูป 4 ชั้น สร้างเสร็จภายใน 2 เดือน
คุณเฉลิม ทองสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีสุข เรียลเอสเตท จำกัด ผู้ผลิตและดำเนินงานธุรกิจรับสร้างบ้านน็อคดาวน์ สำนักงาน โกดัง โรงงานสำเร็จรูป แบบครบวงจรรายแรกของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภายหลังที่บริษัท มีสุข เรียลเอสเตท เริ่มต้นดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างบ้านมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก็เล็งเห็นว่าการที่จะสร้างบ้าน หรือ โกดัง ให้เสร็จหนึ่งหลัง ต้องอาศัยองค์ประกอบเยอะมาก จำนวนชิ้นส่วนต่อการสร้างบ้านหนึ่งหลังมีไม่ต่ำกว่า 300 – 400 รายการ บวกกับต้องเจอกับภาวะปัญหาของผู้รับเหมาอีก ดังนั้นบ้านหนึ่งหลังกว่าจะสร้างเสร็จใช้ระยะเวลาที่นานมาก
แต่เพราะมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศบ่อยก็ได้ไปเห็นเรื่องระบบการก่อสร้างบ้าน และ สำนักงานสำเร็จรูป ที่สามารถรื้อประกอบได้ จึงได้เกิดไอเดียดังกล่าวด้วยการเปิดธุรกิจรับสร้างบ้านน็อคดาวน์ หรือ บ้านสำเร็จรูป แบบ รื้อประกอบได้ เป็นรายแรกของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Happy Houseเมื่อ 8 ปีที่แล้ว โดยบ้านน็อคดาวน์ของบริษัทจะมีความแตกต่างจากบ้านสำเร็จรูปทั่ว ๆ ไป กล่าวว่า ของบริษัทจะไม่ใช่บ้านที่สร้างเสร็จแล้วยกมาวางขายเป็นหลัง ๆ แต่ของบริษัทจะเป็นบ้านน็อคดาวน์ที่มีรูปแบบคล้าย ๆ กับเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถถอดประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้ ให้กลายเป็นบ้าน 1 หลังได้ โดยชิ้นส่วนแต่ละชิ้น อาทิ ผนัง เพดาน บันได หลังคา จะผลิตให้เสร็จภายในโรงงาน เป็นแผ่น ๆ ชิ้น ๆ จากนั้นก็จะถูกลำเลียงขนขึ้นกับไปรถบรรทุก เมื่อถึงไซต์งานก็สามารถประกอบสร้างเป็นบ้าน 1 หลังเสร็จได้เลยภายใน 3-5 วัน
ข้อดีคือ ความเสียหายน้อยกว่าเพราะสามารถขนไป ประกอบ ได้ทุกที่ ทุกแห่งหน ที่ลูกค้าอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะขึ้นเขา ลงห้วย อีกทั้งมีดีไซน์ให้เลือกแบบบ้านตามที่ต้องการไม่ว่าจะสไตล์โมเดิร์น , หน้าจั่ว เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการซื้อไปเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่ต้องการเน้นในการเรื่องของราคาที่ประหยัด ขนาดไซส์เล็ก 3.6 คูณ 3.6 เมตร หรือ 3.6 คูณ 5.4 เมตร แต่ยังได้บ้านที่มีคุณภาพ สวยงาม ไม่อยากเจอปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงาน เพราะการสร้างบ้านในวงเงินหลักแสนบาท โอกาสที่จะถูกผู้รับเหมาทิ้งงานมีแนวโน้มค่อนข้างสูง เนื่องจากไม่คุ้มกับต้นทุน และค่าแรงในการทำงานของผู้รับเหมา
อีกทั้งความได้เปรียบในการทำบ้านน็อคดาวน์ของบริษัทนอกจากเทียบแข่งกับบ้านสำเร็จรูปทั่ว ๆ ไปได้แล้ว ยังแข่งขันกับตลาดตู้คอนเทนเนอร์ได้อีกด้วย ที่ปัจจุบันเริ่มเห็นผู้บริโภคหันมาใช้ตู้คอนเทนเนอร์สำหรับการมาเปิดเป็นหน้าร้านขายของต่าง ๆ หรือ มาทำเป็น Office สำนักงานต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่ดีไซน์ ความสวยงาม ที่มีให้เลือกมากกว่าการเป็นแค่ตู้คอนเทนเนอร์ ทรงสี่เหลี่ยม ๆ ที่ไม่สามารถสร้างให้เกิดมิติ โค้ง เว้า ได้ รวมทั้งวัสดุการผลิตบ้านน็อคดาวน์ของบริษัทก็มีคงทนอยู่มาก ทำให้อายุการใช้งานของบ้าน 1 หลัง มีความยาวนานมาก ปลวกไม่กิน สนิมไม่ขึ้น ไม่ไหม้ไฟ ไม่แตกร้าว สามารถโยกย้าย ถอดประกอบใหม่ได้ อีกทั้งผนังที่บริษัทใช้ก็เป็นผนังห้องเย็น 2 ชั้น ทำให้ประหยัดพลังงานสำหรับการเปิดเครื่องปรับอากาศถึง 30%
อย่างไรก็ดี จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ผลประกอบการปัจจุบันของบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จาก 1-2 ปีแรกของการดำเนินธุรกิจ ผลประกอบการอยู่ที่ปีละ 20 – 30 หลัง จนมาเมื่อ 2– 3 ปีหลัง ผลประกอบการต่อปีโดยรวมอยู่ที่ 100 หลัง ล่าสุดงานสถาปนิกสยาม และ งานบ้านและสวน ที่บริษัทไปออกบู้ธ เฉพาะแค่ 2 งาน มียอดขายกว่า 50 หลัง สาเหตุที่ยอดขายเติบโตส่วนหนึ่งมาจาก บ้านน็อคดาวน์ของบริษัทจะมีความแตกต่างจากบ้านสำเร็จรูปทั่ว ๆ ไป ตามมาด้วยไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคปัจจุบันก็ให้มาลดต้นทุนการสร้างบ้านแบบก่ออิฐ ฉาบ ปูน มาเป็นบ้านน็อคดาวน์มากขึ้น นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทได้ขยายไลน์ธุรกิจใหม่ไปสู่การทำธุรกิจแฟรนไชส์ ภายใต้ชื่อ แบรนด์ Happy Franchise ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมใหม่ ของการทำธุรกิจแฟรนไชส์ รายแรกของประเทศไทยที่มีการจ่ายผลตอบแทนรายได้ให้กับตัวแทนจำหน่ายที่มาสมัครเข้ามาร่วมทำธุรกิจกับบริษัทกล่าวคือ
1. ในอดีตรูปแบบการเป็นผู้รับเหมา วัสดุก่อสร้าง คนที่ลงเงิน ลงทุน ลงแรง ลงทุกอย่าง กำไรอยู่แค่ 15 % ต่อ 1 หลัง แต่พอมาเป็นแฟรนไชส์ ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องลงเงิน ไม่ต้องลงไปผลิตเอง ไม่ต้องสต็อกสินค้า ไม่ต้องอะไรเลย แฟรนไชส์อยู่ในปาร์ตี้เดียว คือ ปาร์ตี้ขาย ก็สามารถสร้างกำไรได้สูงสุด 14-15 % สาเหตุที่บริษัทแบ่งกำไรให้เยอะ เพราะบริษัทเป็นผู้ผลิตเอง นำเข้าเอง อัตราการบวกกำไรหลายทอดไม่มี
2. ค่าแฟรนไชส์ บริษัทจะมี Level ของการเข้าร่วมธุรกิจเริ่มจากข้างล่างสุด คือ การเป็น User ลูกค้า หรือ ผู้ใช้ ผู้บริโภค แค่มาสมัครกับบริษัท ก็ถือว่าเป็น User แล้ว ผลประโยชน์ที่ได้รับคือ ส่วนลดในการซื้อบ้านน็อคดาวน์ 1-3 เปอร์เซ็นต์
3. กรณี User ต้องการทำธุรกิจ บริษัทก็จะมีแต้มสะสมการซื้อจนถึงจุด ๆ หนึ่ง ที่กำหนดไว้ก็จะถูกขยับขึ้นมาเป็น Agent ซึ่งก็จะมีคะแนนสะสมทุกครั้งที่มีการซื้อเพื่อเป็นส่วนลดคืนเพิ่มขึ้น 1-3 % จากนั้นก็เป็นการขยับ Level มาเป็น ตัวแทนจำหน่าย ก็จะส่วนลดก็เพิ่มขึ้นเป็น 7-8 % ขายสะสมไปเรื่อยๆ ก็จะพัฒนาเป็น Dealer ก็ได้ส่วนลดเพิ่มขึ้น เป็น 7-10 % สะสมไปเรื่อย ๆ เป็น Main Dealer ก็จะได้ส่วนลดเป็น 10-12 % โดย Level สูงสุดของบริษัท คือตำแหน่ง Director จะได้คะแนนส่วนลดสูงสุดในระบบ เราเรียกแผนธุรกิจของบริษัท แบรนด์ Happy Franchise ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ ของการทำธุรกิจแฟรนไชส์ รายแรกของประเทศไทย ของทำธุรกิจแฟรนไชส์
สำหรับค่าสมัครเริ่มต้นการทำธุรกิจแฟรนไชส์ของบริษัทอยู่ที่ 3,000 บาท แต่สำหรับผู้ที่ต้องทำธุรกิจจริง ๆ อยากมีรายได้สูง ๆ บริษัทก็มีทางด่วนในการให้สมัครมาสู่ตำแหน่งของการเป็น ตัวแทนจำหน่ายได้เลย ในอัตราค่าสมัครธรรมเนียมแฟรนไชส์ 30,000 บาท ซึ่งจะเป็นค่าสำหรับอบรมเข้มข้นแบบไม่จำกัดจำนวน สิทธิการเรียนฟรีทุกอย่าง รวมถึงการสอนวิธีการทำตลาด ทุก ๆ อย่าง ปัจจุบันเรามีผู้สนใจเข้ามาสมัครร่วมทำธุรกิจ 200 คน ทั่วประเทศ สูงสุดตำแหน่ง Director ขณะนี้มีอยู่ 3 – 4 คน มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 7 หลัก
ส่วนแผนการตลาดครึ่งปีหลัง บริษัทจะเดินหน้าจัดสัมมนาทั่วประเทศเพื่อเรียนเชิญผู้สนใจเข้าร่วมทำธุรกิจดังกล่าว โดยจะจัดเดือนละ1 ครั้งในพื้นที่ต่างจังหวัด และ จัดเดือนละ 2 ครั้ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ อนาคต ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยสำหรับการทำบ้านคอนกรีตสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ Happy Precastเพื่อเจาะตลาดกลุ่มใหญ่ที่เป็น Mass มากขึ้น รวมถึงการเปิดอีกแบรนด์หนึ่งที่มีชื่อว่า Happy Resident อพาร์ทเมนต์สำเร็จรูป 4 ชั้น สร้างเสร็จภายใน 2 เดือน
ปัจจุบันบริษัทนับว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านน็อคดาวน์ สำนักงาน โกดัง โรงงานสำเร็จรูป แบบครบวงจรรายแรกของประเทศไทย ที่สามารถเปิดรับการทำธุรกิจแฟรนไชส์สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า หรือ ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ ภายใต้เครื่องหมายการค้า Happy ได้แก่
1. Happy House บ้านน็อคดาวน์ผนังเบา แบบรื้อถอดประกอบได้
2. Happy Warehouse โรงงาน – อาคาร สำเร็จรูป ซึ่งเป็นระบบผลิตจากโรงงาน
3. Happy Tools เครื่องจักร เครื่องมือก่อสร้าง เช่น เครื่องดัดเหล็ก เครื่องตบดิน
4. Happy วัสดุก่อสร้าง อาทิ ผนัง คาน หลังคา ที่สามารถใช้ประกอบสร้าง บ้าน โรงงาน รีสอร์ท office สำเร็จรูปแบบน็อคดาวน์ได้ทุกรูปแบบเลย และวัสดุทดแทนไม้ เช่น พื้นไม้เทียม ตงไม้เทียม เป็นต้น