ข้อมูลงานสร้าง
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 4 สิงหาคม ปี 2016
สำหรับภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องที่ห้าที่พวกเขาร่วมมือกัน อิลลูมิเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์และยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ The Secret Life of Pets คอเมดีเกี่ยวกับพฤติกรรมของเหล่าสัตว์เลี้ยงของเราหลังจากที่เราออกบ้านไปทำงานหรือโรงเรียนในแต่ละวัน
ซูเปอร์สตาร์แห่งวงการคอเมดี หลุยส์ ซี.เค. (ซีรีส์ Louie, Trumbo), อีริค สโตนสตรีท (ซีรีส์ Modern Family) และเควิน ฮาร์ท (แฟรนไชส์ Ride Along, Central Intelligence) ได้เปิดตัวผลงานภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องแรกในบท แม็กซ์, ดุ๊คและสโนว์บอลใน The Secret Life of Pets ซึ่งร่วมพากย์เสียงโดยเจนนี สเลท (Zootopia, ซีรีส์ Parks and Recreation) ในบทกิดเจ็ท, แอลลี เคมเปอร์ (Unbreakable Kimmy Schmidt, Bridesmaids) ในบทเคที, เลค เบล (ซีรีส์ Children’s Hospital, In a World) ในบทโคลอี้, ดานา คาร์วีย์ (แฟรนไชส์ Wayne’s World, ซีรีส์ First Impressions) ในบทป็อปส์, ฮันนิบาล บูเรส (แฟรนไชส์ Neighbors, ซีรีส์ Broad City) ในบทบัดดี้, บ็อบบี้ มอยนิฮัน (รายการ Saturday Night Live) ในบทเมล, สตีฟ คูแกน (Minions, Night At the Museum) ในบทโอโซนและอัลเบิร์ต บรู๊คส์ (Finding Dory, ซีรีส์ Weeds) ในบททิเบอเรียส
สำหรับอพาร์ทเมนต์ที่ผู้คนพลุกพล่านหลังหนึ่งในแมนฮัตตัน แต่ละวันเริ่มจะต้นขึ้นหลังจากที่มนุษย์สองขาออกไปทำงานหรือไปโรงเรียน ตอนนั้นเองที่สัตว์เลี้ยงสารพัดลายและขนจะเริ่มต้นกิจวัตรประจำวันของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการคลุกคลีอยู่ด้วยกัน การแลกเปลี่ยนเรื่องราวน่าอายเกี่ยวกับเจ้าของของพวกเขา, การฝึกทำหน้าตาน่ารักเพื่อขอขนม และการดูรายการ Animal Planet เหมือนเป็นรายการเรียลลิตี้
แม็กซ์ (ซี.เค.) สุนัขหัวโจกของอพาร์ทเมนต์หลังนี้ เป็นสุนัขเทอร์เรียร์สมองไวที่ถูกเก็บมาเลี้ยง เขาเชื่อว่าตัวเขาเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลของ เคที (เคมเปอร์) เจ้าของของเขา แต่แล้วเขาก็พบว่าชีวิตแสนสบายของเขาต้องพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเธอพาดุ๊ค (สโตนสตรีท) สุนัขซื่อบื้อที่ไร้ทักษะในการสื่อสา กลับบ้านมาด้วย เมื่อสองคู่หูสุนัขจำเป็นพบว่าตัวเองหลงอยู่ในท้องถนนที่โหดร้ายในนิวยอร์ก พวกเขาก็ต้องปล่อยวางจากความขัดแย้งระหว่างกันเพื่อร่วมมือกันต่อกรกับกระต่ายขนปุกปุยจอมเจ้าเล่ห์ สโนว์บอล (ฮาร์ท) ผู้กำลังสร้างกองกำลังสัตว์เลี้ยงที่ถูกเจ้าของทิ้ง และต้องการจะแก้แค้นเหล่ามนุษย์...โดยทั้งหมดนี้จะต้องเสร็จเรียบร้อยก่อนที่เคทีจะกลับบ้านในตอนอาหารค่ำ
คริส เมเลแดนดรี้ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของอิลลูมิเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ และเพื่อนร่วมงานที่ยาวนานของเขา เจเน็ต ฮีลลี ผู้ร่วมกันอำนวยการสร้างแฟรนไชส์ ภาพยนตร์ยอดนิยม Despicable Me รวมถึงภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง Minions และ Dr. Seuss’ The Lorax ได้อำนวยการสร้างคอเมดีเรื่องนี้ ที่กำกับโดยคริส เรน็อด ร่วมกำกับโดยแยร์โรว์ เชนนีย์และเขียนบทโดยซินโก้ พอลและเคน ดูริโอ ร่วมด้วยไบรอัน ลินช์
ทีมงานเบื้องหลังของ The Secret Life of Pets ทุกคนต่างก็ได้ร่วมงานกันในภาพยนตร์ฮิตเมื่อเร็วๆ นี้ของอิลลูมิเนชัน ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นศูนย์รวมของทีมงานระดับแนวหน้า ทีมงานชุดนี้นำทีมโดยผู้ออกแบบงานสร้างอีริค กิลลอน, ผู้กำกับศิลป์ โคลิน สติมป์สัน, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายเลย์เอาท์ เรจิส ชูลเลอร์, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายคอมโพสิท เซลิน อัลเลอกรี, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายแสง เธียร์รี โนเบลท, หัวหน้าฝ่ายอนิเมชันตัวละคร จูเลียน ซอเร็ทและโจนาธาน เดล วัล, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่าย CG บรูโน โชฟาร์ด, ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายเอฟเฟ็กต์ ไซมอน เพทและไมโล ริคาแรนด์และมือลำดับภาพหลัก เคน เชิร์ทซ์แมนน์ พวกเขาได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ ผู้ประพันธ์เพลงรางวัลอคาเดมี อวอร์ด อเล็กซานเดร เดสแพลท เข้าร่วมกลุ่มด้วยเกี่ยวกับงานสร้าง
เรื่องราวณ ใจกลางนครแมนฮัตตัน แม็กซ์ สุนัขเทอร์เรียร์ผู้ได้รับการพะเน้าพะนอเอาใจเป็นอย่างดี มีความสัมพันธ์แสนสุขกับเคที เจ้าของผู้เก็บเขามาเลี้ยง จนกระทั่ง เคที สาวน้อยใจดี ได้รับ ดุ๊ค สุนัขพันธุ์ทางตัวใหญ่ขนปุกปุย มาเลี้ยงอีกตัว แม็กซ์ถึงกับอึ้งเมื่อเคทีบอกเขาว่า ดุ๊คเป็นน้องชายตัวใหม่ของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อดุ๊คถือโอกาสครอบครองของเล่นและเตียงของแม็กซ์ และทึกทักเอาเองว่าเขาและพี่ชายตัวใหม่ของเขาจะใช้ชีวิตที่แสนสุขสบายนี้ด้วยกัน
ขณะที่แม็กซ์ ผู้ขาดความเชื่อมั่น พยายามจะยึดอาณาเขตของตัวเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ดุ๊ค ผู้จริงๆ แล้วเป็นสุนัขน่ารักที่เจอกับช่วงเวลาเลวร้าย กลับไม่เข้าใจท่าทีแข็งกร้วาของแม็กซ์และรู้สึกกังวลว่าแม็กซ์พยายามจะกำจัดเขา สิ่งหนึ่งที่ดุ๊ครู้คือเขาไม่สามารถกลับไปยังสถานสงเคราะห์สัตว์ที่เขาแทบเอาชีวิตไม่รอดได้อีกแล้ว
ความขัดแย้งระหว่างทั้งคู่รุนแรงไปสู่ท้องถน และท้ายที่สุด มันก็ทำให้ทั้งคู่ถูกขังอยู่ในรถตู้ควบคุมสัตว์เพื่อมุ่งตรงไปยังสถานสงเคราะห์สัตว์ แต่เมื่อกระต่ายน่ารัก สติแตกที่ชื่อสโนว์บอล ผู้นำของแก๊งอดีตสัตว์เลี้ยงผู้ถูกเจ้าของทอดทิ้ง ผู้เรียกตัวเองว่า สัตว์เลี้ยงถูกทิ้ง ได้บุกเข้ามาในรถตู้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมแก๊งตัวหนึ่งของพวกเขา แม็กซ์และดุ๊คก็มองเห็นโอกาสและได้เจรจาต่อรองเพื่อให้ได้รับอิสรภาพ
เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน สโนว์บอลเรียกร้องให้พวกเขาเข้าร่วมกองทัพสัตว์เลี้ยงถูกทิ้งและใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาในรังลับในท่อระบายน้ำ เพื่อวางแผนการแก้แค้นเหล่ามนุษย์ที่ทอดทิ้งพวกเขา
เมื่อสโนว์บอลรู้ว่าแม็กซ์และดุ๊คมีเจ้าของที่พวกเขารักและใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เขาก็ปล่อยลูกสมุนของเขาให้ไล่ล่าพวกเขาไปทั่วทั้งนิวยอร์ก ซิตี้ เมื่อถูกบีบให้ต้องดึงเอาสัญชาตญาณดิบออกมาใช้เพื่อความอยู่รอด สองพี่น้องที่เคยไม่ลงรอยกันก็ต้องบุกตะลุยป่าคอนกรีต เพื่อกลับไปถึงบ้านอย่างปลอดภัย...ก่อนที่เคทีจะกลับบ้านไอเดียคริส เมเลแดนดรี้ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของอิลลูมิเนชัน เอนเตอร์เทนเมนต์ ได้สร้างบริษัทแห่งนี้ให้กลายเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์อนิเมชันชั้นนำของวงการบันเทิง เขาได้เล่าถึงที่มาของภาพยนตร์เรื่อง The Secret Life of Pets ว่า “แรงบันดาลใจเบื้องหลังหนังเรื่องนี้คือสัตว์เลี้ยงทุกตัวที่ผมกับครอบครัวเลี้ยงตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กเล็กๆ เราโตมากับแมว หมาและนก และสิ่งที่ผมตระหนักได้ตอนที่ผมโตเป็นพ่อคนแล้วคือเราทุกคนต่างก็มีความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เรากลับบ้าน เราก็จะนึกถึงความสุขบนใบหน้าของพวกมันตอนเห็นเราและนึกถึงมันตอนที่ทำอะไรซุกซนนิดๆ เราตระหนักว่าเรากำลังถามว่าพวกมันทำอะไรบ้างตอนเราไม่อยู่น่ะครับ”
“มันทำให้ผมแปลกใจที่ผมไม่ได้สงสัยเกี่ยวกับชีวิตสัตว์เลี้ยงของเราอยู่คนเดียวน่ะครับ” เขากล่าวต่อ “ทันทีที่ผมเริ่มมองสัตว์เลี้ยงของผมแบบนั้น ผมก็ตระหนักว่าทุกคนต่างก็มองสัตว์เลี้ยงของตัวเองในมุมมองนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นชีวิตจริงๆ หรือภาพในความคิด...มันไม่สำคัญหรอกครับ เราต่างก็สนใจในชีวิตส่วนตัวของพวกมันและสงสัยใคร่รู้ว่าพวกมันทำอะไรและคิดอะไรตอนที่พวกเราไม่อยู่”
นอกเหนือจากเมเลแดนดรี้ ผู้ทำงานจากสำนักงานใหญ่ของอิลลูมิเนชันในซานตา มอนิกา รัฐแคลิฟอร์เนียแล้ว เจเน็ต ฮีลลี ผู้ที่เขาอำนวยการสร้างภาพยนตร์ทุกเรื่องของอิลลูมิเนชันด้วย ก็ได้ดูแลสายงานสร้างของบริษัท อิลลูมิเนชัน แม็ค กัฟฟ์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมเลแดนดรี้ตั้งใจเอาไว้ว่า จะไม่มีการคิดคอนเซ็ปต์ของภาพยนตร์เรื่องไหนๆ หากภาพยนตร์เรื่องนั้นไม่ได้ฮีลลีมาเกี่ยวข้องด้วย พลางกล่าวชื่นชมว่า “เจเน็ตเป็นคู่หูการอำนวยการสร้างที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจินตนาการได้ และในตอนนี้ เราก็ได้อำนวยการสร้างหนังหลายเรื่องด้วยกัน เธอนำระดับความเป็นผู้นำ ความคิดสร้างสรรค์และพลังงานมาสู่ทุกแง่มุมของหนังทุกเรื่องครับ”
“ในตอนที่คุณทำงานกับหนังหลายเรื่องพร้อมๆ กัน มันก็จะต้องมีความสัมพันธ์แบบสนิทสนมกันครับ” เมเลแดนดรี้กล่าวต่อ “ผมเชื่อจริงๆ ว่าเธอจะต้องเป็นผู้อำนวยการสร้างที่ดีที่สุดในวงการอนิเมชันปัจจุบัน สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือเราไม่เพียงแต่มีความสุขในการทำงานหนังพวกนี้ด้วยกันในฐานะคู่หูอำนวยการสร้าง แต่เรายังได้มีความสุขกับประสบการณ์เหล่านี้ในฐานะเพื่อนด้วยครับ”
ฮีลลีพูดถึงเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “เราต่างก็นึกจินตนาการถึงนิสัยต่างๆ ให้กับสัตว์เลี้ยงของเรา สิ่งต่างๆ ที่เราอยากให้พวกมันเป็น แม้กระทั่งในตอนที่ไม่มีคุณสมบัติเหล่านั้น เราก็ยังคงรู้สึกว่าพวกมันมีชีวิตลับๆ ที่เราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพวกมันด้วย ใตอนที่คริสเล่าให้เราฟังถึงไอเดียนี้ เราก็คิดว่ามันน่าทึ่ง เขาเป็นผู้นำที่ดีเพราะเขาเป็นคนตัดสินใจเฉียบขาดและเข้าใจอนิเมชันและตัวละครมากกว่าใครๆ ค่ะ”
ในการร่วมงานกับทีมเขียนบทที่ประกอบไปด้วยซินโก้ พอล และเคน ดูริโอ ผู้ที่พวกเขาได้ร่วมงานด้วยมาก่อนในแฟรนไชส์ Despicable Me และ Dr. Seuss’ The Lorax ในตอนแรก เมเลแดนดรี้และฮีลลีก็ได้ขอให้พวกเขาพัฒนาไอเดียนี้ให้กลายเป็นบทภาพยนตร์ ตอนนั้น พวกเขาต้องเริ่มต้นงาน Despicable Me 3 และมือเขียนบท ไบรอัน ลินช์ ผู้เป็นที่รู้จักจากผลงานของเขากับอิลลูมิเนชันเรื่อง Minions, Hop และเครื่องเล่นสวนสนุก Minion Mayhem ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ก็ก้าวเข้ามาทำหน้าที่แทน
เมเลแดนดรี้เล่าถึงที่มาของตัวละครต่างๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ว่ามาจากเพื่อนร่วมงาน ผู้ซึ่งสัตว์เลี้ยงเป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกเขา “ซินโก้และเคนรับหน้าที่ในโปรเจ็กต์นี้ในตอนแรก และไบรอันก็ทำงานกับเราในช่วงปีสุดท้ายครับ” เขาตั้งข้อสังเกต “รายละเอียดส่วนใหญ่ในชีวิตของเขาได้ถูกใส่ลงไปในหนังเรื่องนี้ด้วย ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ดูทุกคนนำประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นสมัยวัยเด็กหรือจากสัตว์เลี้ยงที่พวกเขาเลี้ยงอยู่ตอนนี้ เข้าไปในหนังเรื่องนี้ครับ”
ดูริโออธิบายจุดเริ่มต้นของทุกอย่างว่า “สิ่งแรกที่คริสนำเสนอกับเราคือภาพของหมาที่มองเจ้าของออกจากบ้าน ทันทีที่เจ้าของไป หมาก็ทิ้งอาหารของมันในถังขยะแล้วเปิดตู้เย็นหาอะไรที่ดีกว่านั้นกิน มันเป็นภาพแรกที่ฝังอยู่ในความคิดเรา และมันก็ติดอยู่ในใจเราตลอดกระบวนการทั้งหมดครับ”
พอลพูดถึงสิ่งที่เป็นแรงขับดันกระบวนการที่เขาทำงานร่วมกับดูริโอว่า “กุญแจสำคัญสำหรับการสร้างหนังอิลลูมิเนชันคือเสียงหัวเราะและเรื่องอบอุ่นหัวใจเยอะๆ ครับ เราอยากให้คนหัวเราะมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่เราก็ยังอยากทำให้พวกเขาร้องไห้นิดๆ ในตอนจบด้วย”
ระหว่างที่พวกเขาครุ่นคิดเรื่องฉาก ทั้งคู่ก็รู้สึกถูกใจอาคารอพาร์ทเมนต์ในนิวยอร์ก “ในตอนแรก เราตัดสินใจว่าเราอยากให้เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในอาคารอพาร์ทเมนต์ครับ” พอลเล่า “มันทำให้เราได้เจอกับสัตว์เลี้ยงมากมาย และไอเดียที่ว่าเมื่อเจ้าของไม่อยู่ พวกมันก็จะปาร์ตี้กัน พวกมันจะจับกลุ่มนินทากันและดื่มน้ำจากโถส้วม เป็นสิ่งต่างๆ ที่พวกมันจะไม่ทำถ้าเจ้าของมองอยู่น่ะครับ”
นี่เป็นการร่วมงานกันครั้งที่สามระหว่างลินช์กับเมเลแดนดรี้ และเขาก็ชื่นชมแนวทางของเมเลแดนดรี้ที่ให้ตัวละครเป็นศูนย์กลาง “คริสพูดเสมอว่า ‘เราจะคิดเรื่องราวและฉากทีหลัง มาคิดกันก่อนดีกว่าว่าตัวละครหลักของเราเป็นใคร เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเธอก่อนหน้านั้น และเราอยากให้ผู้ชมรู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาและรู้สึกยังไงกับพวกเขาบ้าง เราจะต่อยอดจากตรงนั้น’ น่ะครับ” ลินช์กล่าว “การทำงานแบบนั้นเป็นประโยชน์เสมอครับ”
ลินช์ชื่นชอบการเผยชีวิตลับๆ ของสัตว์เลี้ยงพวกนี้พลางกล่าวว่า “หนังเรื่องนี้เป็นการยกย่องว่าเราทุกคนรักสัตว์เลี้ยงของเราแค่ไหน ไม่ว่าพวกมันจะทำอะไรในหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าพวกมันจะไปพบเจอเพื่อนใหม่หรือไปท้ามฤตยูยังไง พวกมันก็ยังต้องกลับบ้านมาเห็นเจ้าของของพวกมันกลับบ้าน แม้ว่าพวกมันจะไปผจญภัยสุดเหวี่ยงในตอนกลางวัน ไฮไลท์ของทุกวันก็ยังจะเป็นตอนที่เจ้าของของพวกมันกลับบ้านอยู่ดีครับ”
ช่วงเวลาที่เจ้าของของแม็กซ์พาดุ๊คกลับบ้านจากสถานสงเคราะห์เกิดจากแรงบันดาลใจพิเศษ เมเลแดนดรี้กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ผมจินตนาการว่าแม็กซ์คงจะรู้สึกเหมือนลูกชายวัยเก้าขวบของผมนิดๆ ตอนที่ผมกับภรรยากลับจากโรงพยาบาลพร้อมกับลูกคนใหม่ ‘หนูน้อยคนนี้มาจากไหน ใครขอให้เขามาอยู่นี่ ชีวิตฉันก่อนหน้าเขามาก็โอเคอยู่แล้ว ไม่นะ ฉันไม่อยากจะแบ่งทุกอย่างที่เพอร์เฟ็กต์ที่ฉันมีอยู่แล้วน่ะ’ น่ะครับ”