happy on June 17, 2016, 03:45:11 PM

สภาพแวดล้อมการทำงานผ่านอุปกรณ์โมไบล์ได้อย่างเต็มที่ สามารถเพิ่มความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร
และเสริมประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด

จากผลสำรวจองค์กรทั่วโลกได้แสดงให้ CIO เห็นว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน, กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์,
สร้างความพึงพอใจในการทำงาน และความรัก องค์กรโดยการใช้กลยุทธ์ทางด้านโมไบล์ในองค์กรได้อย่างไร

จากผลการศึกษาองค์กรทั่วโลกล่าสุดภายใต้หัวข้อ “Mobility, Performance and Engagement” โดย The Economist Intelligence Unit (EIU) ได้กำหนดตัวชี้วัด เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง สภาพแวดล้อมที่สามารถทำงานผ่านอุปกรณ์โมไบล์ได้มากขึ้น มีผลต่อการความสัมพันธ์ ของพนักงานและองค์กร ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าเหล่า CIO นั้นสามารถผลักดันให้ธุรกิจเติบโตขึ้นได้จริงจากการใช้กลยุทธ์ด้านโมไบล์ เพื่อเปิดให้พนักงานสามารถทำงานผ่านอุปกรณ์โมไบล์ได้  โดยการวางแผนและบังคับใช้งานอย่างถูกต้อง

การศึกษาครั้งนี้ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย Aruba หนึ่งในบริษัทของ Hewlett Packard Enterprise (NYSE:HPE) นั้น ได้แสดงให้เห็นว่าองค์กรที่เหล่าพนักงาน “รุ่นใหม่” ให้การสนับสนุนการใช้งานเทคโนโลยีโมไบล์ในการทำงานเพิ่มขึ้น โดยพนักงานขององค์กรที่สามารถทำงานผ่านอุปกรณ์โมไบล์ได้จะมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น (16%), มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น (18%), มีความพึงพอใจในการทำงานสูงขึ้น (23%) และมีความรักองค์กรที่สูงขึ้น (21%)

     “ในปัจจุบัน องค์กรและพนักงานส่วนใหญ่ต่าง เห็นด้วยกับการอนุญาตให้ทำงานผ่านอุปกรณ์โมไบล์ (Mobile-First) สามารถส่งผลดีต่อธุรกิจได้ แต่ถ้าหากคุณสามารถบอกกับ CEO ของบริษัทในกลุ่ม Fortune 500 ว่าองค์กรของพวกเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานได้ถึง 16% หรือบอกหัวหน้าแผนกบุคคลว่าพวกเขาสามารถเพิ่มความรักที่มีต่อองค์กรได้มากกว่า 1 ใน 5 เราเชื่อว่าพวกเขาจะให้ ความสำคัญใน การลงทุนทางด้าน Mobility มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน” Chris Kozup รองประธานฝ่ายการตลาดแห่ง Aruba หนึ่งในบริษัทของ Hewlett Packard Enterprise กล่าว

     “ในขณะที่ผลการศึกษาก่อนหน้านี้ได้ชี้ถึงความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรเพิ่มขึ้นจากการที่องค์กรเปิดให้ใช้อุปกรณ์โมไบล์ในการทำงานได้ แต่รายงานนั้นก็ไม่ได้กล่าวว่าการเปิดให้ทำงานผ่านอุปกรณ์โมไบล์ได้จะมีต่อผลการดำเนินธุรกิจอย่างไร และรายงานฉบับนี้ก็ได้ชึ้ถึงตัวเลขในประเด็นนี้แล้ว” เขากล่าวเสริม

รายงานฉบับนี้ซึ่งได้ทำการสำรวจจากพนักงานจำนวน 1,865 คนจากองค์กรทั่วโลก ได้แสดงให้เห็นว่าพนักงานจำนวนมากเห็นประโยชน์ของการสนับสนุนให้ใช้อุปกรณ์โมไบล์ในการทำงานได้ โดย 6 ใน 10 (60%) ของพนักงานกล่าวว่าเทคโนโลยีทางด้านโมไบล์ทำให้พวกเขาทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่มากกว่า 4 ใน 10 (45%) เชื่อว่าเทคโนโลยีทางด้านโมไบล์ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาเพิ่มขึ้นในการทำงาน

การวิเคราะห์ของ EIU นี้ได้พยายามอธิบายว่าการนำเทคโนโลยีทางด้านโมไบล์ไปใช้นี้ ส่งผลอย่างไรต่อผลลัพธ์เชิงธุรกิจบ้างด้วยการนิยามหัวข้อต่างๆ อ้างอิงจากประสบการณ์ของพนักงานในกลุ่มองค์กรที่ใช้โมไบล์ในการทำงานเป็นหลัก แล้วจึงค่อยแสดงให้เห็นว่าแต่ละหัวข้อนั้นส่งผลกระทบอย่างไรต่อประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจอย่างไรบ้าง โดยมีแนวโน้มหลักๆ ที่น่าสนใจดังนี้:


การทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา

·         ความสามารถในการทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลานั้นดูเหมือนจะเป็นผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดอย่างชัดเจนต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน โดย 49% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่ามันมีผลกระทบในระดับสูงที่สุดต่อประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขา

·         นอกจากนี้ 38% ของผู้ตอบแบบสอบถามก็ได้ระบุว่าประเด็นนี้ก็ยังส่งผลมากที่สุดต่อความพึงพอใจที่พวกเขามีต่อองค์กรอีกด้วย
 
“ลองคิดถึงเวลาที่เคยเสียไปเปล่าๆ ในสนามบินหรือบนรถไฟดู – ตอนนี้เราไม่ต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ แบบนั้นอีกแล้ว” Kevin Melton ประธานฝ่ายขายและการตลาดแห่ง AXA PPP International ธุรกิจประกันสุขภาพกล่าว “คุณสามารถเชื่อมต่อ iPad เข้ากับ Wi-Fi ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย”


ความสามารถในการติดต่อสื่อสาร

·         ผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกชี้ให้เห็นว่าความสามารถในการติดต่อสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นถูกจัดให้เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีต่อความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน (38%) และอีก 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามก็กล่าวว่าปัจจัยนี้มีผลกระทบสูงสุดต่อความภักดีที่มีต่อองค์กรของพวกเขา

·         เพื่อช่วยให้การติดต่อสื่อสารภายในองค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น 42% ขององค์กรที่ถูกสำรวจนั้นมีการใช้เครื่องมือติดต่อสื่อสารในรูปแบบดิจิทัลบนอุปกรณ์โมไบล์อยู่แล้ว โดยองค์กรในประเทศอังกฤษก็มีการใช้งานระบบเหล่านี้สูงถึง 56% และแอพพลิเคชั่นสำหรับแชทบนอุปกรณ์โมไบล์อย่างเช่น Whatsapp นั้นก็ถูกใช้ในการทำงานในระดับองค์กรมากถึง 31% โดยองค์กรในประเทศสิงคโปร์มีอัตราการใช้งาน Whatsapp สูงสุดอยู่ที่ 66% เลยทีเดียว
 
“โอกาสและความท้าทายในประเด็นนี้ คือการผสานความต้องการในการทำงานนอกสถานที่ของพนักงาน เข้ากับความสามารถในการติดต่อสื่อสารกันเป็นทีมให้ได้” Kozup กล่าว “การมาของระบบติดต่อสื่อสารบนอุปกรณ์โมไบล์ได้สร้างหนทางใหม่ๆ ให้กับธุรกิจที่ทำให้ทีมสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกันในสถานที่จริงใดๆ ก็ตาม ซึ่งก็เป็นที่ชัดเจนว่าบริษัทที่สามารถทำสิ่งนี้ได้จะสามารถดึงดูดและซื้อใจพนักงานที่เก่งที่สุดเอาไว้ได้ดีกว่า”


การเข้าถึงข้อมูลในการทำงานได้ผ่านอุปกรณ์โมไบล์

·         42% ของพนักงานกล่าวว่าความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายนั้น ส่งผลให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมากที่สุด

·         ปัจจุบันนี้ 54% ขององค์กรมีการเปิดให้ทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์โมไบล์ใดๆ ที่ใช้ในการทำงานเข้ากับระบบเครือข่ายขององค์กรได้ เพื่อให้สามารถทำงานได้จากทุกสถานที่ ทั้งภายในและภายนอกออฟฟิศ


อิสระในการเลือกสถานที่ในการทำงาน

·         32% ของพนักงานชี้ว่าการที่ตนเองสามารถเลือกที่จะทำงานจากพื้นที่ใดภายในออฟฟิศก็ได้นั้น เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พวกเขามีความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าองค์กรใดๆ ก็ตาม สามารถสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ได้มากขึ้นด้วยการเปิดให้พนักงานในองค์กรเลือกที่นั่งทำงานได้อย่างอิสระ ในขณะที่อีก 29% ของพนักงานได้ระบุว่าอิสระในการเลือกที่นั่งทำงานได้นั้นช่วยเพิ่มความภักดีที่มีต่อองค์กรของพวกเขามากที่สุด

·         เพื่อช่วยเพิ่มอิสระในการเลือกที่นั่งทำงาน ในรายงานนี้ได้ค้นพบว่า 46% ขององค์กรได้มีการใช้นโยบายแบบโต๊ะอิสระ (Hot Desk) ที่รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์โมไบล์ได้อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ภายในออฟฟิศ ซึ่งประเด็นนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าการปรับปรุงรูปแบบในการทำงานให้พนักงานสามารถสื่อสารกันได้มากขึ้นนั้นกำลังเป็นที่นิยม โดยองค์กรต่างๆ ในประเทศอังกฤษนั้นมีการใช้นโยบายโต๊ะอิสระสูงที่สุดในโลก (54%) ตามมาด้วยออสเตรเลียและเยอรมนี (53% เท่ากัน)
 
“แต่ละคนนั้นจะต้องสามารถทำงานได้ตามแนวทางที่ตัวเองถนัด” Holger Reisinger รองประธานอาวุโสและหัวหน้าของ New Ways of Working Initiative แห่ง Jabra บริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีทางด้านระบบเสียงกล่าว “เราต้องสร้างอิสระในการเลือกแนวทางการทำงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แก่พนักงาน คุณจะต้องทำให้มันเหมาะสมกับพนักงานแต่ละคนมากขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานแบบมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เพราะยิ่งคุณพยายามที่จะควบคุมวิธีการทำงานของพนักงานแต่ละคนมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งพบกับความเสี่ยงที่พนักงานเหล่านั้นจะยิ่งทำงานน้อยลงเท่านั้น”


โมไบล์ไม่ใช่เรื่องของคนยุคมิลเลนเนียลเท่านั้นอีกต่อไป

จากผลการศึกษาของ EIU นี้ได้ค้นพบว่าอายุของเหล่าผู้ตอบแบบสอบถามไม่ได้เป็นปัจจัยในการที่พนักงานในองค์กรจะมีประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้นหรือมีความผูกพันต่อองค์กรมากขึ้นจากการเปิดให้ใช้อุปกรณ์โมไบล์ในการทำงาน ในความเป็นจริงแล้ว การศึกษาชิ้นนี้ได้ลบล้างคำกล่าวอ้างที่เป็นที่นิยมว่า การทำงานผ่านอุปกรณ์โมไบล์เป็นโลกของคนรุ่นใหม่ ซึ่งการค้นพบนี้จะยิ่งทำให้แต่ละองค์กรต้องจัดให้การนำเทคโนโลยีทางด้านโมไบล์มาใช้ในองค์กรมากขึ้นเป็นความสำคัญระดับสูงสุดของการวางนโยบายภายในองค์กร
 
นอกจากนี้ ถ้าหากแบ่งผู้ตอบแบบสอบถามออกเป็นสองกลุ่มตามการเปิดรับต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยกลุ่มแรกคือกลุ่มที่พิจารณาว่าตนเองเปิดรับเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว (Early Adopter) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ Aruba ให้คำนิยามเอาไว้ว่าเป็น #GenMobile และอีกกลุ่มที่พิจารณาว่าตนเองนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ช้ากว่าคนอื่น (Laggard) จะพบว่ากลุ่มที่เป็น Early Adopter นั้นมีแนวโน้มที่จะเลือกตอบแบบสอบถามว่าเทคโนโลยีทางด้านโมไบล์ส่งผลดีต่อการทำงานมากกว่า โดยทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น (72% ของกลุ่ม Early Adopter นี้เห็นด้วยกับข้อความนี้ ในขณะที่กลุ่ม Laggard นั้นเห็นด้วยเพียง 50%), มีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น (59% และ 48% ตามลำดับ), มีความคิดสร้างสรรค์สูงขึ้น (52% และ 40% ตามลำดับ) และมีความภักดีต่อองค์กรสูงขึ้น (44% และ 31% ตามลำดับ)
 
อย่างไรก็ดี เหล่าผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็น #GenMobile นี้ก็มีความต้องการในประเด็นต่างๆ ที่มากกว่ากลุ่มอื่นๆ โดย 40% กล่าวว่าพวกเขาจะไม่มีวันทำงานในบริษัทที่ไม่อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์โมไบล์ของพวกเขาเองในการทำงาน ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของการตอบแบบสอบถามข้อนี้ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดอยู่ที่เพียง 22% เท่านั้น
 
Kozup กล่าวว่า “นี่เป็นการยืนยันอีกครั้งว่าเหล่าพนักงานกลุ่ม #GenMobile เป็นกลุ่มที่ไม่สามารถถูกจำแนกได้จากอายุหรือปีที่เกิด แต่สามารถจำแนกได้ตามความเชื่อมั่นและความยึดติดกับการใช้อุปกรณ์โมไบล์ในการทำงานเสียมากกว่า และไม่เพียงแต่กลุ่ม Early Adopter นี้จะเป็นกลุ่มพนักงานที่มีคุณค่ามากกว่าพนักงานกลุ่มอื่นๆ เท่านั้น แต่มุมมองที่พวกเขามีในทุกๆ วันนี้จะกลายเป็นมุมมองของกลุ่มคนส่วนใหญ่ในอนาคตที่เทคโนโลยีทางด้านโมไบล์จะแพร่หลายยิ่งกว่านี้ ดังนั้นเหล่า CIO ควรจะได้รับคำแนะนำในการรับฟังความคิดเห็นของพนักงานกลุ่มนี้ รวมถึงแก้ไขข้อกังวลใจต่างๆ ของพนักงานกลุ่มนี้เป็นพิเศษด้วย”
 
Pete Swabey บรรณาธิการอาวุโสแห่ง The Economist Intelligence Unit ได้สรุปเอาไว้ว่า “รายงานฉบับนี้ได้พิสูจน์ว่าเหล่า CIO มีโอกาสที่จะใช้กลยุทธ์เทคโนโลยีทางด้านโมไบล์เพื่อสร้างประสบการณ์ในการทำงานที่ดีให้แก่เหล่าพนักงานได้จริง รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน, ความคิดสร้างสรรค์, ความภักดี และความพึงพอใจในการทำงานของเหล่าพนักงานด้วย นี่คือจุดที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการลดค่าใช้จ่ายตามปกติที่องค์กรเคยทำ และทำให้ IT มีบทบาทในการสร้างสิ่งที่มีความหมายมากขึ้นในองค์กร ทั้งในแง่ของการตอบสนองต่อความทะเยอทะยานขององค์กรในการดำเนินกลยุทธ์ต่างๆ และการทำให้ชีวิตของเหล่าพนักงานดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน”
 
เพื่อเป็นแนวทางให้แก่เหล่า CIO ว่าควรจะคิดปรับปรุงการนำโมไบล์มาใช้ในการทำงานอย่างไรให้เกิดผลดีกับรายรับขององค์กร ทาง Aruba จึงได้ทำการพัฒนาพิมพ์เขียวสำหรับ CIO เพื่อให้องค์กรนำไปใช้และสร้างผลกำไรในธุรกิจเพิ่มเติมได้เอาไว้ให้แล้ว
เอกสารเพิ่มเติม
 
·         GenMobile Overview Landing Page: http://www.arubanetworks.com/GenMobile2016
·         Download The Economist Intelligence Unit Report: http://www.arubanetworks.com/pdf-viewer/?q=/assets/EIUStudy.pdf
·         Download the Blueprint - Getting Your IT Infrastructure Ready for the Digital Workplace: http://page.arubanetworks.com/GenMobile-Hub-Report-Aruba-Blueprint.html
·         Blog – “Study: Mobility Leaders Benefit Significantly Over Laggards”: https://www.hpe.com/us/en/newsroom/news-archive/featured-article/2016/04/Study-Mobility-Leaders-Benefit-Significantly-Over-Laggards.html
·         Infographic “#GenMobile Performance and Engagement”: www.arubanetworks.com/GenMobileInfographic


เกี่ยวกับอรูบ้าบริษัทหนึ่งในเครือฮิวเล็ตแพ็กการ์ด

อรูบ้าเป็นหนึ่งในเครือบริษัทฮิวเลตต์แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์และเป็นผู้นำในการจัดหาโซลูชั่นระบบเครือข่ายที่ล้ำสมัยสำหรับองค์กรทุกขนาดทั่วโลก บริษัทเป็นผู้ผลิตโซลูชั่นด้านไอทีที่ช่วยเพิ่มพลังให้องค์กรในการให้บริการแก่ผู้ใช้รุ่นใหม่ที่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์พกพาผู้ซึ่งใช้ apps ต่าง ๆ ทางธุรกิจที่วางอยู่บนคลาวด์ในทุก ๆ ขั้นตอนของการดำเนินชีวิตทั้งในที่ทำงานและเรื่องส่วนตัว
 
เรียนรู้เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับอรูบ้าได้ที่ http://www.arubanetworks.com ถ้าต้องการข้อมูลที่ล่าสุดตลอดเวลาสามารถติตามโดยการ follow on Twitter และสำหรับการพูดคุยทางเรื่องเทคโนโลยีล่าสุดเกี่ยวกับ mobility และผลิตภัณฑ์ของอรูบ้า เยี่ยมชม Airheads Social ที่ http://community.arubanetworks.com

©2016 Aruba, a Hewlett Packard Enterprise company, Aruba’s trademarks include Aruba Networks®, Aruba The Mobile Edge Company® (stylized), Aruba Mobility-Defined Networks™, Aruba Mobility Management System®, People Move Networks Must Follow®, Mobile Edge Architecture®, RFProtect®, Green Island®, ETips®, ClientMatch®, Virtual Intranet AccessTM, ClearPass Access Management SystemsTM, Aruba InstantTM, ArubaOSTM, xSecTM, ServiceEdgeTM, Aruba ClearPass Access Management