happy on July 17, 2016, 10:00:56 PM

ข้อมูลงานสร้าง

วันเข้าฉายในประเทศไทย: 4 สิงหาคม ปี 2016




สำหรับภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องที่ห้าที่พวกเขาร่วมมือกัน อิลลูมิเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์และยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ The Secret Life of Pets คอเมดีเกี่ยวกับพฤติกรรมของเหล่าสัตว์เลี้ยงของเราหลังจากที่เราออกบ้านไปทำงานหรือโรงเรียนในแต่ละวัน

ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการคอเมดี หลุยส์ ซี.เค. (ซีรีส์ Louie, Trumbo), อีริค สโตนสตรีท (ซีรีส์ Modern Family) และเควิน ฮาร์ท (แฟรนไชส์ Ride Along, Central Intelligence) ได้เปิดตัวผลงานภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องแรกในบท แม็กซ์, ดุ๊คและสโนว์บอลใน The Secret Life of Pets ซึ่งร่วมพากย์เสียงโดยเจนนี สเลท (Zootopia, ซีรีส์ Parks and Recreation) ในบทกิดเจ็ท, แอลลี เคมเปอร์ (Unbreakable Kimmy Schmidt, Bridesmaids) ในบทเคที, เลค เบล (ซีรีส์ Children’s Hospital, In a World) ในบทโคลอี้, ดานา คาร์วีย์ (แฟรนไชส์ Wayne’s World, ซีรีส์ First Impressions) ในบทป็อปส์, ฮันนิบาล บูเรส (แฟรนไชส์ Neighbors, ซีรีส์ Broad City) ในบทบัดดี้, บ็อบบี้ มอยนิฮัน (รายการ Saturday Night Live) ในบทเมล, สตีฟ คูแกน (Minions, Night At the Museum) ในบทโอโซนและอัลเบิร์ต บรู๊คส์ (Finding Dory, ซีรีส์ Weeds) ในบททิเบอเรียส

สำหรับอพาร์ทเมนต์ที่ผู้คนพลุกพล่านหลังหนึ่งในแมนฮัตตัน แต่ละวันเริ่มจะต้นขึ้นหลังจากที่มนุษย์สองขาออกไปทำงานหรือไปโรงเรียน ตอนนั้นเองที่สัตว์เลี้ยงสารพัดลายและขนจะเริ่มต้นกิจวัตรประจำวันของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการคลุกคลีอยู่ด้วยกัน การแลกเปลี่ยนเรื่องราวน่าอายเกี่ยวกับเจ้าของของพวกเขา, การฝึกทำหน้าตาน่ารักเพื่อขอขนม และการดูรายการ Animal Planet เหมือนเป็นรายการเรียลลิตี้

แม็กซ์ (ซี.เค.) สุนัขหัวโจกของอพาร์ทเมนต์หลังนี้ เป็นสุนัขเทอร์เรียร์สมองไวที่ถูกเก็บมาเลี้ยง เขาเชื่อว่าตัวเขาเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลของ เคที (เคมเปอร์) เจ้าของของเขา แต่แล้วเขาก็พบว่าชีวิตแสนสบายของเขาต้องพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเธอพาดุ๊ค (สโตนสตรีท) สุนัขซื่อบื้อที่ไร้ทักษะในการสื่อสา กลับบ้านมาด้วย เมื่อสองคู่หูสุนัขจำเป็นพบว่าตัวเองหลงอยู่ในท้องถนนที่โหดร้ายในนิวยอร์ก พวกเขาก็ต้องปล่อยวางจากความขัดแย้งระหว่างกันเพื่อร่วมมือกันต่อกรกับกระต่ายขนปุกปุยจอมเจ้าเล่ห์ สโนว์บอล (ฮาร์ท) ผู้กำลังสร้างกองกำลังสัตว์เลี้ยงที่ถูกเจ้าของทิ้ง และต้องการจะแก้แค้นเหล่ามนุษย์...โดยทั้งหมดนี้จะต้องเสร็จเรียบร้อยก่อนที่เคทีจะกลับบ้านในตอนอาหารค่ำ

คริส เมเลแดนดรี้ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของอิลลูมิเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ และเพื่อนร่วมงานที่ยาวนานของเขา เจเน็ต ฮีลลี ผู้ร่วมกันอำนวยการสร้างแฟรนไชส์ ภาพยนตร์ยอดนิยม Despicable Me รวมถึงภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง Minions และ Dr. Seuss’ The Lorax ได้อำนวยการสร้างคอเมดีเรื่องนี้ ที่กำกับโดยคริส เรน็อด ร่วมกำกับโดยแยร์โรว์ เชนนีย์และเขียนบทโดยซินโก้ พอลและเคน ดูริโอ ร่วมด้วยไบรอัน ลินช์

ทีมงานเบื้องหลังของ The Secret Life of Pets ทุกคนต่างก็ได้ร่วมงานกันในภาพยนตร์ฮิตเมื่อเร็วๆ นี้ของอิลลูมิเนชัน ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นศูนย์รวมของทีมงานระดับแนวหน้า ทีมงานชุดนี้นำทีมโดยผู้ออกแบบงานสร้างอีริค กิลลอน, ผู้กำกับศิลป์ โคลิน สติมป์สัน, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายเลย์เอาท์ เรจิส ชูลเลอร์, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายคอมโพสิท เซลิน อัลเลอกรี, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายแสง เธียร์รี โนเบลท, หัวหน้าฝ่ายอนิเมชันตัวละคร จูเลียน ซอเร็ทและโจนาธาน เดล วัล, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่าย CG บรูโน โชฟาร์ด, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายเอฟเฟ็กต์ ไซมอน เพทและไมโล ริคาแรนด์และมือลำดับภาพหลัก เคน เชิร์ทซ์แมนน์ พวกเขาได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ ผู้ประพันธ์เพลงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด อเล็กซานเดร เดสแพลท เข้าร่วมกลุ่มด้วย


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=Siz_Hlqrw6Y" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=Siz_Hlqrw6Y</a>






เกี่ยวกับงานสร้าง

เรื่องราว

ณ ใจกลางนครแมนฮัตตัน แม็กซ์ สุนัขเทอร์เรียร์ผู้ได้รับการพะเน้าพะนอเอาใจเป็นอย่างดี มีความสัมพันธ์แสนสุขกับเคที เจ้าของผู้เก็บเขามาเลี้ยง จนกระทั่ง เคที สาวน้อยใจดี ได้รับ ดุ๊ค สุนัขพันธุ์ทางตัวใหญ่ขนปุกปุย มาเลี้ยงอีกตัว แม็กซ์ถึงกับอึ้งเมื่อเคทีบอกเขาว่า ดุ๊คเป็นน้องชายตัวใหม่ของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อดุ๊คถือโอกาสครอบครองของเล่นและเตียงของแม็กซ์ และทึกทักเอาเองว่าเขาและพี่ชายตัวใหม่ของเขาจะใช้ชีวิตที่แสนสุขสบายนี้ด้วยกัน

   ขณะที่แม็กซ์ ผู้ขาดความเชื่อมั่น พยายามจะยึดอาณาเขตของตัวเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ดุ๊ค ผู้จริงๆ แล้วเป็นสุนัขน่ารักที่เจอกับช่วงเวลาเลวร้าย กลับไม่เข้าใจท่าทีแข็งกร้วาของแม็กซ์และรู้สึกกังวลว่าแม็กซ์พยายามจะกำจัดเขา สิ่งหนึ่งที่ดุ๊ครู้คือเขาไม่สามารถกลับไปยังสถานสงเคราะห์สัตว์ที่เขาแทบเอาชีวิตไม่รอดได้อีกแล้ว

   ความขัดแย้งระหว่างทั้งคู่รุนแรงไปสู่ท้องถน และท้ายที่สุด มันก็ทำให้ทั้งคู่ถูกขังอยู่ในรถตู้ควบคุมสัตว์เพื่อมุ่งตรงไปยังสถานสงเคราะห์สัตว์ แต่เมื่อกระต่ายน่ารัก สติแตกที่ชื่อสโนว์บอล ผู้นำของแก๊งอดีตสัตว์เลี้ยงผู้ถูกเจ้าของทอดทิ้ง ผู้เรียกตัวเองว่า สัตว์เลี้ยงถูกทิ้ง ได้บุกเข้ามาในรถตู้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมแก๊งตัวหนึ่งของพวกเขา แม็กซ์และดุ๊คก็มองเห็นโอกาสและได้เจรจาต่อรองเพื่อให้ได้รับอิสรภาพ

   เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน สโนว์บอลเรียกร้องให้พวกเขาเข้าร่วมกองทัพสัตว์เลี้ยงถูกทิ้งและใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาในรังลับในท่อระบายน้ำ เพื่อวางแผนการแก้แค้นเหล่ามนุษย์ที่ทอดทิ้งพวกเขา

   เมื่อสโนว์บอลรู้ว่าแม็กซ์และดุ๊คมีเจ้าของที่พวกเขารักและใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เขาก็ปล่อยลูกสมุนของเขาให้ไล่ล่าพวกเขาไปทั่วทั้งนิวยอร์ก ซิตี้ เมื่อถูกบีบให้ต้องดึงเอาสัญชาตญาณดิบออกมาใช้เพื่อความอยู่รอด สองพี่น้องที่เคยไม่ลงรอยกันก็ต้องบุกตะลุยป่าคอนกรีต เพื่อกลับไปถึงบ้านอย่างปลอดภัย...ก่อนที่เคทีจะกลับบ้าน


ไอเดีย

คริส เมเลแดนดรี้ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของอิลลูมิเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ ได้สร้างบริษัทแห่งนี้ให้กลายเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์อนิเมชันชั้นนำของวงการบันเทิง เขาได้เล่าถึงที่มาของภาพยนตร์เรื่อง The Secret Life of Pets ว่า “แรงบันดาลใจเบื้องหลังหนังเรื่องนี้คือสัตว์เลี้ยงทุกตัวที่ผมกับครอบครัวเลี้ยงตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กเล็กๆ เราโตมากับแมว หมาและนก และสิ่งที่ผมตระหนักได้ตอนที่ผมโตเป็นพ่อคนแล้วคือเราทุกคนต่างก็มีความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงเหล่านี้  เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากลับบ้าน เราก็จะนึกถึงความสุขบนใบหน้าของพวกมันตอนเห็นเราและนึกถึงมันตอนที่ทำอะไรซุกซนนิดๆ เราตระหนักว่าเรากำลังถามว่าพวกมันทำอะไรบ้างตอนเราไม่อยู่น่ะครับ”

   “มันทำให้ผมแปลกใจที่ผมไม่ได้สงสัยเกี่ยวกับชีวิตสัตว์เลี้ยงของเราอยู่คนเดียวน่ะครับ” เขากล่าวต่อ “ทันทีที่ผมเริ่มมองสัตว์เลี้ยงของผมแบบนั้น ผมก็ตระหนักว่าทุกคนต่างก็มองสัตว์เลี้ยงของตัวเองในมุมมองนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นชีวิตจริงๆ หรือภาพในความคิด...มันไม่สำคัญหรอกครับ เราต่างก็สนใจในชีวิตส่วนตัวของพวกมันและสงสัยใคร่รู้ว่าพวกมันทำอะไรและคิดอะไรตอนที่พวกเราไม่อยู่”

   นอกเหนือจากเมเลแดนดรี้ ผู้ทำงานจากสำนักงานใหญ่ของอิลลูมิเนชันในซานตา มอนิกา รัฐแคลิฟอร์เนียแล้ว เจเน็ต ฮีลลี ผู้ที่เขาอำนวยการสร้างภาพยนตร์ทุกเรื่องของอิลลูมิเนชันด้วย ก็ได้ดูแลสายงานสร้างของบริษัท อิลลูมิเนชัน แม็ค กัฟฟ์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมเลแดนดรี้ตั้งใจเอาไว้ว่า จะไม่มีการคิดคอนเซ็ปต์ของภาพยนตร์เรื่องไหนๆ หากภาพยนตร์เรื่องนั้นไม่ได้ฮีลลีมาเกี่ยวข้องด้วย พลางกล่าวชื่นชมว่า “เจเน็ตเป็นคู่หูการอำนวยการสร้างที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจินตนาการได้ และในตอนนี้ เราก็ได้อำนวยการสร้างหนังหลายเรื่องด้วยกัน เธอนำระดับความเป็นผู้นำ ความคิดสร้างสรรค์และพลังงานมาสู่ทุกแง่มุมของหนังทุกเรื่องครับ”

   “ในตอนที่คุณทำงานกับหนังหลายเรื่องพร้อมๆ กัน มันก็จะต้องมีความสัมพันธ์แบบสนิทสนมกันครับ” เมเลแดนดรี้กล่าวต่อ “ผมเชื่อจริงๆ ว่าเธอจะต้องเป็นผู้อำนวยการสร้างที่ดีที่สุดในวงการอนิเมชันปัจจุบัน สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือเราไม่เพียงแต่มีความสุขในการทำงานหนังพวกนี้ด้วยกันในฐานะคู่หูอำนวยการสร้าง แต่เรายังได้มีความสุขกับประสบการณ์เหล่านี้ในฐานะเพื่อนด้วยครับ”

   ฮีลลีพูดถึงเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “เราต่างก็นึกจินตนาการถึงนิสัยต่างๆ ให้กับสัตว์เลี้ยงของเรา สิ่งต่างๆ ที่เราอยากให้พวกมันเป็น แม้กระทั่งในตอนที่ไม่มีคุณสมบัติเหล่านั้น เราก็ยังคงรู้สึกว่าพวกมันมีชีวิตลับๆ ที่เราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพวกมันด้วย ใตอนที่คริสเล่าให้เราฟังถึงไอเดียนี้ เราก็คิดว่ามันน่าทึ่ง เขาเป็นผู้นำที่ดีเพราะเขาเป็นคนตัดสินใจเฉียบขาดและเข้าใจอนิเมชันและตัวละครมากกว่าใครๆ ค่ะ”

   ในการร่วมงานกับทีมเขียนบทที่ประกอบไปด้วยซินโก้ พอล และเคน ดูริโอ ผู้ที่พวกเขาได้ร่วมงานด้วยมาก่อนในแฟรนไชส์ Despicable Me และ Dr. Seuss’ The Lorax ในตอนแรก เมเลแดนดรี้และฮีลลีก็ได้ขอให้พวกเขาพัฒนาไอเดียนี้ให้กลายเป็นบทภาพยนตร์ ตอนนั้น พวกเขาต้องเริ่มต้นงาน Despicable Me 3 และมือเขียนบท ไบรอัน ลินช์ ผู้เป็นที่รู้จักจากผลงานของเขากับอิลลูมิเนชันเรื่อง Minions, Hop และเครื่องเล่นสวนสนุก Minion Mayhem ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ก็ก้าวเข้ามาทำหน้าที่แทน

   เมเลแดนดรี้เล่าถึงที่มาของตัวละครต่างๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ว่ามาจากเพื่อนร่วมงาน ผู้ซึ่งสัตว์เลี้ยงเป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกเขา “ซินโก้และเคนรับหน้าที่ในโปรเจ็กต์นี้ในตอนแรก และไบรอันก็ทำงานกับเราในช่วงปีสุดท้ายครับ” เขาตั้งข้อสังเกต “รายละเอียดส่วนใหญ่ในชีวิตของเขาได้ถูกใส่ลงไปในหนังเรื่องนี้ด้วย ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ดูทุกคนนำประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นสมัยวัยเด็กหรือจากสัตว์เลี้ยงที่พวกเขาเลี้ยงอยู่ตอนนี้ เข้าไปในหนังเรื่องนี้ครับ”

   ดูริโออธิบายจุดเริ่มต้นของทุกอย่างว่า “สิ่งแรกที่คริสนำเสนอกับเราคือภาพของหมาที่มองเจ้าของออกจากบ้าน ทันทีที่เจ้าของไป หมาก็ทิ้งอาหารของมันในถังขยะแล้วเปิดตู้เย็นหาอะไรที่ดีกว่านั้นกิน มันเป็นภาพแรกที่ฝังอยู่ในความคิดเรา และมันก็ติดอยู่ในใจเราตลอดกระบวนการทั้งหมดครับ”

   พอลพูดถึงสิ่งที่เป็นแรงขับดันกระบวนการที่เขาทำงานร่วมกับดูริโอว่า “กุญแจสำคัญสำหรับการสร้างหนังอิลลูมิเนชันคือเสียงหัวเราะและเรื่องอบอุ่นหัวใจเยอะๆ ครับ เราอยากให้คนหัวเราะมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่เราก็ยังอยากทำให้พวกเขาร้องไห้นิดๆ ในตอนจบด้วย”

   ระหว่างที่พวกเขาครุ่นคิดเรื่องฉาก ทั้งคู่ก็รู้สึกถูกใจอาคารอพาร์ทเมนต์ในนิวยอร์ก “ในตอนแรก เราตัดสินใจว่าเราอยากให้เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในอาคารอพาร์ทเมนต์ครับ” พอลเล่า “มันทำให้เราได้เจอกับสัตว์เลี้ยงมากมาย และไอเดียที่ว่าเมื่อเจ้าของไม่อยู่ พวกมันก็จะปาร์ตี้กัน พวกมันจะจับกลุ่มนินทากันและดื่มน้ำจากโถส้วม เป็นสิ่งต่างๆ ที่พวกมันจะไม่ทำถ้าเจ้าของมองอยู่น่ะครับ”

   นี่เป็นการร่วมงานกันครั้งที่สามระหว่างลินช์กับเมเลแดนดรี้ และเขาก็ชื่นชมแนวทางของเมเลแดนดรี้ที่ให้ตัวละครเป็นศูนย์กลาง “คริสพูดเสมอว่า ‘เราจะคิดเรื่องราวและฉากทีหลัง มาคิดกันก่อนดีกว่าว่าตัวละครหลักของเราเป็นใคร เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเธอก่อนหน้านั้น และเราอยากให้ผู้ชมรู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาและรู้สึกยังไงกับพวกเขาบ้าง เราจะต่อยอดจากตรงนั้น’ น่ะครับ” ลินช์กล่าว “การทำงานแบบนั้นเป็นประโยชน์เสมอครับ”

   ลินช์ชื่นชอบการเผยชีวิตลับๆ ของสัตว์เลี้ยงพวกนี้พลางกล่าวว่า “หนังเรื่องนี้เป็นการยกย่องว่าเราทุกคนรักสัตว์เลี้ยงของเราแค่ไหน ไม่ว่าพวกมันจะทำอะไรในหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าพวกมันจะไปพบเจอเพื่อนใหม่หรือไปท้ามฤตยูยังไง พวกมันก็ยังต้องกลับบ้านมาเห็นเจ้าของของพวกมันกลับบ้าน แม้ว่าพวกมันจะไปผจญภัยสุดเหวี่ยงในตอนกลางวัน ไฮไลท์ของทุกวันก็ยังจะเป็นตอนที่เจ้าของของพวกมันกลับบ้านอยู่ดีครับ”

   ช่วงเวลาที่เจ้าของของแม็กซ์พาดุ๊คกลับบ้านจากสถานสงเคราะห์เกิดจากแรงบันดาลใจพิเศษ เมเลแดนดรี้กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ผมจินตนาการว่าแม็กซ์คงจะรู้สึกเหมือนลูกชายวัยเก้าขวบของผมนิดๆ ตอนที่ผมกับภรรยากลับจากโรงพยาบาลพร้อมกับลูกคนใหม่ ‘หนูน้อยคนนี้มาจากไหน ใครขอให้เขามาอยู่นี่ ชีวิตฉันก่อนหน้าเขามาก็โอเคอยู่แล้ว ไม่นะ ฉันไม่อยากจะแบ่งทุกอย่างที่เพอร์เฟ็กต์ที่ฉันมีอยู่แล้วน่ะ’ น่ะครับ”

happy on July 17, 2016, 10:01:24 PM
ตัวละคร

-แม็กซ์ (หลุยส์ ซี.เค.): สุนัขเทอร์เรียร์พันธุ์ผสมผู้ถูกเลี้ยงดูอย่างดี แม็กซ์จะต้องหาความกล้าหาญของตัวเองให้เจอก่อนที่เขาจะหาทางกลับบ้านได้
-ดุ๊ค (อีริค สโตนสตรีท): สุนัขร่างใหญ่ ขนปุย ผู้ที่เคทีเก็บมาเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์ เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของแม็กซ์และเคทีไม่ว่าแม็กซ์จะปลื้มหรือไม่ก็ตาม
-สโนว์บอล (เควิน ฮาร์ท): กระต่ายน่ารักโรคจิต ผู้สร้างกองทัพ “สัตว์เลี้ยงที่ถูกทิ้ง” ผู้ถูกเจ้าของทิ้ง สโนว์บอลน่ารักอย่างบ้าคลั่ง...และก็บ้าคลั่งด้วย
-เคที (แอลลี เคมเปอร์): เจ้าของของแม็กซ์ ผู้ตั้งเป้าจะช่วยเหลือสุนัขทุกตัว
-โอโซน (สตีฟ คูแกน): แมวข้างถนนจอมเฮี้ยว เขาน่าเกลียดทั้งภายในและภายนอก
-ทิเบอเรียส (อัลเบิร์ต บรู๊คส์): เหยี่ยวหางแดงผู้โดดเดี่ยว เขามีไหวพริบคมกริบและมีกรงเล็บที่คมยิ่งกว่า
-ป็อปส์ (ดานา คาร์วีย์): สุนัขบาสเซ็ท ฮาวน์ชรา ที่รู้จักทั้งเมืองดีเหมือนหลังอุ้งเท้าเหี่ยวย่นของเขา
-เมล (บ็อบบี้ มอยนิฮัน): สุนัขพันธุ์ปั๊กโลกสวยที่ตื่นเต้นง่าย ภายในเขาเป็นเสือผู้หญิงตัวยง แต่ภายนอก เขาก็ยังเป็นปั๊กตาห้อยอยู่นั่นล่ะ
-บัดดี้ (ฮันนิบาล บูเรส): สุนัขพันธุ์ดัชชุนช่างประชด ผู้เป็นตัวแรกที่มาถึงและเป็นตัวสุดท้ายที่ไป
-โคลอี้ (เลค เบล): แมวตัวอ้วนผู้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเว้นแต่อาหาร
-กิดเจ็ท (เจนนี สเลท): สุนัขพันธุ์ปอมผู้ไร้เดียงสา แต่ก็แสบสันต์ ผู้ที่มีความน่ารักน่าหยิก 50% และมีความแข็งแกร่งเกินร้อย เธอเป็นคนที่แอบปลื้มแม็กซ์อยู่
-นอร์แมน (คริส เรน็อด): หนูตะเภาไร้เดียงสาที่มีสมองขนาดเท่าเม็ดถั่วและเลือกใช้สมองเพียงแค่ครึ่งเดียว
-สวีทพี: นกหงส์หยกผู้ไม่กลัวอะไรด้วยสองปีกและความบ้าบิ่น
-เลียวนาร์ด: สุนัขพุดเดิ้ลสุดพังค์ตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงในเพนท์เฮาส์ที่ชื่นชอบฮาร์ดร็อค
-แทททู (ไมเคิล บีตตี้): หมูแคระที่เคยถูกใช้เป็นหนูทดลองฝึกมือในร้านรับสัก...จนกระทั่งพวกเขาหมดที่ที่จะสักบนตัวเขา
-ริปเปอร์: ไม่เห่าแต่กัด
-คร็อคโคไดล์: สมุนมีเกล็ดของสโนว์บอล
-ดราก้อน (ไบรอัน ที. เดอลานีย์): เลือดเย็น...จริงๆ


“โคลอี้”

Q. เห็นได้ชัดว่าคุณหิวอยู่ตลอดเวลา อาหารโปรดของคุณคืออะไร
A. เดี๋ยวนะ หมายความว่ายังไงที่คุณบอกว่า “เห็นได้ชัด” ที่คุณเห็นอยู่นี่เป็นขนทั้งนั้น ทุกคนรู้กันหมดแหละว่าขนหนักกว่าไขมัน
Q. คุณเคยทำอะไรซุกซนที่มนุษย์ที่เลี้ยงคุณไว้ไม่เคยรู้มั้ย
A. แน่นอน ฉันเป็นแมวนะคะ
Q. เราได้ยินมาว่าแมวมีเก้าชีวิต คุณเหลือกี่ชีวิตแล้วล่ะ
A. แมวไม่มีทางเผยความลับหรอก แล้วฉันก็นับไม่ได้ด้วย
Q. วันที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณแล้วเป็นยังไง
A. ตอนเช้า ฉันก็จะกินทุกอย่างในตู้เย็นให้หมด แล้วระหว่างวัน ของกินก็จะกลับมาเต็มตู้เหมือนเดิม และฉันก็จะกินทุกอย่างที่ขวางหน้าให้หมด จากนั้น ฉันก็จะนอนหลับไปอย่างมีความสุข และพอตื่นขึ้นมา ฉันก็จะพบว่าตู้เย็นกลับมาเต็มเหมือนเดิม มันเป็นวงจรน่ะค่ะ
Q. คุณชอบนอนที่ไหนและทำไม
A. ฉันเคยชอบนอนบนเตียงสำหรับแมว แต่มันเล็กเกินไปแล้ว เพราะมันหดตัวน่ะค่ะ
Q. เวลาเจ้าของไม่อยู่ คุณชอบทำอะไร
A. หมาในตึกฉันชอบแวะมาและทำเรื่องโง่ๆ ฉันชอบดูพวกเขาทำเรื่องโง่ๆ ค่ะ มันสนุกดีที่ได้ตัดสินพวกเขา เผื่อว่าคุณยังไม่รู้ ฉันตัดสินเก่งมากๆ เลยนะ
Q. คุณเคยอยากเป็นหมามั้ย
A. การสัมภาษณ์นี้จบแล้วค่ะ


“แม็กซ์”

Q. คุณกับเคทีพบกันได้ยังไง
A. มันก็เป็นเรื่องที่ว่าเธอต้องการรูมเมท ผมก็ต้องการรูมเมท เราก็เลยย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกัน แบบว่าทันทีเลยน่ะครับ! แล้วเราก็เป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่นั้นมา
Q. คุณกับเคทีชอบทำอะไรด้วยกันเพื่อความสนุกสนาน
A. ผมถนัดเรื่องการลากเคทีออกมาข้างนอกครับ ผมพาเธอออกมาเดินเล่น เตือนให้เธอทำโน่นทำนี่ ทำให้แน่ใจว่าเธอจะออกกำลังกายและช่วยให้เธอได้พบกับคนอื่นๆ ที่สวนสาธารณะสำหรับสุนัขครับ
Q. วันที่สมบูรณ์แบบของคุณเป็นยังไง
A. เอ๋ วันที่สมบูรณ์แบบของผมน่ะเหรอครับ ก่อนอื่น ผมกับเคทีก็จะตื่นนอน แล้วเธอก็จะเกาพุงให้ผมซักชั่วโมง จากนั้น เราก็จะกินอาหารเช้า แล้วออกไปเดินเล่นซักพักใหญ่ๆ พอเรากลับถึงบ้าน เราก็จะเจอว่ารถบรรทุกอาหารสุนัขมาจอดเสียอยู่หน้าอพาร์ทเมนต์ของเรา ทำให้คนขับต้องแจกอาหารพวกนั้นฟรีๆ! เราก็เลยได้อาหารฟรีมาเพียบ! จากนั้น ผมกับเคทีก็จะกินอาหารเย็นด้วยกัน แล้วก็นอนเคล้าเคลียกันจนกระทั่งเราหลับไป และเราก็จะตื่นมาเจอวันที่สมบูรณ์แบบอีกวันครับ!
Q. คุณรู้สึกยังไงตอนที่เคทีพาดุ๊คกลับมาบ้านครั้งแรก คุณคิดยังไงกับเขา
A. บอกตามตรงนะครับ ผมไม่ปลื้มเลย ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาด้วยหมาตัวใหญ่ที่สุด เหม็นที่สุดและป่วนที่สุดในโลก และผมก็คิดถูกจริงๆ
Q. คุณคิดยังไงกับสโนว์บอลในตอนที่คุณพบเขาครั้งแรก
A. ผมคิดกับตัวเองว่า “ว้าว กระต่ายน้อยน่ารัก ดูไม่มีพิษภัยเลย คงสนุกดีถ้าได้คุยกับเขา” เห็นได้ชัดว่าผมไม่เคยคิดอะไรผิดแบบนี้มาก่อนในชีวิต
Q. คุณชอบทำอะไรตอนที่เคทีไม่อยู่
A. ผมชอบใช้เวลาอยู่กับเพื่อนๆ เพื่อสนุกกับพวกเขา แต่ผมก็มีหน้าที่สำคัญในการรอที่ประตูให้เคทีกลับบ้าน มันเป็นงานเต็มเวลาและผมก็ซีเรียสกับมันมากๆ ด้วย
Q. คำถามสุดท้าย ใครเป็นเด็กดี
A. ผมครับ!


“ดุ๊ค”

Q. คุณชอบเคทีตรงไหน
A. เคทีไม่สนว่าผมจะตัวใหญ่และซุ่มซ่ามแค่ไหน สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าคุณใจกว้างแค่ไหน และใจผมก็กว้างมากเป็นแม่น้ำเลย
Q. คุณรู้สึกยังไงตอนที่คุณไปที่อพาร์ทเมนต์ของเคทีแล้วเจอว่าแม็กซ์อยู่ที่นั่น
A. ผมแปลกใจครับ ผมไม่เคยมีพี่น้องมาก่อน และแม็กซ์ก็เหมือนกัน คงพูดได้ว่าตอนแรก เราไม่ลงรอยกัน อาจจะเป็นเพราะผมชอบกินอาหารของแม็กซ์จากชามของเขาระหว่างจ้องเขาอย่างคุกคามก็ได้มั้งครับ
Q. คุณรู้สึกยังไงตอนที่เคทีตัดสินใจพาคุณกลับบ้านกับเธอ
A. มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผมเลยครับ! สิ่งเดียวที่ใกล้เคียงกับช่วงเวลานี้คือวันที่ผมกับแม็กซ์หลงทางในโรงงานไส้กรอกในบรู๊คลิน มันเยี่ยมเหมือนกันครับ
Q. วันที่สมบูรณ์แบบของคุณเป็นยังไง
A. ผมยังคงนึกถึงโรงงานไส้กรอกนั่น ผมก็เลยคิดว่าวันนั้นน่าจะเริ่มต้นด้วยการทัวร์โรงงานไส้กรอกแบบส่วนตัวกับเคทีและแม็กซ์ แล้วเราก็จะใช้เวลาช่วงบ่ายที่สวนสาธารณะสำหรับหมา บางที เราอาจจะหิวอีกรอบ เราก็เลยกินดินเนอร์โปรดของผมชามโตๆ อาหารที่ทำจากเนื้อวัวและชีสน่าจะดี แต่ผมก็ไม่เลือกมากหรอกครับ
Q. คุณชอบทำอะไรตอนที่เคทีไม่อยู่
A. ผมชอบคุ้ยถังขยะในอพาร์ทเมนต์และดึงสิ่งที่น่าสนใจออกมา แล้วผมก็จะทิ้งมันไว้เรี่ยราดบนพื้น เพื่อที่เวลาเคทีกลับบ้าน เธอจะได้เห็นของเจ๋งๆ ทุกอย่างที่ผมเจอ! ผมคิดว่าเธอน่าจะชอบนะ เธอเคยพูดกับผมด้วยซ้ำไปว่า “ดุ๊ค เธอเก่งเรื่องคุ้ยขยะจริงๆ ใช่มั้ย” เธอพูดถูก ผมเก่งจริงๆ น่ะแหละ
Q. ที่ไหนเป็นที่ซ่อนกระดูกที่ดีที่สุด
A. ผมอยากจะบอกคุณหรอกนะ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทุกคนที่อ่านบทสัมภาษณ์นี้ก็จะรู้หมดสิ ผมทำไม่ได้หรอก


“กิดเจ็ท”

Q. คุณรู้ตัวตอนไหนว่าคุณชอบแม็กซ์มากกว่าความเป็นเพื่อน
A. ฉันน่ะนะ ชอบแม็กซ์ “มากกว่าความเป็นเพื่อน” อ๋อ คุณหมายถึงชอบแบบเพื่อนรักน่ะเหรอคะ เพระฉันไม่ได้รักเขาหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะคะ มันคงบ้าแน่ๆ! ไม่ค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนและเพื่อนบ้านกัน ฉันหมายถึง เราเป็นเนื้อคู่กันรึเปล่าน่ะหรือ ใครจะบอกได้ล่ะคะ ฉันคงแสร้งทำเป็นรู้เรื่องของโชคชะตาไม่ได้หรอกค่ะ แต่แน่นอนค่ะฉันกับแม็กซ์เป็นเพื่อนกัน ว่าแต่คุณถามว่าอะไรนะคะ
Q. ทำไมคุณถึงกล้าที่จะทิ้งบ้านเพื่อไปตามหาแม็กซ์
A. การรักใครซักคน คือฉันหมายถึงการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของใครซักคน เป็นสิ่งที่กล้าหาญที่สุดที่คุณสามารถทำได้ ฉันก็แค่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีเท่านั้นล่ะค่ะ มันเป็นเรื่องปกติที่คนเป็นเพื่อนบ้านเค้าทำกัน มันไม่ได้มีความหมายอื่นมากกว่านั้นหรอกค่ะ
Q. คุณดูพวกละครมานานแค่ไหนแล้ว แล้วคุณเริ่มดูมันได้ยังไง
A. ฉันชอบดูละครมานานเท่าที่ฉันจำความได้ค่ะ ทุกอย่างทั้งดรามาและเข้มข้นมากๆ เลย แล้วทรงผมทุกคนก็สวยมากเลย
Q. วันที่สมบูรณ์แบบของคุณเป็นยังไง
A. วันที่สมบูรณ์แบบของฉันก็จะเริ่มต้นจากอาหารเช้ารสเลิศ แล้วถ้าแม็กซ์ เพื่อนบ้านของฉัน บังเอิญอยู่ตรงนั้นด้วย ก็ไม่เป็นไร แล้วฉันก็อาจจะดูละครเรื่องโปรดของฉันซักสองสามชั่วโมง แล้วด้วยความที่แม็กซ์ก็อยู่ร่วมกินอาหารเช้ากับฉันด้วยแล้ว เขาจะอยู่ดูทีวีกับฉันด้วยก็ได้ ถ้าเขาอยากดู ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ เพราะเขาก็อยู่ตรงนั้นอยู่แล้วนี่ บางครั้ง การอยู่ที่ไหนซักที่ก็ง่ายกว่าการไปจากที่นั่น แล้วบางที ฉันก็อาจจะอยากออกไปเดินเล่นตอนตะวันตกดินเพราะแสงในเวลานั้นช่างโรแมนติกจริงๆ แล้วถ้าแม็กซ์บังเอิญอยู่ตรงนั้น ก็ได้เหมือนกัน เขาชอบเดินเล่นเหมือนกัน และบางครั้ง คนเราก็ชอบอะไรเหมือนๆ กัน ซึ่งมันก็โอเคค่ะ มันไม่จำเป็นต้องมีความหมายอะไร ซึ่งมันอาจจะมีก็ได้ แต่ก็ไม่จำเป็น แต่ฉันเดาว่าทางทฤษฎีแล้ว มันอาจหมายถึงอะไรบางอย่างก็ได้ คุณคิดว่ามันหมายถึงอะไรบางอย่างมั้ยคะ
Q. ขนคุณสวยมากเลย คุณมีเคล็ดลับอะไรมั้ย
A. สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อขนของคุณคือการหาเจ้าของที่ชื่นชอบการใช้เวลาจัดแต่งขนให้คุณ สิ่งที่ดีที่สุดรองลงมาคือการมีขนสลวยสวยเก๋อยู่แล้ว ซึ่งโชคดีที่ขนฉันสวยอยู่แล้วค่ะ
Q. อะไรเป็นสิ่งที่คุณชอบทำที่สุดในตอนที่เจ้าของคุณไม่อยู่
A. ฉันก็จะยุ่งอยู่กับการดูแม็กซ์จากหน้าต่างระหว่างที่เขายุ่งอยู่กับการเฝ้ารอที่ประตูให้เจ้าของเขากลับมา มันไม่ง่ายหรอกนะคะ แต่ต้องมีหมาซักตัวคอยเฝ้าแม็กซ์เฝ้าประตู และฉันก็เป็นหมาตัวนั้นค่ะ


“สโนว์บอล”

Q. อะไรคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการเป็นสัตว์เลี้ยงที่ถูกทิ้ง
A. เราเป็นอิสระจากครอบงำของพวกมนุษย์บ้าอำนาจ! เราได้รับการปลดโซ่ตรวนจากพันธนาการของสังคม! เราเป็นอิสระจากมนุษย์! เป็นอิสระจากของฟูฟ่องทั้งหลาย! เจ้านายเก่าผมเคยบังคับให้ผมสวมชุดสเว็ตเตอร์ด้วยซ้ำไปครับ! เซ็ทสเว็ตเตอร์นะครับ! คุณลองจินตนาการดูสิครับ
Q. อะไรคือความท้าทายของการเป็นผู้นำกลุ่มใหญ่ขนาดนี้
A. ผมเป็นตัวที่ฉลาดที่สุดของกลุ่ม ผมก็เลยต้องคอยเตือนตัวเองเสมอว่า ไม่มีใครนอกจากผมที่จะมีไอเดียดีๆ น่ะครับ 
Q. คุณเคยอยากจะมีเจ้าของบ้างมั้ย
A. คุณหมายถึง ผมอยากจะมีหลังคาคุ้มหัว มีแหล่งอาหารและสิ่งหล่อเลี้ยงอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอและความรักแบบไร้เงื่อนไขรึเปล่าน่ะหรอ ไม่เลย!
Q. คุณดูน่ารักน่าชังเหลือเกินทั้งๆ ที่เป็นตัวป่วน คุณเคยใช้ประโยชน์จากรูปร่างหน้าตาของคุณรึเปล่า
A. ผมไม่ได้เกิดมาตัวโตหรือดูน่ากลัว แต่ผมเกิดมาด้วยใบหน้าร่ารัก ดวงตากลมโตแบบกระต่ายและขนนุ่มฟูฟ่อง คุณก็เลยต้องใช้สิ่งที่คุณมีติดตัวอยู่ ซึ่งผมก็มีเยอะเลยครับ
Q. วันที่สมบูรณ์แบบของคุณเป็นยังไง
A. วันนั้นก็จะเริ่มต้นด้วยพฤติกรรมร้ายกาจใหม่ๆ ก่อนที่ผมจะนอนยาวอย่างที่ผมคู่ควร