MSN on June 21, 2016, 08:52:29 AM
บล.เออีซี มอง SET ผันผวนในช่วงอังกฤษลงประชามติ มองหากออกจากอียู ดัชนีฯอาจหลุด 1400 จุด แต่จะฟื้นตัวกลับอย่างรวดเร็ว แนะลงทุนใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้ม  Outperform ชู LH -AP- SIRI- PACE- ANAN  - CBG- KTC – THANI - TPCH  แจ่มสุด     



บล.เออีซี ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงก่อนที่อังกฤษจะลงประชามติออก-ไม่ออกจากการเป็นสมาชิกอียู ผันผวนในกรอบ 1,400-1,440 จุด ระบุหากออกจากอียู SET มีโอกาสหลุด 1,400 จุด แต่ก็มีโอกาสฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว ในทางกลับกันหากผลประชามติออกมาให้ยังอยู่ในอียู ตลาดเกิดใหม่ก็พร้อมใจผงกหัวขึ้นทันที แนะลงทุนใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้ม  Outperform ชู LH -AP- SIRI- PACE- ANAN  - CBG- KTC – THANI – TPCH เจ๋งสุด

นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) (AEC)  เปิดเผยถึงกรณีที่อังกฤษจัดให้มีการลงประชามติเรื่องที่จะออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) หรือไม่ หรือ “Brexit” ซึ่งการโหวดจะเกิดขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายน 2559 นี้ ว่า หากอังกฤษตัดสินใจที่จะยังอยู่ต่อ ตลาดทุนจะคลายความกังวล และจะเกิดแรงขายทำกำไรในตลาดตราสารหนี้ของเยอรมันและญี่ปุ่นที่อัตราผลตอบแทนลดลงไปต่ำกว่าระดับ 0% ขณะที่ค่าเงิน EUR, GBP ราคาน้ำมัน และตลาดหุ้นเกิดใหม่จะฟื้นทันที นอกจากนี้จะมีแรงเทขายทองคำด้วย

อย่างไรก็ตาม หากผลการลงประชามติตัดสินอังกฤษออกจากอียู ภาคเศรษฐกิจมีโอกาสได้รับผลกระทบเชิงลบต่อการปรับลด GDP 10% ในปี 2559 ซึ่งอังกฤษจะมีเวลาในการปฏิรูปกฎหมายเป็นระยะเวลา 2 ปี ในกรณีนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสตอบสนองเชิงลบอย่างรวดเร็ว แต่ผลกระทบจะเกิดต่อตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศยุโรปโดยตรงมากกว่า ขณะที่ตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นดัชนีมีโอกาสหลุด 1400 จุด แต่ก็จะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

“แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงรอความชัดเจนจากการลงประชามติของอังกฤษ ประเมินว่าจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1400-1440  จุด ซึ่งในกรณีที่ผลการลงประชามติตัดสินอังกฤษออกจากอียู ตลาดหุ้นไทยระยะสั้นมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงหลุด 1400 จุด แต่ก็จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วจากปัจจัยสนับสนุนคือการลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป รวมทั้งความคาดหวังเรื่องของการลดน้ำหนักในตลาด Bond และเพิ่มน้ำหนักในตลาดทุนหลังจบประเด็นเรื่องประชามติอังกฤษ รวมไปถึงเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะทำได้ยาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ” นายเกรียงไกรกล่าว

ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) (AEC) กล่าวอีกว่า หลังวันที่ 23 มิ.ย. นี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แนะนำให้หาจังหวะเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้ม  Outperform  ประกอบด้วย 1.หุ้นในกลุ่มที่อยู่อาศัย ได้แก่ LH - AP- SIRI- PACE- ANAN  2.กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ได้แก่ CBG- MALEE  เนื่องจากมีแนวโน้มปรับเพิ่มผลการดำเนินงาน 3.กลุ่มเช่าซื้อได้แก่ KTC – THANI และ 4.กลุ่มพลังงานทดแทน ที่มี Event Drive การประมูลและมีผลการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ TPCH – BWG
« Last Edit: June 21, 2016, 03:17:47 PM by MSN »