happy on July 31, 2016, 07:01:34 PM
นิสสัน ตอกย้ำผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
ส่งรถยนต์นิสสัน ลีฟ “LEAF” ร่วมงานไทยแลนด์ อินดัสตรี เอ็กซ์โป

นิสสัน ส่ง “ลีฟ” ร่วมงาน ไทยแลนด์ อินดัสตรี เอ็กซ์โป 2016 ที่จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 26-31 กรกฎาคม 2559 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี  ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ เพื่อคน-สิ่งแวดล้อม ชูความสำเร็จ ยอดขายสะสมมากกว่า 2.2 แสนคัน ได้รับเกียรติจากนานาชาติให้ร่วมงานสำคัญทั่วโลกมากมาย


Mr.Kazutaka Nambu President of NMT

นายคะซุทากะ นัมบุ ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ หรือ ‘Innovation that Excites’  และผู้นำเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าโลก  ในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 60 ปี   นิสสันมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมจัดแสดงรถยนต์และเทคโนโลยี ในงาน ไทยแลนด์ อินดัสตรี เอ็กซ์โป 2016 จัดโดย กระทรวงอุตสาหกรรม  ภายใต้แนวคิด “ศักยภาพอุตสาหกรรมไทย ความท้าทายสู่อนาคต” โดยในงานนี้ นิสสันได้นำ รถยนต์นิสสันอีโคคาร์ซีดานรุ่นแรกของประเทศไทยคือ นิสสันอัลเมรา และรถกระบะยอดนิยมอย่าง นิสสัน นาวารา โกลบอลโมเดลซึ่งเป็นสองโปรดักส์  แชมเปี้ยน คุณภาพระดับโลก ผลิตจากฐานการผลิตในประเทศไทยและส่งออกไปใน 114 ประเทศทั่วโลกมาจัดแสดงและจำหน่าย และยังนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า “ลีฟ” ที่ขายดีที่สุดในโลกในขณะนี้  มาจัดแสดง ภายใต้แนวคิดชีวิตยุคใหม่ไร้มลพิษสะดวกสบายทันสมัย  ซึ่งนิสสัน ลีฟ สามารถอยู่ร่วมในบ้านได้อย่างกลมกลืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด


Mrs.Piengjai Keawsuwan VP of NMT

ยานยนต์ไร้มลพิษ (Zero Emission) เพื่ออนาคตของทุกคน

นิสสัน ลีฟ (LEAF) มาจาก คำว่า Leading, Environmentally friendly, Affordable, & Family Car หรือ รถยนต์สำหรับครอบครัวที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีราคาที่สัมผัสได้ เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนที่มีการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ตลอดการขับขี่

ทั้งนี้ นิสสัน ลีฟ เกิดจากความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ เทคโนโลยี เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของคน ยานยนต์ และธรรมชาติ ทำให้นิสสันพยายามคิดค้น ยนตรกรรมที่สามารถตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์ในทุกๆ ด้านทั้งสมรรถนะ ความสะดวกสบาย ความประหยัด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  โดยนิสสัน ได้เปิดตัว นิสสัน ลีฟ เป็นครั้งแรก ในปี 2553   สร้างความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญให้กับโลกยานยนต์ โดยได้รับการตอบรับจากทั่วโลก ขณะที่นิสสันยังคงพัฒนานิสสัน ลีฟ อย่างต่อเนื่อง  ปัจจุบัน นิสสัน ลีฟเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก สามารถสร้างยอดจำหน่ายสะสมแล้วกว่า 225,000 คัน ใน 46 ประเทศทั่วโลก


ภารกิจเพื่อพัฒนายานยนต์ไร้มลพิษ (Zero Emission is our Mission)

นิสสัน  ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า  เพื่อยกระดับให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ตอบสนองต่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย ลีฟ ที่จำหน่ายในปี 2559 นี้ ได้รับการปรับปรุง โดยติดตั้งแบตเตอรีรุ่นใหม่  ซึ่งเป็นแบตเตอรี ลิเธียม ไอออน ขนาดความจุ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง แทนรุ่นเดิมที่ใช้ขนาด 24 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้ ลีฟ สามารถใช้งานได้นานขึ้น 20% หรือประมาณ 280 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง

ปัจจุบัน นิสสัน ลีฟ ได้รับพัฒนาประสิทธิภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่ง ความเงียบภายในห้องโดยสาร รวมถึงการควบคุมรถ ด้วยการออกแบบแบตเตอรีที่มีขนาดเล็ก บาง และรูปทรงที่เรียบง่ายของแต่ละเซลล์ นอกจากจะทำให้มีความจุไฟฟ้าสูงแล้ว ยังมีจุดเด่นคือน้ำหนักลดลง ช่วยให้รถเดินทางได้ไกลขึ้น ทั้งนี้การออกแบบพื้นที่จัดเก็บที่มีประสิทธิภาพ ไม่ก่อให้เกิดการรบกวนพื้นที่ใช้งานภายในห้องโดยสาร โดยนอกจากการนั่งที่สะดวกสบายแล้ว พื้นที่เก็บสัมภาระของนิสสัน ลีฟ ยังมีความจุถึง 330 ลิตร ซึ่งเพียงพอสำหรับการเก็บถุงกอล์ฟ ได้ถึง 2 ถุง โดยไม่ต้องพับเบาะนั่งด้านหลังลงแต่อย่างใด ทั้งนี้แบตเตอรีที่ติดตั้งอยู่บริเวณใต้พื้นรถ อยู่บริเวณกลางของตัวถัง ช่วยให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ช่วยกระจายน้ำหนักของรถไปยังล้อทั้ง 4 อย่างมีความสมดุล เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการควบคุมและการทรงตัวที่ดีของรถ และด้วยการที่ไม่มีเครื่องยนต์ ไม่มีระบบส่งกำลังแบบเดิม ทำให้สามารถออกแบบพื้นตัวถังได้แบนเรียบ ลดแรงต้านของลม ส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่ดีขึ้น

นอกจากนี้การที่เซลล์ของแบตเตอรีมีพื้นที่ผิวหน้าขนาดใหญ่ ช่วยให้การระบายความร้อนซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของแบตเตอรีทั่วไป ทำได้อย่างดีเยี่ยมสำหรับลีฟ ผลที่ตามมาก็คือ การใช้งานที่ยาวนานขึ้น และมีความเสถียรในการใช้งาน ขณะที่ มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นแบบ  AC 3 เฟส ให้กำลังสูงสุด 80 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ซึ่งสามารถสร้างแรงบิดสูงสุดตั้งแต่เริ่มออกตัว ช่วยให้รถมีความคล่องตัวสูงในการใช้งาน นอกจากนี้เทคโนโลยีระบบควบคุมมอเตอร์ที่เป็นเอกสิทธิ์ของนิสสัน ทำให้อัตราเร่งมีความต่อเนื่อง ช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างไหลลื่น และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน จากความโดดเด่นในการเร่งแซง หรือการเพิ่มความเร็วในย่านต่างๆ ทั้งนี้ประสิทธิภาพด้านอัตราเร่งของนิสสัน ลีฟ ในช่วงความเร็วต่ำไปจนถึงช่วงกลาง เทียบได้กับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดความจุ 3.0 ลิตร โดยลีฟทำความเร็วสูงสุดได้ 145 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง พร้อมสิ่งที่โดดเด่นกว่ารถใช้น้ำมันก็คือไม่มีมลพิษ ไม่มีแรงสั่นสะเทือนหรือเสียงที่ดังเหมือนเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วๆไป

นอกเหนือจากด้านเทคนิคแล้ว นิสสันยังให้ความสำคัญกับเรื่องของการออกแบบ ความสะดวกสบาย เพลิดเพลินในการใช้งาน การเดินทาง โดยห้องโดยสารของลีฟ เน้นการออกแบบเรียบง่ายแต่หรูหรา เน้นความสว่าง ความสะอาดสดใส และเผยให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของยานยนต์แบบ EV ให้สีที่ดูสดชื่น โดยใช้โทนสีเทา (Airy Grey) ด้วยการตกแต่งภายใน แผงประตูของรถเป็นการผสมผสานระหว่างวัสดุหนังสังเคราะห์และวัสดุหนังกลับที่มีความอ่อนนุ่ม ให้ความรู้สึกสะดวกสบายและนุ่มนวล แผงคอนโซลกลางแบบ flat-panel center cluster ดีไซน์อย่างมีระดับ อุปกรณ์ดิจิตอลที่เหนือชั้น รูปทรงของสวิตช์ซึ่งเป็นแบบเดียวกัน สร้างความรู้สึกของความเป็นหนึ่งเดียว ด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ ที่รวมตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกันเพื่อความสะดวกสบายสูงสุดของผู้ใช้งาน









ยานยนต์ที่เป็นตัวแทนของนวัตกรรมการเคลื่อนที่แห่งอนาคต

สำหรับ นิสสัน ลีฟ นอกจากจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคแล้ว จากจุดเด่นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด และไม่ปล่อยมลพิษใดๆ นิสสัน ลีฟ ยังมีบทบาททางสังคม ในการสร้างความตื่นตัวและสร้างการรับรู้ถึงคุณค่าประโยชน์ในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงมีส่วนร่วมในการประชุมระดับโลกเพื่อรับมือกับภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และได้เข้าร่วมกิจกรรมระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเกียรติให้เป็นรถยนต์สำหรับเชิญถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนลีกส์ ฤดูกาล 2014-2015 และ 2015-2016  รวมถึงในการประชุมสุดยอดผู้นำเศรษฐกิจโลก หรือ G7 Summit ที่ Ise-Shima ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา  ที่นิสสัน ลีฟ ที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของนิสสัน ได้รับเกียรติร่วมแสดงเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ของการเคลื่อนที่อัจฉริยะแห่งอนาคตของนิสสัน หรือ Nissan’s Intelligent Mobility อีกด้วย

นิสสันคงก้าวล้ำในการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยลีฟยังตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตในอนาคตด้วยแนวคิด ‘Leaf to Home’ ที่ลีฟสามารถเป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้า จ่ายไฟคืนกลับสู่บ้าน  และจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นไม่นานมานี้ นิสสัน ลีฟ ก็ได้ทำหน้าที่เป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าให้แสงสว่างในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่มีไฟฟ้าใช้ด้วย

สำหรับในประเทศไทย  นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานรัฐกิจสัมพันธ์  บริษัทนิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนให้มีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย บริษัทนิสสัน ซึ่งมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ยินดีที่มีส่วนร่วมและตอบสนองนโยบายของรัฐบาล โดยที่ผ่านมาได้มีสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนถึงบทบาทของรถพลังไฟฟ้า รวมถึงประโยชน์และคุณค่าที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ในอนาคต  และยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับยานยนต์รถไฟฟ้าในอนาคต โดยปัจจุบันนิสสันได้ร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในการศึกษาพัฒนาสถานีชาร์จไฟ รวมถึงได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ จัดแสดงและให้ความรู้ประชาชนเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า   

“นอกจากนิสสันจะเล่าเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า และจัดแสดงนิสสัน ลีฟ ในงาน ไทยแลนด์ อินดัสตรี เอ็กซ์โป 2016 แล้ว ยังจะได้จัดแสดงนิสสัน ลีฟ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในงานแสดงเทคโนโลยีชิ้นส่วนยานยนต์และอุตสาหกรรมอนาคต (Auto Parts Tech Day 2016) ระหว่างวันที่ 28 - 29 กรกฎาคม ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ. ปทุมธานี”

สำหรับผู้สนใจต้องการข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าไร้มลพิษของนิสสัน สามารถมาที่บูธนิสสัน ภายในงาน ไทยแลนด์ อินดัสตรี เอ็กซ์โป 2016 ระหว่างวันที่ 26-31 กรกฎาคม ณ อาคาร ชาเลนเจอร์ 2  ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อประสานความร่วมมือได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์  อีเมล์ pr@nissan.co.th


###

เกี่ยวกับนิสสัน

นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้มีความสุขกับการใช้รถของนิสสัน ขณะที่ในด้านสังคม นิสสันมุ่งการมีส่วนร่วมในการเพิ่มพูนความสุข และเพิ่มชีวิตชีวาให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์  นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่  สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง  มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 210  แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น  ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์  รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้